ข่าวครึกโครมที่สุดในช่วงนี้ที่เป็นทั้งข่าวสังคม และข่าวสังคมการเมือง ก็คงไม่พ้นเรื่องของ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ และคุณปริญญ์ พานิชภักดิ์
ในกรณีแรก ก็ถือเป็นเรื่องคลุมเครือ แคลงใจ ของสังคม ว่ามีการใช้อำนาจโดยมิชอบในเชิงทุจริตหรือไม่? ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เจ้าตัวได้ออกมาแสดงความพร้อมที่จะรับผิดชอบ เข้าสู่กระบวนการสอบสวนเพื่อให้ความกระจ่าง และจะได้พ้นมลทิน โดยเริ่มจากการลาออกจากทุกตำแหน่งในรัฐบาล
ส่วนในกรณีที่สอง ก็เป็นเรื่องพฤติกรรมว่าด้วยการละเมิดทางเพศหลายวาระ หลายกรณี ซึ่งก็มีการฟ้องร้องต่อกระบวนการยุติธรรมกันแล้วสังคมต้องรอดูผลกันต่อไป ในขณะที่เจ้าตัวก็ประกาศลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรคการเมืองที่ตนสังกัด (พรรคประชาธิปัตย์) ก็ถือว่าเป็นการแสดงความรับผิดชอบในระดับหนึ่ง
ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ก็คงต้องเคารพต่อการตัดสินใจของบุคคลทั้งสอง ว่าอย่างน้อยก็ไม่ลอยหน้าลอยตาอยู่ในตำแหน่งทางการเมืองที่เป็นที่รู้กันว่าเป็นตำแหน่งที่มีอิทธิพลต่อสังคม
แต่คำถามที่ตามมาก็คือ ผู้บังคับบัญชาของ ดร.เสกสกล และคุณปริญญ์ จะไม่คิดที่จะรับผิดชอบอะไรสักหน่อยหรือ? ยังทำตัวเสมือนว่าข้อกล่าวหาว่าด้วยความมัวหมองของบุคลากรในสังกัดตนนั้นไม่เกี่ยวกับผู้บังคับบัญชาเลย ยังคงอยู่ในสภาวะ “ลอยตัว” หรือ “ล้างมือ (Wash my hands)” ด้วยการบอกว่า ก็เขาลาออกไปแล้ว ถือว่าไม่เกี่ยวกับตัวผู้บังคับบัญชาแล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามครรลองของกระบวนการยุติธรรมก็พอ
อย่าลืมว่าในความนึกคิดของสังคมทั่วไปในโลกนี้ก็มักจะมี 2 เรื่องที่วิ่งควบคู่กันไป คือเรื่องตัวบทกฎหมายของบ้านเมือง และความรู้สึกผิดชอบในเรื่องศีลธรรมหรือจริยธรรมหรือคุณธรรม หรือนัยหนึ่งพฤติกรรมอันน่าสงสัย หรืออันน่าอดสูของบุคคลในบังคับ จะแยกออกอย่างเด็ดขาดจากภาระรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาได้หรือ?
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ไปชักชวนตัว ดร.เสกสกล มาร่วมทำงานด้วย และมีตำแหน่งต่างๆ ให้ด้วย ในขณะที่ คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และรองนายกรัฐมนตรี ก็เป็นตัวตั้งตัวตีที่สำคัญที่สุดในการเอาคุณปริญญ์ มาเป็นรองหัวหน้าพรรค ดูแลเรื่องเศรษฐกิจ ด้วยการงดเว้นการใช้ข้อบังคับพรรคที่ว่า กรรมการพรรคจะต้องมีอายุสมาชิกพรรคอย่างน้อย 5 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังได้มอบหมายให้คุณปริญญ์เป็นผู้อำนวยการการรณรงค์เลือกตั้งชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. อีกด้วย
ในการนี้ทั้ง 2 ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เป็นหัวหน้า เป็นผู้บังคับบัญชา จะทำเพิกเฉย และจะแอบอยู่เบื้องหลังการลาออกดังกล่าว และกระบวนการการหาข้อเท็จจริงตามกฎเกณฑ์กติกาบ้านเมืองดังกล่าว ก็ดูจะไม่เป็นการเพียงพอ ถือเป็นเรื่องคาอกคาใจ และบั่นทอนความน่าเชื่อถือและความเคารพนับถือ
ฉะนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ดี และคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ก็ดี ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ที่มีตำแหน่งสำคัญๆ เสมือนเป็น “มือซ้าย มือขวา” หรือ “หนุมาน” ในการบริหารจัดการองค์กรของตน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ จะออกมาแสดงความรับผิดชอบอย่างใด ก็คงไม่ต้องแนะนำกัน เพราะทั้งคู่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของสังคม มากด้วยประสบการณ์ สติปัญญา
สังคมไทยเราจะต้องไม่น้อยหน้าไปกับประเทศใดๆ ในการที่ผู้นำต้องรับผิดชอบต่อความล้มเหลวในการคัดเลือกและแต่งตั้งบุคคลให้เข้ามาร่วมงานร่วมการ โดยเฉพาะการมอบตำแหน่งสำคัญๆ ให้ ฉะนั้น ทั้ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ จะเมินต่อปัญหาหรือทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่ได้ ต้องแสดงจุดยืนและท่าทีของตนให้แน่ชัด ให้เป็นที่ยอมรับได้ของสังคม การจะปัดสวะให้พ้นตัวมิใช่ภาวะของการเป็นผู้นำ ท่ามกลางความตกต่ำของศีลธรรมของสังคมไทย การแสดงความเป็นตัวตนของทั้งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ก็จะเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อของสังคมไทย ที่จะเอาธรรมะและธรรมาภิบาลกลับสู่บ้านเมือง
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี