ประเทศไทยประสบกับวิกฤตถังแตกครั้งร้ายแรงที่สุดช่วงปี 2474 ถึงขนาดไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ต้องปลดข้าราชการจำนวนมาก และต้องลดเงินเดือนข้าราชการลงโดยทั่วไป ทำให้ความขัดแย้งภายในประเทศขึ้นสู่กระแสสูง และในที่สุดก็เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475
วิกฤตดังกล่าวเกิดขึ้นจากวิกฤตทางเศรษฐกิจทั่วโลก และวิกฤตการณ์จากสงครามโลก ครั้งที่ 1 ซึ่งส่งผลกระทบกับประเทศไทยโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่ต่างกับบรรดาประเทศยุโรปทั้งหลายที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสงครามยูเครนในขณะนี้
บัดนี้วิกฤตทางเศรษฐกิจที่ใหญ่โตที่สุดและร้ายแรงที่สุดกำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทยและเป็นสถานการณ์เผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้ ในขณะที่รัฐบาลปัจจุบันนี้ไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ มิหนำซ้ำนอกจากเป็นผู้สร้างปัญหาขึ้นแล้วยังซ้ำเติมความหนักหน่วงของปัญหาเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
ระยะเวลา 7-8 ปีมานี้รัฐราชการได้ขยายตัวครั้งใหญ่ที่สุด จำนวนข้าราชการลูกจ้างของรัฐและจำนวนเงินที่จ่ายเงินเดือนค่าจ้างและค่าตอบแทนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐได้เพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราดจนรายได้แผ่นดินเติบโตไม่ทัน
ที่สำคัญ ความเติบโตของรัฐราชการนั้นได้ถ่วงรั้งทำลายความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของประเทศชาติอย่างยับเยิน ด้วยการเติบโตของการคอร์รัปชั่นที่ถึงขั้นโกงบ้านกินเมือง ที่ไม่เคยมียุคใดสมัยใดมีการคอร์รัปชั่นกว้างไกลยิ่งใหญ่เท่ายุคนี้
รัฐราชการที่ล้าหลังและคอร์รัปชั่นนี้ได้ทำร้ายประเทศชาติอย่างร้ายแรงที่สุด โดยเฉพาะได้อาศัยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคบ้าทำให้การพัฒนา การค้าระหว่างประเทศ และการดำเนินธุรกิจภายในประเทศพังพินาศย่อยยับจนหมดสิ้น
ทำให้ประชาชนและภาคธุรกิจต้องปิดกิจการ ต้องล้มละลายทั่วทั้งประเทศ เพราะการออกมาตรการผิดๆ ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินที่ดำเนินมาสองปีเศษแล้ว ทำให้ผู้ประกอบการทุกภาคส่วนล้มละลาย ขาดทุน ดังที่เรียกว่าเจ๊งทั้งแผ่นดิน ในขณะนี้ประชาชนก็เต็มไปด้วยหนี้สิน
ขณะเดียวกันรายได้แผ่นดินก็ไม่พอกับรายจ่าย ต้องกู้เงินกู้แล้วกู้เล่า จนล่าสุดรายได้แผ่นดินจัดเก็บได้เพียงครึ่งเดียวของรายจ่าย และต้องนำเงินคงคลังมาใช้จนเกือบหมดแล้ว ล่าสุดเงินคงคลังคงเหลือเพียง 300,000 ล้านบาทเศษเท่านั้น
ประเทศไทยเป็นหนี้สาธารณะที่เป็นตัวเลขทางการ 10 ล้านล้านบาท และที่ซุกหนี้ไว้อยู่นอกระบบอีกกว่า 1 ล้านล้านบาทรวมแล้วเกือบ 12 ล้านล้านบาท เกินกว่า 60% ของ GDP ทำให้ไม่สามารถก่อหนี้ได้อีกต่อไป และนับเป็นการก่อหนี้สินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติ
แม้ขนาดนั้นแล้ว ณ เวลานี้รัฐก็ไม่มีรายได้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย จะกู้เพิ่มก็ไม่ได้เพราะติดปัญหาเพดานหนี้สาธารณะและติดด้วยปัญหาทางการเมือง ที่ถ้าหากเสนอกฎหมายสร้างหนี้เมื่อใดก็จะถูกคว่ำเมื่อนั้น ดังนั้น จึงใช้มาตรการเฉพาะหน้าขายผ้าเอาหน้ารอด ผัดผ่อนหนี้ของภาครัฐ แม้กระทั่งหนี้ค่ารักษาพยาบาลที่ต้องจ่ายแก่โรงพยาบาลต่างๆ ในการรักษาโคบ้าก็ค้างจ่ายเป็นจำนวนมาก และกำลังเริ่มการลดจำนวนลูกจ้างภาครัฐลง ซึ่งก่อเค้าให้เห็นแล้วว่าอีกไม่นานนักอาจกระทบต่อการจ่ายเงินเดือนให้กับข้าราชการ
เพราะเหตุไร้ปัญญาความสามารถในทางเศรษฐกิจ เพราะแม้ถึงขณะนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่ามีใครรับผิดชอบทางเศรษฐกิจของประเทศ เพราะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจคือนายกรัฐมนตรีนั้นก็รู้ๆ กันอยู่ว่ามีความรู้ทางเศรษฐกิจแค่ไหน เอากันแค่ให้ประชาชนไปปลูกมะนาว ไปเลี้ยงไก่ ก็เห็นอนาคตทางเศรษฐกิจของชาติแล้ว
เศรษฐกิจของชาติล่มสลายลงอย่างทั่วด้านและไม่มีใครคิดอ่านแก้ไขฟื้นฟู จะค้าขายกับต่างประเทศทั่วไปก็ทำไม่ได้เพราะตั้งตนอยู่ในอาณัติของนักล่าอาณานิคม ข้าวของแพงก็แก้ไม่ได้ น้ำมันแพงก็แก้ไม่ได้ เพราะเจ้าอาณานิคมไม่ยอมให้ซื้อน้ำมันราคาถูกๆ มาช่วยเหลือประชาชน
ดังนั้นมาตรการทางเศรษฐกิจจึงมีแต่กู้มาแจกและในที่สุดก็แจกไม่ไหว จากโครงการคนละครึ่งซึ่งเบียดเบียนทรัพย์สินของราษฎรให้มาสมทบจ่ายอีกครึ่งหนึ่งนั้น ไม่เพียงแต่รัฐบาลเจ๊ง ผู้เข้าร่วมโครงการก็เจ๊งด้วย เพราะต้องไปควักกระเป๋าเอาเงินก้นถุงหรือไม่ก็กู้ยืมมาสมทบจ่ายอีกครึ่งหนึ่ง
ซึ่งเป็นการจ่ายในลักษณะที่ไม่สร้างสรรค์ เพราะเป็นการจ่ายในเชิงฟุ่มเฟือยและเที่ยวเตร่เฮฮาจึงพากันเจ๊งทั้งรัฐและราษฎร เมื่อกู้มาแจกคนละครึ่งไม่ไหวก็ปรับโครงการเป็นรัฐออกเสี้ยวหนึ่ง ประชาชนออก 3 ใน 4 ซึ่งประชาชนก็จ่ายไม่ไหว
เดชะบุญที่จะกู้มาแจกเสี้ยวหนึ่งนั้นทำไม่ได้แล้ว เพราะถูกจับได้ว่าเป็นการซุกหนี้สาธารณะ จะออกกฎหมายเพิ่มเติมงบประมาณก็ทำไม่ได้จึงคาราคาซังอยู่จนถึงทุกวันนี้
เพราะความผิดพลาดล้มเหลวเช่นนี้จึงทำให้หนี้ครัวเรือนหรือหนี้ของประชาชนเพิ่มขึ้นสูงสุดในประวัติศาสตร์ คือมีจำนวนถึง 14.5 ล้านล้านบาท และว่ากันว่าจำนวนนี้ยังไม่รวมถึงหนี้ในภาคธุรกิจและสถาบันการเงินที่เป็นหนี้พะรุงพะรัง จนคิดสะระตะแล้วมากมายมหาศาลชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
สภาพเช่นนี้เป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ แต่รัฐบาลปัจจุบันนี้คงไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว ใครจะมาเป็นรัฐบาลใหม่จะต้องรับภาระอันหนักอึ้ง หากไม่มีสติปัญญาความสามารถแท้จริงแล้วก็บอกได้คำเดียวว่าชาติล่มจม ประชาชนย่อยยับ
ดังนั้นประชาชนชาวไทยจึงต้องทำความเข้าใจสถานการณ์นี้ให้ดี และต้องไม่อนุญาตให้นักการเมืองเส็งเคร็งขี้ฉ้อตอแหลเข้ามามีอำนาจในบ้านเมืองอีกต่อไป เพราะวิกฤตใหญ่หากแก้ไขไม่ได้คนไทยทั้งชาติก็จะต้องรับชะตากรรมร่วมกัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี