นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุก หนีหมายจับของศาล เคลื่อนไหวเหน็บแนมการแก้ปัญหาในประเทศไทย คุยโม้แบบหน้าไม่อาย ปั่นกระแสว่าถ้าไม่มีรัฐประหาร ประเทศไทยจะเจริญอย่างนั้นอย่างนี้ ตนจะพัฒนาประเทศดีเลิศไปถึงไหนต่อไหน ฯลฯ
คุยโวน้ำลายท่วมคลับเฮ้าส์
วัคซีนร้อยล้านโดส ขี้หมากองเดียว ยังไม่ได้เลย!
ยังกล้ามาแขวะการช่วยคนมีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในปัจจุบันด้วย
1. ขอให้พรรคเพื่อไทยและพรรคบริวาร ประกาศเลยว่าถ้าได้เป็นรัฐบาล จะยกเลิกโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงโครงการคนละครึ่ง และจะไม่ใช้วิธีจ่ายเงินช่วยเหลือตรงเข้าสู่ผู้มีรายได้น้อยอีกเลย
ถ้าไม่กล้าประกาศ ก็ควรสะกิดนายใหญ่ให้หยุดโหยหวน
2. บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ใช่โครงการแก้จน แต่เป็นการช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของคนที่มีรายได้น้อย โดยจ่ายเงินตรงเข้าบัตร
การแก้จน เขามีโครงการอีกหลายโครงการ ทั้งฝึกอาชีพทั้งช่วยแก้หนี้ แก้ปัญหาที่ดินทำกิน ฯลฯ
3. ที่น่าสังเวช คือ ในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ก็เคยโฆษณาชวนเชื่อให้ชาวบ้านมาลงทะเบียนคนจน ในช่วงก่อนเลือกตั้ง
แต่ปรากฏว่า ลงทะเบียนไปแล้ว ก็ไม่มีมาตรการอะไรเข้ามาช่วยเหลือ
นายเสนาะ เทียนทอง อดีตแกนนำรัฐบาลทักษิณ เคยแฉในหนังสือรู้ทันทักษิณ 4 เกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนคนจนในยุครัฐบาลทักษิณ ระบุว่า
“...หากต้องการรู้ทันทักษิณ ต้องเข้าใจเสียก่อนว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนอย่างไร เพราะลักษณะเฉพาะและตัวตนของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นตัวกำหนดพฤติกรรมการใช้อำนาจและบริหารราชการแผ่นดินของทักษิณทั้งหมด นั้น ประกอบขึ้นมาเป็นระบอบทักษิณ ซึ่งมีทั้งระบบการใช้อำนาจและการแสวงหาผลประโยชน์อยู่ร่วมกันพ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนมีวุฒิการศึกษา แต่ขาดวุฒิภาวะการเป็นผู้นำ ไม่มีสภาวะผู้นำ โดยเฉพาะในระดับประเทศ เป็นคนไม่มีประสบการณ์ในการบริหารราชการ แม้เคยรับราชการตำรวจก็อยู่ไม่นาน และใช้เวลาว่างไปกับการประกอบธุรกิจ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนักเสี่ยงโชค ขาดความรอบคอบ เคยประสบปัญหาทางธุรกิจ แลกเช็คและถูกฟ้องเช็คเด้ง นิยมบริหารธุรกิจแบบคิดไวทำไว โดยใช้การตลาดเป็นเครื่องมือ
การจดทะเบียนคนจนนั้น ผมเคยแนะนำว่ามันทำไม่ได้ไปประกาศเฉยๆ ไม่ได้ เอามาขึ้นทะเบียนเฉยๆ คนที่เป็นหนี้สินอยู่ที่ไม่ใช่คนจนก็ไปจดทะเบียนด้วย มันจะบานปลายไปใหญ่ พี่ไม่เห็นด้วย มองด้วยจิตสำนึกมันปฏิบัติไม่ได้ มันได้แค่โชว์ตัวเลขตอนเลือกตั้งจากนั้นไม่มีผลจริง
แต่ทักษิณตอบว่า โธ่...พี่เหนาะ คนตาบอดมันกลัวเสือเหรอ
ถ้าเราไม่พูดแบบนี้เราจะได้เสียงเหรอ
เขาพูดอย่างนี้ แสดงว่าไม่ได้จริงใจกับนโยบาย ประกาศไปก่อนค่อยหาวิธีการทำการตลาดทีหลัง ไปเสี่ยงเอาข้างหน้า ขอให้ได้คะแนนเสียงไว้ก่อน ไม่สนวิธีปฏิบัติราชการ แม้แต่โครงการ SML ผมก็เตือนว่าเข้าข่ายซื้อเสียง เพราะอยู่ในภาวะเลือกตั้ง ทักษิณตอบว่า โธ่...อำนาจอยู่ที่เรา กกต.ก็ของเรา คนก็ของเรา”
4. เอาแค่เรื่องภาษี
กรมสรรพากรประเมินภาษีจากทักษิณ เป็นเงิน 17,629 ล้านบาท
เป็นการประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประจำปี 2549
โดยเจ้าหน้าที่ได้นำหนังสือแจ้งประเมิน ไปติดหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า บ้านเลขที่ 472 จรัญสนิทวงศ์ ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2560
สืบเนื่องมาจากการขายหุ้นชินคอร์ปที่นายทักษิณเป็นเจ้าของตัวจริง แต่อำพรางไว้ในชื่อคนอื่น ก่อนจะขายต่อไปให้กลุ่มเทมาเสก
กรมสรรพากรระบุว่า นายทักษิณมีเงินได้พึงประเมิน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 15,899 ล้านบาท เมื่อรวมกับเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม คำนวณถึงวันที่ 31 มี.ค. 2560 รวมเป็นระยะเวลา 120 เดือน ทำให้มีเงินภาษีซึ่งนายทักษิณต้องจ่ายรวม 17,629 ล้านบาท
ระบุให้ไปชำระที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาบางพลัด
สืบเนื่องมาจาก ปี 2549 นายทักษิณขายหุ้นชินคอร์ป 1,487 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 49.25 บาท รวมเป็นเงินกว่า 73,271 ล้านบาท หลังซื้อมาจากแอมเพิล ริช ในราคาเพียงหุ้นละ 1 บาท
สรรพากรเคยออกหมายเรียกนายพานทองแท้ และน.ส.พินทองทา นอมินีที่ถือหุ้นแทนนายทักษิณ มาไต่สวนเมื่อปี 2555
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ให้ถือว่าเคยออกหมายเรียกทักษิณมาไต่สวนแล้ว และทำให้อายุความขยายมาจนถึง 31 มี.ค. 2560 และทันทีที่ส่งหนังสือประเมินให้นายทักษิณ “อายุความ” ก็จะหยุดลง
ฝ่ายนายทักษิณยื่นอุทธรณ์ ซึ่งได้มีคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ชี้ชัดว่า การประเมินภาษีนายทักษิณ เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ระเบียบ เป็นไปตามบทบัญญัติประมวลรัษฎากรและเป็นธรรมแล้ว ข้อกล่าวอ้างของผู้อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น ตามพฤติการณ์ผู้อุทธรณ์ หรือนายทักษิณ เป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปที่แท้จริงที่ต้องเสียภาษีอากร แต่ให้นายพานทองแท้ และนางสาวพินทองทา เป็นตัวแทนเชิดในการซื้อหุ้นชินคอร์ปจากแอมเพิล ริชฯ นอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ในราคาต่ำกว่าราคาตลาด จึงมีเจตนาไม่สุจริต เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงภาษีอากรและทำให้รัฐเสียประโยชน์ จึงไม่งดหรือลดเบี้ยปรับ
ทักษิณเสียภาษีตามที่ถูกสรรพากรประเมินเก็บแล้วหรือยัง?
ถ้าลูกไม่จ่าย พ่อก็ต้องจ่าย ไม่ใครคนใดคนหนึ่งก็ต้องจ่ายเพราะภาษีที่เขาเรียกเก็บ ไม่ใช่จากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แต่เป็นลอตที่ซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี