ในยุคนี้ ประเทศส่วนใหญ่มักจะมีการกำหนดเทอม หรือระยะเวลานานสุดที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งบริหารกิจการ สาเหตุหนึ่งก็คงเพื่อเป็นการเร่งรัดให้รีบทำงานทำการ หรือในอีกแง่หนึ่งก็เป็นการป้องกันการออกราก และกิ่งก้านสาขา ที่จะนำไปสู่การรวบอำนาจ และต่ออายุอำนาจ รวมทั้งวางระบบอุปถัมภ์ จนกลายไปเป็นระบบเผด็จการได้ อีกทั้งก็เพื่อให้เกิดระบบการหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงที่มีการแข่งขัน และเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงตัวและเสนอแนวคิดใหม่ๆ เพื่อเพิ่มพูนชีวิตชีวาให้กับสังคม หรือองค์กรหนึ่งใด
ประเทศไทยเราเองก็ไม่น้อยหน้า มีความทันสมัยทันเหตุการณ์ โดยกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560ได้ระบุไว้ว่า ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกิน 8 ปี ซึ่งในปี 2565 พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา ก็จะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยมาครบ 8 ปี โดยเริ่มนับตั้งแต่การเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีภายหลังการทำการปฏิวัติรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
ประเด็นก็คือ มีศรีธนญชัยทางการเมืองกำลังพยายามบ่ายเบี่ยงในประเด็น ที่ว่า ตามข้อกำหนดวาระดำรงตำแหน่งนายกฯ ไม่เกิน 8 ปี ของกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 นี้ จะเริ่มนับปีการเป็นนายกรัฐมนตรีของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชากันตรงไหน? เพราะหากจะย้อนหลังไปนับตั้งแต่ปี 2557 ทำได้หรือไม่? เนื่องจากกฎหมายรัฐธรรมนูญเพิ่งมีผลบังคับใช้กันเมื่อปี 2560 แถมการเลือกตั้งครั้งแรกหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้ ก็ปาเข้าไปปี 2562
ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดการโต้เถียงวิพากษ์วิจารณ์ในแวดวงการเมือง และสาธารณชนเป็นการทั่วไป ซึ่งสุดท้ายประเด็นนี้ก็คงต้องไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยและให้คำตัดสิน โดยไม่ว่าผลข้อยุติเด็ดขาดจะออกมาอย่างไร ก็คงมิพ้นที่จะก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ และสร้างความขัดแย้งในสังคมไทยกันอีกอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดี เรื่องทั้งหมดนี้จะไม่ต้องให้เป็นเรื่องเป็นราวแต่อย่างใด หาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแสดงสปิริตว่า เมื่อตนเองในฐานะชายชาติทหาร ได้อยู่ในตำแหน่งนายกฯ มาครบ 8 ปีแล้ว ตามรัฐธรรมนูญที่ตนเองประคับประคองจนคลอดออกมา และได้ทำการรับใช้บ้านเมืองอย่างสุดความสามารถตลอดวาระนั้น ก็สมควรแก่เวลาที่จะต้องวางมือ แล้วเปิดโอกาสให้ผู้อื่นทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่ ได้มีโอกาสแสดงตัว และเสนอตัวเพื่อรับใช้บ้านเมืองในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป นอกจากนั้น การตัดสินใจดังกล่าว ก็ถือว่าอยู่ในกรอบปฏิบัติที่มีความเป็นสากล คือไม่ว่าจะในประเทศใดๆ ระยะเวลา 8 ปี ก็น่าจะเพียงพอ เหมาะสม ในการดำรงตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาล
แต่หาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงนิ่งเฉย ไม่ตัดสินใจที่จะวางมือจากเรื่องการบ้านการเมือง ก็คงสะท้อนให้เห็นถึงความอยาก ความทะเยอทะยานที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไป ซึ่งนอกจากจะละเมิดต่อเจตนารมณ์และเนื้อหาของกฎหมายรัฐธรรมนูญแล้ว ยังจะสร้างความผิดหวังให้กับสังคม เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่ผิดคำปฏิญาณของตัวพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เอง ที่ประกาศไว้เมื่อครั้งทำการปฏิวัติรัฐประหารว่า ตนขออาสาเข้ามา และจะรีบแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพ กำหนดทิศทางประเทศ แล้วก็อำลาจากเวทีไป ก่อนจะให้ผู้อื่นที่อาสาเข้ามารับใช้บ้านเมืองดำเนินการรับช่วงต่อไป
ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ที่ได้รับโอกาสในการแสดงฝีมือรับใช้บ้านเมือง ระยะเวลา 8 ปี ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ส่วนการประเมินผลงานก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา ที่จะมีทั้งฝ่ายชื่นชม และฝ่ายที่ไม่ชื่นชม แต่การจะอ้างว่าจะต้องคงอยู่ในตำแหน่งต่อไป เพราะงานสำคัญๆ บางอย่างยังไม่แล้วเสร็จ ก็ดูจะฟังไม่ขึ้น เพราะมิฉะนั้นแล้วคนคนหนึ่งก็คงต้องอยู่ในตำแหน่งเป็นการถาวรไปจนกว่าร่างกายจะทรุดโทรม หรือจนกว่าชีวิตจะหาไม่ โปรดอย่าลืมประโยคที่ว่า “กรุงศรีอยุธยาไม่เคยสิ้นคนดี”ประเทศไทยยังมีผู้มีความสามารถอีกมากที่จะมารับตำแหน่งต่อ ซึ่งก็คงจะสามารถดำเนินการรับช่วงงานต่อไปให้แล้วเสร็จได้
ในโลกนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงไม่จีรังยั่งยืน การยึดมั่นถือมั่นไม่ใช่วิสัยของผู้นำ ดังนั้น เมื่อถึงเวลาอันควร ก็ควรต้องจากไปเป็นธรรมดา เพราะการคงอยู่ในอำนาจจนเกินกำหนดเช่นในกรณีของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น รังแต่จะสร้างปัญหาความขัดแย้งในสังคมโดยใช่เหตุ โดยอย่าลืมว่าตั้งแต่การเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยการใช้กำลังทัพยึดอำนาจ และการขีดเขียนกฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่ออำนวยให้อยู่ในอำนาจต่อจนถึงบัดนี้นั้น ก็ดูไม่ถูกไม่ควร ไม่มีความชอบธรรมแต่แรกเริ่มแล้ว เหตุใดจึงยังจะดึงดันสร้างภาระให้กับตนเองและกับสังคมไปอีกต่อไป?
ความดีงามที่ได้กระทำไป ไม่ว่าอย่างไรประวัติศาสตร์ก็ต้องมีจารึกไว้ ซึ่งก็คงจะมีการบอกเล่าขีดเขียน ในเชิงกล่าวขวัญกันว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นเป็นคนดี เป็นคนที่รักชาติบ้านเมือง และได้เพียรพยายามสุดความสามารถที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งให้กับสังคมไทยแล้ว
ซึ่งถ้า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คิดได้อย่างนี้ก็คงไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์เก้าอี้นายกฯ มากมายนักซึ่งจะทำให้การอำลาจากตำแหน่งไปไม่ใช่เรื่องยากเย็นเกินไป
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี