“หนังสือพิมพ์แนวหน้า www.naewna.com อุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา”ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม ขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง ย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ทำความจริงให้ปรากฏ ให้สังคมไทยรู้เท่าทันนักการเมืองชังชาติอย่างเท่าเทียม” เริ่มต้น “บุคคลแนวหน้า” ฉบับนี้ที่ “สามัญสำนึก” ที่พึงมีของนักการเมืองที่พร่ำสำรอกขจัดปัญหาความทุกข์ยากของประชาชน, เสแสร้งห่วงใยปกปิดความเห็นแก่ตนและพวกพ้องใฝ่หาอำนาจทางการเมืองด้วยพฤติกรรมที่ “โฆษกสามสี – อาจารย์ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” ใช้คำว่า “บัดซบ –ขายตัวซื้อเสียง” เพื่อปริมาณที่เหนือกว่าฝ่ายตรงข้ามโดยมิคำนึงถึงคุณภาพในการตรวจสอบและดูแลทุกข์สุขของประชาชนอย่างที่ควรจะเป็น...
nn เดี๋ยวนี้สังคมไทยเหมือนจะถ่อยเถื่อนมากขึ้นทุกวัน “หนังสือสมบัติผู้ดีคงหาซื้อต้มกินยาก” จึงมีคนถ่อยแบบสุดๆ “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล” ใช้กับคนที่ไม่มีสามัญสำนึกเหล่านี้ไม่ได้ ร่างกายบางส่วนสั่นระริกไม่พอใจก็ถ่ายคลิปด่าหยาบคายไร้การศึกษาแพร่ผ่าน “ทวิตเตอร์” สื่อโซเชียลยอดนิยมด่าทะลุโน่นทะลุนี่จบท้ายด้วย อาเฮีย!!ก็ได้...
nn “โฆษณาลาซาด้า” กลายเป็นเผือกที่ร้อนระอุไม่เย็นลงเลยในทุกพื้นที่ ขนาด “บิ๊กบี้–พลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้” ผู้บัญชาการทหารบก น้องชายร่วมสถาบันคณะเรา อำนวยศิลป์ จาก “รุ่น 53 สกายแล็บ” ที่ปกติไม่ค่อยแอ๊กชั่นออกหน้าออกตาในพื้นที่สื่อมากมายนักครั้งนี้ถึงกับออกคำสั่งแบน “ลาซาด้า” ทั้งห้ามรถส่งของเข้าพื้นที่ทหาร ห้ามกำลังพลสั่งซื้อสินค้าผ่านแอปลาซาด้าถ้าเป็นสินค้าส่วนตัวให้ออกไปรับของกันนอกเขตทหารฐานสิ้นคิดทำหนังโฆษณาก้าวล่วงจาบจ้วงหมิ่นสถาบันเบื้องสูง...ไม่ใช่แค่ “แอปลาซาด้า”เท่านั้น แต่นักร้องกระบี่มือ 1 “ศรีสุวรรณ จรรยา” ก็เคลื่อนไหวบุก “กระทรวงดีอีเอส” ที่ความรู้สึกช้า จี้ให้ควักให้ล้วงข้อกฎหมายทุกบทบัญญัติที่มีลงดาบ “แอปเจ้าปัญหา” ทั้งลาซาด้า, เพจนารา เครปกะเทย ให้ศาลสั่งปิดแพลตฟอร์มและเอาผิดทุกกลุ่มอย่างถึงที่สุด...
nn เกือบจะไม่กล่าวถึงองค์กรนี้อยู่แล้ว เพราะเหตุว่าผู้นำองค์กรเพิ่งสูญเสียบุพการี ทว่าเรื่องบางเรื่องก็ต้องให้ชี้แจงเพื่อความถูกต้อง กับ “โครงการล้างแอร์คนละครึ่งของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย” ที่ออกมาว่าช่วยเหลือประชาชนให้สามารถล้างแอร์ได้ในอัตราค่าบริการที่ถูกลงเพราะจ่ายคนละครึ่งกับ กฟผ. ตาม “โครงการล้างแอร์ช่วยชาติ” เฟส 2 ซึ่งจะช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพประหยัดค่าไฟฟ้าไปกว่า 10% ต่อเดือน บรรทัดนี้“ไม้หน้าสาม”เข้าใจได้ว่านี่คือมาตรการที่ช่วยเหลือประชาชนสมควรปรบมือรัวๆ... แต่อัตราค่าบริการการล้างแอร์เครื่องละ 600 บาท โดยจัดเก็บจากเจ้าของบ้านครึ่งหนึ่งคือ 300 บาทที่เหลือกฟผ.จ่ายให้นั้น ราคาสมเหตุสมผลหรือไม่อย่างไร “ไม้หน้าสาม” ไม่มีเพื่อนไม่มีญาติเปิดธุรกิจบริการล้างแอร์ดอกหนา เพราะบ้านตัวเองก็จ้างร้านบริการมาดำเนินการ เสียค่าบริการครั้งละ350-500 บาท แล้วแต่ความยากง่าย (หมายถึงจุดติดตั้งแอร์และคอมเพรสเซอร์)ก็ขนาดร้านรับบริการเขายังคิดค่าบริการไม่เกิน 500 บาทต่อเครื่องเท่านั้น แต่โครงการของรัฐวิสาหกิจที่อู้ฟู่โบนัสในแต่ละปีกลับเรียกใช้บริการเอกชนที่ล้างเครื่องปรับอากาศเครื่องละ 600 บาท มันจะเว่อร์ไปหรือไม่...
nn “ไม้หน้าสาม”ไม่คิดจ้องจับผิดคิดอย่างคนไร้ปัญญาถ้าเครื่องหนึ่งค่าบริการเบ็ดเสร็จแพงกว่าปกติเครื่องละ 100 บาท เอาล่ะเจ้าบ้านเจ้าของเครื่องปรับอากาศสามารถจ่ายค่าบริการถูกลงรายละ 100-200 บาทก็จริง แต่โดยรวมแพงขึ้นรายละ 100 บาทโครงการนี้เริ่มลงทะเบียนร่วมโครงการตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2565 รอบแรกตั้งเป้าไว้ 20,000 สิทธิ์ คือ 20,000 ราย ทั่วประเทศราคาโดยรวมจ่ายแพงกว่าปกติเครื่องละ 100 บาท จำนวน 20,000 เครื่องเท่ากับจ่ายแพงกว่าปกติถึง 2,000,000 บาท จึงเกิดคำถามในใจ “ไม้หน้าสาม” ว่า ทำไม ถึงต้องจ่ายแพงกว่าปกติ มีอะไรเป็นพิเศษตรงไหนอย่างไร สังคมไทยควรทราบเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ อย่านิ่งเฉยปล่อยให้คิดเอง ไม่เช่นนั้นจะนอนดิ้นเร่าๆว่าใส่ร้ายไม่ได้ดอกหนา...
nn “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” เจ้ากระทรวงพลังงานต้นสังกัด คนคุ้นเคยในฐานะ ศิษย์เก่า คณะเรา อำนวยศิลป์ รุ่นพี่แถมเป็น บุตรอาจารย์กมล หลานอาจารย์กวี ที่อบรมสั่งสอน “ไม้หน้าสาม”จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องชี้แจงเรื่องนี้ ก่อนจะชี้แจงเรื่องราคาน้ำมันดีเซลที่ผันผวนเมื่อต้นสัปดาห์กลางสัปดาห์นี้ในทิศทางที่ราคาต่อบาร์เรลลดลงพอสมควรแต่รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานกลับตรึงราคาไว้ที่ลิตรละ 32 บาท สมควรแล้วหรือ...
nn “ไม้หน้าสาม” ต้องขอเอ่ยคำว่า “เสียดายและเสียใจ” กับ “ศิลปินจาก เรื่องฮอร์โมนวัยว้าวุ่น” รายการโทรทัศน์ประเภทละครชุด ผลิตโดยจีทีเอชและนาดาวบางกอก ผู้ซึ่งพัฒนาและดูแลศิลปินเหล่านี้ จนข้ามภูผาและธาราได้ในระดับที่เติบโตพอที่จะตัดสินใจอนาคตและหน้าที่การงานตามเป้าหมายในชีวิตของตนเอง อาทิ กันต์-กันต์ ชุณหวัตร, เก้า-สุภัสสราธนชาติ, แพรวา-ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์, ต้าเหนิง-กัญญาวีร์ สองเมืองฯลฯ วันนี้ “ทรงยศ สุขมากอนันต์” กรรมการผู้จัดการบริษัทนาดาว บางกอกได้ส่งแถลงการณ์ผ่านสื่อโซเชียลยอดนิยม “ทวิตเตอร์” เกี่ยวกับการยุติบทบาทการเป็นบริษัทพัฒนา และดูแลศิลปิน รวมถึงการเป็นผู้ผลิตซีรี่ส์ ละครและผลงานเพลงต่างๆ ตั้งแต่ วันที่ 1 มิถุนายน 2565 หลังจากที่ฟันฝ่าคลื่นพายุมรสุมมานานกว่า 12 ปี ทั้งที่ผลประกอบการเพิ่มกำไรสูงขึ้นในแต่ละปี โดยตัวเลขในปี 2562 นั้น บริษัทมีกำไรราว 40 ล้านบาท ทั้งที่ปี 2561 มีผลประกอบการบริษัทเป็นบวกราว 21.45 ล้านบาท เท่านั้น...
nn ทิ้งท้าย พอดีมีประโยคน่าสนใจให้ได้พินิจพิจารณา “อานนท์ นำภา” ผู้ต้องหาที่ต่อสู้แบบเคียงบ่าเคียงไหล่กับแกนนำคณะก้าวหน้า ตั้งแต่สมัยยังเป็น “อนาคตใหม่” คดีความผิดเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โพสต์ข้อความไว้น่ารักน่าชัง ทีเดียวว่า “ผมนี่กระดิกตีนนั่งรอดู พรรคก้าวไกลโหวตพลเอกประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีเลยทีเดียว” เป็นข้อความที่ดูเหมือนค่อนข้างมั่นใจมากว่าจะเกิดเหตุเยี่ยงนี้ ขณะที่ป้าเตี้ยหลังม็อบโพสต์ข้อความตอบโต้ทันควันว่า “กระดิกให้นิ้วหักก็ไม่ได้เห็น” งานนี้ก็ต้องซ.ต.พ.ต่อไปล่ะครับ...nn
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี