โค้งสุดท้ายเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. มีมุมคิดที่น่าสนใจหลายหลาก ควรจะแลกเปลี่ยนกันให้ตกผลึก
ยกตัวอย่าง คุณเอ็ดดี้-อัษฎางค์ ยมนาค เสนอข้อคิดมุมมองที่น่าสนใจมาก สรุป ดังนี้
1. โค้งสุดท้าย ถึงเวลาเลือกและส่งตัวจริงลงสนาม
อัษฎางค์ ยมนาค ให้ความเห็นว่า
“...ถึงใจจะประเมินแล้วว่า ชัชชาติจะชนะ แต่ยังแอบหวังว่าพวกเราจะหยุดระห่ำ แข่งขันกันตัดคะแนนกันเอง แล้วตั้งสติ คิดกันให้ดีๆ ว่า ทุกวันนี้ เราไม่ได้หาเสียงแข่งกับชัชชาติหรือวิโรจน์ แต่เรารณรงค์หาเสียงเพื่อแข่งกันเอง
อัศวิน สกลธี สุชัชวีร์ ต่างหาเสียงแข่งกันเอง กองเชียร์ของทั้ง3 ท่านนี้ก็รณรงค์ให้คนฝ่ายเรามาเลือกคนที่ตนเชียร์ ซึ่งหมายความว่า เราแข่งขันตัดคะแนนกันเองระหว่าง 3 คนนี้
ทั้ง 3 คนและกองเชียร์ของทั้ง 3 คนนี้ ไม่ได้แข่งขันกับชัชชาติหรือวิโรจน์ เพราะกลุ่มคนที่เลือกชัชชาติหรือวิโรจน์ เขาไม่เลือก 3 คนฝ่ายเรานี้อยู่แล้ว และฐานคะแนนเสียงของชัชชาติมากกว่า 3 คนนี้อยู่แล้ว
ยกเว้นว่าเราจะเทคะแนนให้ใครก็ได้ในฝ่ายเราเท่านั้น เพราะฐานคะแนนเสียงของคนฝั่งเรามากกว่าฝั่งของชัชชาติหรือวิโรจน์รวมกันอีกเยอะ แต่ฐานคะแนนเสียงของฝ่ายเราที่ว่ามากกว่านั้น มักแตกออกเป็นสอง เป็นสามหรือไม่ก็เป็นสี่ แตกละเอียดเป็นสองสามสี่เสียง แบบนี้มาตลอดตั้งแต่เริ่มต้นจนโค้งสุดท้ายแบบนี้ ผมก็ฟันธงว่าชัชชาติชนะแบบนอนมาเลย ดังนั้น
ความหวังเดียวที่ผมยังเหลืออยู่ก็คือ ผมยังคงสนับสนุนและขอรณรงค์ให้เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ด้วยกลยุทธ์ SV คือเทคะแนนให้คนใดคนหนึ่งในฝ่ายเรา ที่มีคะแนนนิยมมากที่สุด เป็นคนที่มีโอกาสจะชนะการเลือกตั้งมากที่สุด
ผมขอบอกว่า ผมเห็นด้วยและสนับสนุนที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีคนดังที่เป็นต้นเสียงประกาศรณรงค์สนับสนุนผู้สมัครที่แต่ละคนเชียร์อย่างเต็มกำลัง แต่เมื่อถึงโค้งสุดท้ายนี้ เราทุกคนทุกกองเชียร์ คงจะเริ่มเห็นกันแล้วว่า
ใครในฝ่ายเราที่มีคนดังกลุ่มต่างๆ เชียร์อยู่นั้น “มีคะแนนนิยมมากที่สุด ที่จะเป็นผู้นำชัยชนะมาสู่ฝ่ายของเราในที่สุด”
ผมยังคงยืนยันว่า “ถึงจะมีคนที่เรานิยม-รักชอบอยู่ในใจ แต่ต้องตัดใจ” ดูฐานคะแนนนิยม และ“ร่วมใจกันเทคะแนนเสียงให้กับผู้ที่เป็นที่นิยมที่สุด และมีโอกาสที่จะชนะมากที่สุด”
ไม่อย่างนั้นจะจบด้วยคำว่า ไม่เลือกเราเขามาแน่...”
2. “One Dream One Team”
คุณเอ็ดดี้-อัษฎางค์ ยมนาค ให้ความเห็นแบบชี้ชัดที่น่าพิจารณาอย่างยิ่ง
ระบุว่า
“...มีคำถามว่า “แล้วใครคือคนนั้น” เพราะฝ่ายเรายังสับสนและเสียงแตกมาก
คำถามนี้เกิดขึ้นกับทุกคน รวมทั้งผมด้วย ล่าสุด อ.อานนท์ ก็ยกโพลล์ของนิด้าขึ้นมาอ้าง ว่าเป็นโพลล์ที่ทำตามหลักการทางวิชาการ ซึ่งมีความน่าเชื่อถือสูงสุด โดยโพลล์ของนิด้า(ก่อนหน้าที่กฎหมายจะห้ามเผยแพร่ผลของโพลล์) ระบุว่า ผู้ที่คะแนนนำเป็นอันดับที่ 1 คือคุณชัชชาติ อันดับที่ 2 คือคุณอัศวิน...
ฝ่ายเราควรรวมพลังเป็นหนึ่งเทคะแนนให้ผู้สมัครใครคนใดคนหนึ่งที่มีโอกาสชนะ อย่าแข่งกันเอง เพราะจะเป็นการแข่งกันแพ้ เนื่องจากชัชชาติไปยืนรออยู่ที่หน้าเก้าอี้ผู้ว่าฯ นานแล้ว
ในเมื่อคุณอัศวินมีฐานคะแนนเสียงเป็นอันดับที่ 2 ก็หมายความว่า คุณอัศวิน คือคู่ต่อสู้ที่แท้จริงของคุณชัชชาติ และถ้าฝ่ายเราร่วมใจเทคะแนนให้คุณอัศวิน ก็หมายความว่า ฝ่ายเรามีโอกาสชนะ
....มีข่าวลือว่าอัศวิน เป็นพวกเดียวกับธรรมนัส ข่าวนี้ผมได้ยินครั้งแรก ก็เชื่อว่าเป็นข่าวปั้นเพื่อดิสเครดิต ต่อมาผมได้สอบถามไปที่ อ.อานนท์ ก็ได้รับคำตอบว่า เป็นข้อมูลเท็จ ล่าสุด ท็อปนิวส์ก็ไปถามคุณอัศวิน คำตอบก็ชัดเจนกว่า ไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกัน แต่เกิดจากผู้สมัครรายหนึ่งใส่ร้าย
มีคำถามว่า ผมเชียร์ใคร และทำไม เหตุผลของผมซิมเปิ้ลง่ายๆ คือ คุณอัศวิน เป็นผู้ว่าฯ มาแล้ว ส่วนคุณสกลธี เป็นรองผู้ว่าฯ มาด้วยกัน และกทม.ยุคที่คุณอัศวินและคุณสกลธีบริหารที่ผ่านมาก็มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้น ควรจะเลือกหัวหน้าหรือรองหัวหน้า คำตอบของผมคือ ถ้าเขาไม่มีความผิดอะไร ทำไมเราถึงไม่เลือกหัวหน้าเหมือนกับรัฐบาลประยุทธ์อยู่ครบเทอมแล้วเลือกตั้งใหม่ ปรากฏว่า 3 ลุง 4 ลุง 5 ลุง ลงสมัครเป็นนายกฯ และโดยที่ถ้าเขาไม่มีความผิดใดๆ และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เราจะเลือกลุงตู่ที่เคยเป็นหัวหน้า หรือลุงที่เคยเป็นรอง
การทำงานของผู้ว่าอัศวินใน กทม.กับรัฐบาลประยุทธ์ นอกจากไม่ขัดขากันแล้ว ยังรับลูกประสานกันดีอีกด้วย ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบคุณสกลธี จริงๆ ผมชอบคุณสกลธีมาก แต่ผมว่า คุณสกลธีเหมาะกับการเมืองระดับชาติ ศักยภาพเขาครบเป็นคนหนุ่มไฟแรง มีอุดมการณ์ มีความรู้ความสามารถ รักชาติและจงรักภักดี
...ผมเสนอแนวคิด วิธีคิดและความเชื่อของผมแล้ว สุดท้ายนี้ ผมอยากบอกว่า ทุกท่านไม่จำเป็นต้องเชื่อผม แค่รับไว้พิจารณา ผมอยากให้ทุกท่านใช้สมาธิ สติสัมปชัญญะและปัญญา หาข้อมูลและนำมาพิจารณาว่า ใครคือคนที่มีกระแสนิยมแรงที่สุด ให้ร่วมใจกันเทคะแนนให้คนนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คนที่อยู่ในใจแต่แรกก็ตาม
ผมเชื่อว่าถ้าพวกเราใช้สมาธิ สติสัมปชัญญะและปัญญาพิจารณา เราจะรู้ได้ด้วยตนเองว่า ควรเลือกใคร เพื่อให้ฝ่ายเราชนะ ผมอยากฝากคาถาแห่งความสำเร็จไว้กับทุกคน
“One Dream One Team” ความสำเร็จไม่ได้มาจากเราหรือเขา แต่มาจากพลังแห่งความเป็นหนึ่งเดียวของพวกเราทุกคน ฝันหรือเป้าหมายของอัศวิน สกลธี หรือสุชัชวีร์ และผู้สนับสนุนของพวกเขา ต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเท่านั้น
ฝันหรือเป้าหมายที่ว่านั้น ไม่ใช่สกลธีชนะอัศวิน หรืออัศวินชนะสกลธีแต่สกลธี อัศวิน และผู้สนับสนุนต้องมีฝันหรือเป้าหมายเดียวกันว่า ต้องการสกัดกั้นแลนด์สไลด์“เพื่อใคร”บางคน ด้วยการเทคะแนนให้คนที่ทำให้ฝ่ายเราชนะการเลือกตั้งเท่านั้น
ขอพลังมวลชน ไม่ว่าคุณจะรักใครชอบใคร แต่ขอให้ร่วมต่อต้านแลนด์สไลด์เพื่อใครบางคน ด้วยสโลแกนว่า เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เสียงต้องไม่แตก“One Dream One Team” เป้าหมายของทีมชาติไทยต้องรวมใจเป็นหนึ่งเดียว คือเอาชนะทีมประชาธิปไตยจอมปลอม”
ขอบคุณข้อคิดที่คมคาย จาก อัษฎางค์ ยมนาค
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี