สหรัฐอยู่คนละซีกโลกกับประเทศไทย และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับแม่น้ำโขง แต่กลับเข้ามาตั้งภาคีแม่น้ำโขงขึ้นเพื่อแข่งกับปฏิญญาซันย่า โดยภาคีแม่น้ำโขงของสหรัฐนั้นก็มีไทยเป็นเจ้ากี้เจ้าการตามระเบียบ โดยจีนไม่เข้าร่วมวงไพบูลย์ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกสักเพียงไหนที่สหรัฐไม่มีส่วนได้เสียใดๆในแม่น้ำโขงกลับมาวุ่นวายในแถบนี้
สำหรับปฏิญญาซันย่านั้นเป็นความคิดริเริ่มของบุคคลสำคัญของประเทศไทย และประเทศจีนก็รับลูกประสานงานประเทศลุ่มแม่น้ำโขงจัดทำปฏิญญาซันย่าขึ้น ประกอบด้วย จีน พม่า ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งทั้ง 6 ประเทศนี้มีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องกับแม่น้ำโขงโดยตรง
ปฏิญญาซันย่าคือปฏิญญาว่าด้วยการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงให้พ้นสภาพจากแม่น้ำแห่งอาชญากรรมและยาเสพติด ให้เป็นแม่น้ำแห่งสันติภาพและการพัฒนา เพื่อรองรับการท่องเที่ยวจากทั่วโลกและรองรับการขนส่งสินค้าระหว่าง 6 ประเทศ ซึ่งทำให้ประเทศไทยได้เปรียบที่สุด เพราะตั้งอยู่กึ่งกลางลำแม่น้ำโขงพอดี
หลังจากลงนามในปฏิญญาซันย่าแล้วกำหนดให้มีการลงนามในแผนปฏิบัติการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงตามปฏิญญาซันย่าที่กัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องรายละเอียดในการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงให้เป็นไปตามปฏิญญาซันย่า โดยจะลงนามกันที่กัมพูชา ปรากฏว่าประเทศไทยเบี้ยวไม่ยอมลงนามในแผนปฏิบัติการนี้ เนื่องจากมีสามหน่วยงานทำรายงานถึงรัฐบาลว่าการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงจะทำให้เกิดการค้าขายหนีภาษีและทำให้ยาเสพติดแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลที่สุดจะเหลวไหล
เพราะที่เขาจะพัฒนาแม่น้ำโขงกันนั้นก็เพื่อกำจัดเรื่องยาเสพติดและการหนีภาษีนั่นเอง แต่ในที่สุดรัฐบาลไทยก็เบี้ยวตามข้อเสนอนั้น แม้ว่าฝ่ายจีนจะส่งผู้แทนมาประสานงานกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะหน่วยงานประจำที่รับผิดชอบโดยตรงเขาฟังฝรั่งและเป็นผลให้ประเทศไทยเบี้ยวปฏิญญาซันย่า
เมื่อประเทศไทยเบี้ยวไม่ลงนามในแผนปฏิบัติการ ทั้ง 5 ประเทศที่เหลือเขาก็ลงนามในแผนปฏิบัติการนั้นและดำเนินการพัฒนาต่อไป ที่สำคัญคือการขุดลอกแม่น้ำโขงให้รองรับเรือท่องเที่ยวขนาดยักษ์ที่จะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาท่องเที่ยวได้ และรองรับกับการขนส่งด้วยเรือสินค้าระวางขับน้ำ 500 ตัน หรือขนาดบรรทุก 50 ตู้คอนเทนเนอร์ได้
จีนรับภาระการขุดลอกโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพราะต้องการสนองดำริของบุคคลสำคัญของไทย แต่การขุดลอกนั้น
กระทำได้เฉพาะนอกเขตอธิปไตยของไทยในแม่น้ำโขง คือจากริมเกาะแก่งใกล้ฝั่งไทยไปจนถึงฝั่งลาว ทั้งนี้เป็นไปตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ดังนั้นตั้งแต่แนวเกาะแก่งใกล้ฝั่งไทยมากที่สุดมาจนถึงริมฝั่งแม่น้ำโขงของไทยจึงไม่มีการขุดลอกและมีการตื้นเขิน เรือเข้าเทียบไม่ได้ ในขณะที่แม่น้ำโขงฝั่งลาวแม่น้ำกว้างใหญ่ ลึก น้ำเต็มลำน้ำตลอดทั้งปี
มาถึงวันนี้ประเทศไทยไม่สามารถขนส่งสินค้าและผลไม้ทางเรือลงแม่น้ำโขงฝั่งไทยได้ ต้องขนข้ามฟากไปยังประเทศลาว
เพื่อไปลงท่าเรือที่ฝั่งลาวไปประเทศจีน ต่อมาเมื่อมีเหตุวุ่นวายเกี่ยวกับเรื่องนาโต 2 เขาก็กำหนดให้ไปขนสินค้าลงแม่น้ำโขงที่ชายแดนลาว-จีน ทำให้ประเทศไทยต้องยุ่งยาก เสียเวลาและเสียหายมากมาย ขนไปถึงนั่นแล้วด่านปิดบ้างเปิดบ้าง สินค้าก็เสียหายจำนวนมาก
ในส่วนสหรัฐนั้นเมื่อตั้งภาคีแม่น้ำโขง-สหรัฐแล้ว สหรัฐก็ไม่สามารถส่งเรือใดๆ เข้ามาแล่นในแม่น้ำโขงได้ แต่กลับมีการจัดตั้งเอ็นจีโอขึ้นจำนวนมาก และเอ็นจีโอเหล่านี้ก็ได้แสดงบทบาทในการคัดค้านการพัฒนาใดๆ เกี่ยวกับแม่น้ำโขง ซึ่งไม่ใช่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศไทย แต่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของต่างชาติ
เอ็นจีโอเหล่านี้จ้องตั้งหน้าหาเรื่องให้ประเทศไทยทะเลาะกับประเทศเพื่อนบ้านไม่หยุดไม่หย่อน เช่น การรวมตัวกันเป็นโจทก์ฟ้องประเทศลาวต่อศาลหาว่าทำเขื่อนกั้นแม่น้ำโขง ทำให้แม่น้ำโขงแห้ง ซึ่งศาลก็ยกฟ้องเพราะเป็นเรื่องอธิปไตยของประเทศลาว
นอกจากนั้นก็ตั้งหน้ากล่าวหาด่าจีนเป็นประจำทุกเดือน ข้อกล่าวหาก็คือจีนกั้นเขื่อนในแม่น้ำโขงทำให้แม่น้ำโขงแห้ง ซึ่ง
ความจริงสภาพที่ว่าแม่น้ำโขงแห้งนั้นเป็นสภาพที่แห้งเฉพาะฝั่งไทยในส่วนที่เป็นฝั่งลาวแม่น้ำโขงกลับมีน้ำเต็มตลิ่ง และแล่นเรือได้ตลอดทั้งปี
การกระทำเช่นนั้นได้สร้างความไม่พอใจให้กับทั้งประเทศลาวและประเทศจีนเพราะเป็นการกล่าวหาว่าที่โกหกพกลมเพื่อสร้างความเกลียดชังระหว่างประชาชนไทยกับประชาชนจีนและประชาชนลาวโดยแท้ เป็นการสร้างความขัดแย้งเพื่อผลประโยชน์ของนาโต 2 โดยตรง และเพื่อชักพาเอาสหรัฐเข้ามาวุ่นวายเกี่ยวข้องในแม่น้ำโขงซึ่งสหรัฐไม่มีส่วนได้เสียใดๆ
อันแม่น้ำโขงนั้นเริ่มต้นที่ชายแดนประเทศจีนที่มณฑลยูนนาน ด้านซ้ายเป็นพม่า ด้านขวาเป็นประเทศลาว ณ จุดบรรจบนี้เป็นแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำโขง คือมีน้ำจากประเทศจีนราว 60% จากพม่าและลาวรวมกันประมาณ 40% เว้นแต่บางปีด้านบนอากาศหนาว ด้านล่างฝนตกชุกก็จะมีกระแสน้ำจากจีนประมาณ40% จะเป็นปริมาณน้ำจากพม่าและลาวถึง 60% อันสรุปได้ว่าน้ำในแม่น้ำโขงนั้นมีต้นน้ำตรงนี้มาจากทั้งสามประเทศ
แม่น้ำโขงตั้งต้นตรงนี้แล้วก็ไหลดิ่งลงทางใต้ มาถึงสามแยกปลายทางซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับอำเภอเชียงแสนของจังหวัดเชียงราย ด้านซ้ายก็เป็นประเทศเมียนมา ด้านขวาก็เป็นประเทศลาว ตลอดแนวแม่น้ำโขงตรงนี้ไม่มีเขื่อนเลยแม้แต่สักเขื่อนเดียว เพราะเป็นแม่น้ำระหว่างจีน ลาว เมียนมา ไทย ไม่สามารถกั้นเขื่อนในแม่น้ำโขงได้ การกล่าวหาว่าจีนกั้นเขื่อนจึงเป็นการโกหกลวงโลก
แม่น้ำโขงจากจุดนี้ก็จะเลี้ยวขวาตรงเข้าไปในประเทศลาว เป็นแม่น้ำของประเทศลาวในดินแดนของประเทศลาว ประเทศลาวจึงสามารถทำเขื่อนกั้นน้ำได้และได้ทำเขื่อนกั้นน้ำถึง 13 เขื่อนปลายของแม่น้ำมาออกที่จังหวัดหนองคาย เป็นแม่น้ำกั้นเขตแดนระหว่างไทย-ลาว ไปจนถึงจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งตอนนี้ก็ไม่สามารถทำเขื่อนได้อีก
จากแม่น้ำโขงย่านมุกดาหารก็ไหลกลับเข้าไปในประเทศลาว แล้วไหลเข้าไปยังกัมพูชา ไปออกที่เวียดนามและไหลลงทะเลที่โฮจิมินห์ซิตี้ ซึ่งเป็นแม่น้ำในประเทศของลาว กัมพูชา และเวียดนาม แต่ละประเทศก็กั้นเขื่อนได้ 3-4 เขื่อน ซึ่งไม่กระทบกับใคร
ดังนั้นที่มาตั้งข้อหาโกหกสร้างความทะเลาะเบาะแว้งไทย-จีน ไทย-ลาวนั้น ความจริงไม่ใช่น้ำในแม่น้ำโขงไม่พอ แต่เป็นเพราะน้ำในแม่น้ำโขงฝั่งไทยไม่ได้ขุดลอกจึงตื้นเขิน ขนาดนำรถยนต์ลงไปจอดล้างได้ เมื่อประเทศไทยไม่ขุดลอกเพราะ
แรงคัดค้านของเอ็นจีโอเหล่านี้ แล้วยังจะมาสร้างเรื่องให้ทะเลาะเบาะแว้งกันระหว่างเพื่อนบ้านไทย-จีน ไทย-เมียนมา ไทย-ลาว เพื่อประโยชน์ของใคร
ประเทศไทยแต่ก่อนมาก็ตั้งความดำริที่จะให้มีท่าเรือที่ริมแม่น้ำโขง ทั้งที่อำเภอเชียงแสนและอำเภอเชียงของ แต่ในที่สุดเพราะสายสนกลเกมท่าเรือสองแห่งนี้ก็ไม่ไปถึงไหน คือแทนที่จะเป็นท่าเรือสากลขนาดใหญ่ กลายเป็นท่าเรือขนาดเล็ก
หน่อมแน้ม และมีเรือเข้าเทียบจอดได้ก็เฉพาะเรือข้ามฟากเล็กๆ ไม่มีนัยในเชิงพาณิชย์
ครั้นแม่น้ำโขงฝั่งไทยตื้นเขิน ท่าเรือดังกล่าวก็มีปัญหา จนต้องมีการว่าจ้างเอกชนให้ขุดลอกริมตลิ่งฝั่งไทยเพื่อให้สามารถเทียบเรือสำหรับข้ามไปยังฝั่งลาวได้ แต่ทำไปทำมาก็ยังไม่ไปถึงไหน ล่าสุดก็มีการสั่งยกเลิกการประกวดราคาขุดลอก
ริมตลิ่งดังกล่าวเสียแล้ว เพราะมีปัญหาในการจัดประมูลตามระบบรัฐราชการในยุคโกงทั้งแผ่นดิน กินทุกโครงการ
ดังนั้นท่าเรือเล็กๆ ที่เป็นได้แค่ท่าเรือข้ามฟากก็ยังทำอะไรไม่ได้ นี่คือความอัปยศอดสูของชาติไทยที่คนไทยทั้งประเทศจะต้องสำเหนียกสังวรไว้
เมื่อประเทศไทยไม่เอาด้วยกับการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง 5 ประเทศที่เหลือเขาก็พัฒนากันไปอย่างคึกคัก เฉพาะฝั่งตรงกันข้ามกับประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศลาวเขาก็เร่งรัดพัฒนาอย่างขนานใหญ่
โดยเฉพาะฝั่งตรงกันข้ามกับอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย มีการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีสถานกาสิโน มีโรงแรมขนาด 1,800 ห้อง มีแหล่งสินค้าปลอดภาษี มีร้านค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิงครบครัน ดึงดูดผู้คนจากภาคเหนือให้ข้ามฟาก
ไปจับจ่ายใช้สอยที่ประเทศลาว
ใครไปยืนอยู่ฝั่งแม่น้ำโขงที่อำเภอเชียงแสนก็จะรู้สึกเหมือนๆกันว่าฝั่งตรงกันข้ามเจริญรุ่งเรืองไม่แพ้กรุงเทพมหานคร ในขณะที่ฝั่งเชียงแสนมืดสนิทในยามราตรี และจากนี้ไปสนามบินเชียงรายและเชียงใหม่อาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
เพราะเมื่อประเทศไทยไม่ร่วมพัฒนาแม่น้ำโขง บรรดาคนทั้งหลายที่เดินทางโดยเครื่องบินจากทั่วโลกมาลงที่เชียงรายหรือเชียงใหม่เพื่อข้ามไปท่องเที่ยวหรือเล่นการพนันพอเป็นรายได้ให้ยาไส้ให้กับคนในพื้นที่ วันนี้ลาว-จีน ได้ร่วมกันสร้างสนามบินขึ้นใกล้เคียงกับเขตเศรษฐกิจพิเศษนั้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวโดยตรง และนั่นก็คือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อไป
ขณะนี้สหรัฐซึ่งเป็นเจ้าของยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก กำลังรุกหนักเข้ามายังแม่น้ำโขง แต่ในที่สุดก็ไปไม่ตลอด เพราะบรรดาประเทศทั้งหลายที่เกี่ยวข้องก็คงไม่เล่นด้วย นอกจากบางประเทศที่ประพฤติตนเป็นขี้ข้าเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็คงก้าวไม่ออก หือไม่ได้ เพราะติดน้ำแห้งริมตลิ่งฝั่งไทยอยู่นั่นแหละ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี