เป็นความจริง... ในงบประมาณแผ่นดินประจำปี ต้องตั้งงบประมาณเพื่อชำระหนี้โครงการจำนำข้าว “ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ” ต่อเนื่องทุกๆ ปี ปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท ยาวนานนับ 10 ปี
เป็นความจริง... โครงการจำนำข้าวมีการทุจริตโกงกินอย่างมโหฬาร ศาลพิพากษาจำคุกไปแล้วทั้งระดับรัฐมนตรี ข้าราชการ พ่อค้าข้าว และที่หนีคดีอยู่ก็มี
เป็นโครงการหาเสียงด้วยการหลอกลวงคนที่เห็นใจชาวนา ตบตาว่าต้องการช่วยชาวนา แต่ออกแบบวิธีการแยบยล รับซื้อข้าวจากชาวนาราคาแพงกว่าตลาด แต่ต้องการได้ข้าวจากชาวนาไปขายราคาถูกๆ โดยไม่ต้องประมูล อ้างซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐเก๊ๆ โดยเอื้อให้นักธุรกิจพวกพ้องเข้าไปโกงกินกันเป็นแสนล้าน
1. หัวหน้าพรรคก้าวไกลอภิปรายในสภา ชี้ว่างบประมาณแผ่นดินได้จัดสรรไปใช้หนี้จำนำข้าวและประกันรายได้ในอดีตจำนวนมาก
นายกฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ชี้แจงว่า โครงการจำนำข้าวในอดีตสร้างภาระหนี้ไว้ 957,000 ล้านบาท รัฐบาลชำระหนี้ไปแล้ว 781,000 ล้านบาท คงเหลือเงินต้นและดอกเบี้ย 3 แสนล้านบาท
ปรากฏว่า นักการเมืองบางพรรค ออกมาชักดิ้นชักงอ จะเป็นจะตาย
2. ตามรายงานผู้สอบบัญชีและงบการเงิน ธ.ก.ส. สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2564 โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ระบุ
ธ.ก.ส.ได้ใช้เงินในโครงการจำนำผลผลิตการเกษตร (ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา) ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปี 54/55 55/56 56/57 ทั้งสิ้น 960,665 ล้านบาท
ได้รับเงินคืนมาแล้ว 660,208 ล้านบาท เหลือหนี้ค้างอยู่ 300,456 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่า จากข้อมูลตรวจสอบของ สตง.อย่างเป็นทางการเมื่อต้นปีที่แล้ว ตัวเลขก็สอดคล้องกับที่นายกฯ แจกแจงข้อมูลล่าสุดในสภาผู้แทนราษฎรปีนี้
สำหรับคนที่ติดตามตรวจสอบโครงการจำนำข้าวมาโดยตลอด ก็จะไม่แปลกใจอะไรเลย
ที่ควรแปลกใจมากกว่า คือ ขนาดตัวเลขชำระหนี้โผล่ในการประชุมงบประมาณ สร้างภาระมหาศาล แทนที่จะได้นำเงินไปช่วยชาวบ้านในเรื่องอื่นๆ กลับยังต้องตามชำระหนี้จากโครงการโกง นักการเมือง พรรคการเมือง นักวิชาการ คนที่ยังพยายามปกป้อง ฟอกขาวให้กับโครงการอภิมหาโกงจำนำข้าวนั่นต่างหาก
3. เป็นความจริง... หลังโครงการจำนำข้าว หลังปี 2557 มีการก่อหนี้เพิ่มเติมโดยรัฐบาลเพื่อใช้ในการช่วยเหลือชาวนา แต่นั่นก็เพราะยังต้องจ่ายค่าเช่าโกดัง ค่าเก็บรักษาข้าว ค่าตรวจสภาพข้าว ค่าดอกเบี้ย ฯลฯ อันสืบเนื่องมาจากโครงการจำนำข้าวเดิมนั่นเอง ปัจจุบัน การช่วยเหลือชาวนาใช้วิธีจ่ายเงินช่วยเหลือโดยตรง เรียกว่า “เงินส่วนต่าง” ผ่านโครงการประกันรายได้ โดยไม่มีการซื้อหรือรับจำนำข้าวจากชาวนา ไม่ได้ไปเอาข้าวจากชาวนามาเก็บและโกงกันเหมือนสมัยรัฐบาลเพื่อไทย ความเสียหายจึงน้อยกว่ากันอย่างไม่อาจเทียบได้เลย
ที่สำคัญ สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีที่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่เพิ่มหลังรัฐประหาร แต่เพิ่มขึ้นหลังโควิด ปี’63 เป็นต้นมา เพราะรัฐบาลต้องกู้เงินมาแก้ปัญหาโควิด-19 เช่นเดียวกับทุกประเทศทั่วโลก ในขณะเดียวกัน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานถนน ระบบราง รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง แหล่งน้ำ สนามบิน ท่าเรือ ฯลฯ ก็เพิ่มขึ้นด้วยหลังปี 2557 เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
เมื่อเทียบกับก่อนปี 2557 สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีเพิ่มขึ้น แต่ไม่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้มากมายเหมือนในยุคนี้
4. ทักษิณ ชินวัตร คือ หนึ่งในผู้ถูกแจ้งข้อหาทุจริตข้าวจีทูจีเก๊ ในยุครัฐบาล “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ยิ่งลักษณ์หนีคุกจำนำข้าว”
จากการตรวจสอบ ทราบว่าคดีทุจริตข้าวจีทูจีเก๊ ลอตสอง มีผู้ถูกกล่าวหา กว่า 71 ราย ระดับนักการเมืองที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ประกอบด้วย
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์
นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ หรือหมอโด่ง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขานุการ รมว.พาณิชย์
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เมื่อครั้งเป็น สส. ผู้กว้างขวาง
และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ป.ป.ช.ไต่สวน ปรากฏหลักฐานอันเชื่อได้ว่า เข้าไปก้าวก่ายแทรกแซง บงการ การบริหารจัดการข้าวในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ จนเกิดการทุจริตข้าวจีทูจีเก๊ เพิ่มเติมจากจีทูจีลอตแรก อีก 4 สัญญา
ทั้งหมด ยังไม่ถูกตัดสินว่ากระทำผิด ยังมีสิทธิต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม
5. นักการเมืองบางพรรคพยายามจะบิดเบือนผสมโรงมั่วนิ่ม ฟอกขาวให้ยิ่งลักษณ์ หลังศาลปกครองกลางพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ให้ยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวนกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท
อ้างทำนองว่า ยิ่งลักษณ์ไม่มีความผิด ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ไม่ต้องรับโทษจำคุก 5 ปีแล้ว
บางคนมั่วไปไกลถึงขนาดฟอกขาวว่า โครงการจำนำข้าวไม่มีการทุจริต ที่ผ่านเป็นการปั้นเรื่องใส่ร้าย ฯลฯ
แบบนี้ ต้องบอกว่า มั่วแบบหน้าไม่อาย!
ในความเป็นจริง ที่ศาลปกครองกลางพิพากษาไปนั้น (คดียังไม่ถึงที่สุด) เป็นเรื่องค่าสินไหมทดแทน
ส่วนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาลงโทษจำคุกยิ่งลักษณ์ 5 ปี ไปก่อนหน้านี้ (คดีถึงที่สุดแล้ว) คือ ความรับผิดทางอาญา
ศาลปกครองกลางสั่งให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง และคำสั่งอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่อง
ศาลปกครองกลางไม่ได้เพิกถอนคำพิพากษาศาลฎีกาฯ และไม่มีอำนาจจะไปเพิกถอน
ศาลปกครองไม่มีอำนาจชี้ขาดว่าใครโกงหรือไม่โกง อันเป็นความผิดทางอาญา
หลังจากนี้ ยังต้องคอยดูว่าศาลปกครองสูงสุดจะพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง หรือแก้คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง
6. ทำไมศาลฎีกาฯ จึงพิพากษาลงโทษจำคุกยิ่งลักษณ์ 5 ปี?
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อม.22/2558 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ลงโทษจำคุกยิ่งลักษณ์ 5 ปี คดีถึงที่สุดแล้ว
ยิ่งลักษณ์ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ เพียงแต่หลบหนีไปในวันฟังคำพิพากษา ทอดทิ้งให้บุญทรงและพวกมาฟังคำพิพากษาคดีข้าวจีทูเจี๊ยะ แล้วเดินเข้าคุกไป
ศาลฎีกาฯ ชี้ว่า การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกทั้ง 5 ฤดูกาลผลิต แม้ว่าจะพบความเสียหายหลายประการ เช่น การสวมสิทธิ์การรับจำนำ, การนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์, ข้าวสูญหาย, การออกใบประทวนให้ชาวนาอันเป็นเท็จ, การใช้เอกสารปลอม, การโกงความชื้นและน้ำหนัก เพื่อกดราคารับซื้อจากชาวนา, ข้าวสูญหายจากโกดัง, ข้าวเสื่อมสภาพ, ข้าวเน่าและข้าวไม่ตรงตามมาตรฐานกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีรายงานจากการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศรวม 105 คดี แต่เป็นความเสียหายที่เกิดจากฝ่ายปฏิบัติ จำเลยในฐานะประธาน กขช.ได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อป้องกันความเสียหายไว้ตั้งแต่ตอนเริ่มโครงการ อีกทั้งเมื่อพบความเสียหายดังกล่าวในขณะดำเนินโครงการก็ได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันความเสียหายแล้ว กรณีความเสียหายในส่วนนี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ
แต่ในกรณีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ในสัญญา 4 ฉบับ พบว่า มีการแก้ไขสัญญาในยุคที่มีนายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการระบายข้าวและยังทำในรูปแบบซื้อขายหน้าคลังสินค้า ซึ่งไม่ใช่การซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ และยังใช้สกุลเงินบาทในการซื้อขาย ซึ่งเป็นพิรุธ ประกอบกับไม่พบว่ามีการส่งข้าวไปยังจีน แต่ในสัญญากลับระบุการซื้อขายข้าวนับล้านตัน ทั้งที่มีการนำข้าวออกไม่เท่ากับที่สัญญาระบุไว้ และเป็นการขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ ทำให้เอกชนได้รับประโยชน์จากส่วนต่างในราคากว่า 3 พันบาทต่อตัน โดยยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า บริษัทเอกชนในกลุ่มของ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง ที่มีความสนิทกับนายทักษิณ พี่ชายของจำเลย ก็ได้รับประโยชน์จากพฤติการณ์ที่สมอ้างว่าสัญญาระบายข้าวเป็นแบบรัฐต่อรัฐ
“...สําหรับความเสียหายอันเกิดขึ้นจากการทุจริตในขั้นตอนระบายข้าว โดยการแอบอ้างทําสัญญาขายแบบรัฐต่อรัฐข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า จําเลยรับรู้จากการแจ้งเตือนจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง การตั้งกระทู้ถามสด กระทู้ทั่วไป การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ของฝ่ายข้าราชการการเมือง และข่าวสารจากสื่อมวลชน
ยิ่งกว่านี้ ก่อนเริ่มโครงการรับจํานําข้าว ทั้งสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สํานักงาน ป.ป.ช. ได้มีหนังสือแจ้งเตือนและให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับ การนําเอานโยบายรับจํานําข้าวไปดําเนินการปฏิบัตินั้นจะมีผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดิน และการทุจริตในขั้นตอนต่างๆ ให้จําเลยทราบเป็นระยะๆ แต่จําเลยกลับไม่ได้ติดตามกํากับดูแล อย่างใกล้ชิด
...ในส่วนการระบายข้าว ที่แอบอ้างว่าเป็นการขายแบบรัฐต่อรัฐก็เช่นเดียวกัน จําเลยมีเวลาเพียงพอที่จะระงับยับยั้งการส่งมอบข้าวตามสัญญาที่ยังไม่ได้ส่งมอบไว้ก่อนก็ย่อมกระทําได้ตามอํานาจหน้าที่ แต่จําเลยในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาลและประธาน กขช. ซึ่งมีอํานาจหน้าที่โดยตรงในการควบคุมตรวจสอบกํากับดูแล การปฏิบัติตามนโยบาย วางมาตรการโครงการที่อนุมัติไปแล้ว ทั้งมีอํานาจสั่งการข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ในการกํากับดูแล การระงับยับยั้งหรือแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการทุจริตในขั้นตอน การระบายข้าว
แต่จําเลยกลับมีพฤติการณ์ในการละเว้นหน้าที่ตามกฎหมาย ส่อแสดงเจตนาออกโดย แจ้งชัดอันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ นายบุญทรง กับพวกแสวงหาผลประโยชน์จากโครงการรับจํานําข้าว โดยการแอบอ้างนําบริษัท GSSG และบริษัท Hainan grain เข้ามาทําสัญญาซื้อข้าวในราคาที่ต่ํากว่า ท้องตลาดตามประกาศของกรมการค้าภายใน แล้วมีการหาประโยชน์ที่ทับซ้อนโดยทุจริตได้ข้าวส่วนต่าง จากราคาข้าวตามสัญญาซื้อขาย ๔ ฉบับ อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของประเทศและเกิดผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินโดยตรง ถือได้ว่าเป็นการกระทําทุจริตต่อหน้าที่ในความหมายตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔ ซึ่งบัญญัติให้ ความหมายคําว่า “ทุจริตต่อหน้าที่” คือ การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่งหรือหน้าที่ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทําให้ผู้อื่นเชื่อว่า มีตําแหน่งหรือหน้าที่ทั้งที่ ตนมิได้มีตําแหน่งหรือหน้าที่นั้น หรือใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งนี้ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ที่มิควรได้โดยชอบสําหรับตนเองหรือผู้อื่น
ดังนั้น การกระทําของจําเลยจึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่ในตําแหน่งโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่กระทรวงการคลัง ประเทศชาติ หรือผู้หนึ่งผู้ใด อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๒๓/๑…”
กล่าวโดยสรุป
สิ่งที่ควรแปลกใจ ไม่ใช่แปลกใจว่าทำไมโกงจำนำข้าวถึงมีภาระหนี้สินแก่ประเทศชาติมหาศาล
แต่ควรแปลกใจว่า ขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงไม่สำนึก ไม่ละอาย ยังลอยหน้าลอยตา แก้ตัวแก้ต่าง แถไถไปไม่รู้จักจบสิ้น
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี