การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 จำนวน 3.18 ล้านล้านบาทเศษ ก็ได้ผ่านพ้นไปอย่างเรียบร้อยแล้ว โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงมติรับหลักการ 278 เสียง และไม่รับหลักการ 194 เสียงงดออกเสียง 2 เสียง และไม่ลงคะแนน 0 เสียง ซึ่งถือว่างบประมาณฯได้ผ่านการรับรองในวาระที่ 1เรียบร้อย และจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญซึ่งถูกแต่งตั้งตามสัดส่วนของผู้แทนราษฎรของแต่ละพรรคการเมือง เพื่อพิจารณารายการแปรญัตติ ก่อนจะนำเสนอต่อประธานสภาในช่วงกลางเดือนสิงหาคม เพื่อพิจารณาวาระที่ 2 และ 3 ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ซึ่งเมื่อผ่านการพิจารณาแล้วก็จะถูกนำเสนอที่ประชุมวุฒิสภาให้การรับรอง ก่อนที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะนำร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯถวายเพื่อประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป ซึ่งจะทำให้งบประมาณฯ ที่ถูกตั้งไว้ ถูกนำไปใช้ในโครงการต่างๆ ตามที่แต่ละกระทรวงและหน่วยงานขอมา เพื่อการพัฒนาประเทศชาติต่อไป
ในส่วนของสถานการณ์ซึ่งต้องถือว่าเลวร้ายพอสมควรที่ส่งผลกระทบต่อประเทศในทุกๆ ด้านอย่างมากมาย ทั้งวิถีชีวิตของผู้คนและเศรษฐกิจในทุกระดับและทุกภาคส่วนของประเทศ คือการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โคโรนา 2019 เป็นช่วงระยะเวลายาวนานถึง 2 ปีครึ่ง แต่จากการจัดการของรัฐบาลซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากหน่วยราชการและเอกชนทุกภาคส่วน ทำให้สถานการณ์การระบาดในขณะนี้ กำลังจะเปลี่ยนผ่านจากโรคระบาดร้ายแรง กลายเป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งจะมีการประกาศไม่เกินวันที่ 1 กรกฎาคมนี้อย่างแน่นอน ซึ่งผลงานของการควบคุมโรคโควิด-19 ของประเทศไทยในคราวนี้ได้รับคำยกย่องชมเชยจากการประชุมสมัชชาอนามัยโลกที่สหพันธ์รัฐสวิสเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้วเป็นอย่างมาก และหลายประเทศจะนำประสบการณ์และบทเรียนที่ประเทศของเราได้รับไปใช้เป็นต้นแบบในการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคระบาดในอนาคตต่อไป
นับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นมา กระทรวงสาธารณสุขได้เปลี่ยนแปลงการประกาศตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในแต่ละวัน โดยจากเดิมนั้นจะนับผู้ติดเชื้อทั้งหมดซึ่งจะมีตัวเลขของผู้ที่ตรวจพบด้วยชุดตรวจ ATK ร่วมอยู่ด้วยนั้น เนื่องจากได้พบว่ามากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ที่ได้รับการตรวจด้วยชุด ATK จะไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย จึงเปลี่ยนแปลงการประกาศโดยจะรายงานเฉพาะจำนวนผู้ป่วยซึ่งหมายถึงผู้ที่ตรวจพบว่าติดเชื้อที่มีอาการและเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลเท่านั้น ซึ่งก็พบว่าจำนวนของป่วยปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2-3 พันรายเศษต่อวันเท่านั้น และจำนวนผู้เสียชีวิตก็อยู่ที่ระดับ 30 รายซึ่งเมื่อติดตามในรายละเอียด พบว่ามีผู้ป่วยหนักที่ต้องอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤตแค่ 800 รายเศษ และในจำนวนนี้มีประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ โดยในส่วนของผู้ที่เสียชีวิตนั้นมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ส่วนที่เหลือเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนไม่ครบและมีโรคเรื้อรังประจำตัวรวมทั้งส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป
ในส่วนของสถานการณ์ทั่วทั้งโลกจนถึงวันที่ 4 มิถุนายนนี้ มีผู้ที่ได้รับการยืนยันการติดเชื้อทั้งสิ้นมากกว่า 534 ล้านรายเล็กน้อย และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 6.3 ล้านราย โดยประเทศสหรัฐอเมริกายังมีผู้ป่วยรายใหม่ต่อวันมากที่สุดคือมากกว่า 80,000 รายประเทศบราซิลมากกว่าวันละ 40,000 ราย ส่วนในทวีปยุโรป เยอรมนีเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยรายใหม่มากกว่าวันละ 40,000 รายเช่นกัน ซึ่งเมื่อดูในภาพรวมจะเห็นว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่รวมกันทั่วทั้งโลกต่อวันนั้นลดลงเป็นจำนวนมากพอสมควร ซึ่งทำให้หลายๆประเทศได้ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ และเปิดให้มีการเดินทางเข้าและออกประเทศของผู้คนได้ ยกเว้นประเทศจีนที่มีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของโลกยังคงมาตรการที่เข้มงวดเช่นเดิม
รัฐบาลไทยได้ตัดสินใจเปิดประเทศเพื่อให้นักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้อย่างสะดวกแล้ว โดยมีข้อกำหนดแต่เพียงว่า ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบตามมาตรฐานเข้าสู่ประเทศไทยตามแนวทางที่เรียกว่า VIP คือได้รับวัคซีนครบ มีการประกันสุขภาพในวงเงิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ และมีใบรับรอง Thailand Pass ซึ่งจะทำได้ง่ายด้วยตัวเอง เมื่อหลักฐานครบทั้ง 3 อย่างก็เดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยผ่าน การตรวจเข้าเมืองตามปกติ
ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนหรือฉีดไม่ครบ จะใช้แนวทางที่เรียกว่า TIP ซึ่งหมายความว่าก่อนจะเข้าประเทศไทยนั้นต้องมีผลการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ไม่เกิน 72 ชั่วโมง ซึ่งไม่พบการติดเชื้อ และเมื่อเดินทางถึงประเทศไทยจะได้รับการ ตรวจ ATK Official คือการตรวจจากเจ้าหน้าที่ของประเทศไทย ซึ่งหากตรวจผ่านและได้ทำประกันสุขภาพรวมทั้งมีใบรับรอง Thailand Pass เรียบร้อยแล้ว ก็สามารถจะเข้าสู่ประเทศไทยและเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างเสรี ซึ่งจากการผ่อนปรนมาตรการดังกล่าวทำให้ขณะนี้ตัวเลขของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยทางอากาศมีจำนวนแต่ละวันอย่างน้อยที่สุดที่ประมาณ 2 หมื่นราย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีมากและเชื่อว่าจำนวนจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้อย่างต่อเนื่อง อันจะนำมาซึ่งรายได้ของประเทศที่กระจายไปสู่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างมหาศาล
เมื่อจะมีการเปิดประเทศนั้น รัฐบาลก็ต้องแน่ใจแล้วว่าประชาชนชาวไทยได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วมากเพียงพอ ทั้งในเรื่องของจำนวนผู้ได้รับการฉีด และจำนวนเข็มของวัคซีนที่ได้รับตามมาตรฐานทั่วไป ซึ่งจนถึงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นมีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แล้วมากกว่า 56.7 ล้านราย คิดเป็น 81.6 เปอร์เซ็นต์ มีผู้ที่ได้รับการฉีด 2 เข็มแล้ว 52.7 ล้านราย คิดเป็น 75.8 เปอร์เซ็นต์ และมีผู้ที่ได้รับการฉีดเข็ม 3 หรือเข็มกระตุ้นแล้ว 28.4 ล้านราย คิดเป็น 40.9 เปอร์เซ็นต์
ซึ่งในส่วนของผู้ที่ฉีดเข็มที่ 1 และ 2 แล้ว มีจำนวนตัวเลขสูงเพียงพอ ต่อการป้องกันการติดเชื้อหรือมีอาการรุนแรงหากมีการติดเชื้อได้ ซึ่งในส่วนนี้หากได้รับการฉีดเข็มกระตุ้นให้มากขึ้นย่อมจะเป็นสิ่งที่ดีอย่างมากมาย ซึ่งจากข้อมูลที่มีอยู่ ยังมีประชาชนรวมทั้งเด็กอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไปอีกมากกว่า 16 ล้านรายที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 หรือเข็มกระตุ้น เป็นเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขรวมทั้งสำนักอนามัยกรุงเทพมหานครให้ความสำคัญอย่างมาก ในการที่จะให้เกิดการกระจายวัคซีนอีกอย่างน้อย 16 ล้านโดส ไปในทุกจังหวัด โดยให้แต่ละจังหวัดมีคลังวัคซีนเพื่อจะกระจายไปในพื้นที่ต่างๆ โดยให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมที่จะกระจายวัคซีนเพื่อไปฉีดให้กับประชาชนให้มากที่สุด โดยเน้นการเข้ารับบริการที่สะดวกที่สุดด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าชมเชยอย่างยิ่งและเชื่อว่าจะทำให้จำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม มีมากกว่า60 เปอร์เซ็นต์ ในระยะเวลาอีกไม่นานจากนี้ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขสำคัญในการป้องกันและควบคุมอาการของโรคได้อย่างแน่นอน
เพื่อสนับสนุนให้การเปิดประเทศนั้นสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจในทุกรูปแบบ จึงได้มีการประกาศเพิ่มจังหวัดที่เป็นพื้นที่สีฟ้าและสีเขียวให้มากขึ้น ซึ่งหมายถึงพื้นที่ที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวและพื้นที่เฝ้าระวังแต่ไม่ถึงระดับที่ต้องควบคุมตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พร้อมกันนี้ได้อนุญาตให้มีการเปิดสถานบันเทิง อาทิสถานอาบอบนวด ผับและบาร์ได้ และยังอนุญาตให้มีการจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ได้จนถึงเวลา 24.00 น. เพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวได้ใช้บริการเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่
ในส่วนของการศึกษา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศให้ทุกโรงเรียนเปิดการเรียนการสอนได้เหมือนปกติแล้วนั้น โดยให้แต่ละโรงเรียนปฏิบัติตามมาตรการในการเฝ้าระวังป้องกันโรค ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า ยังไม่พบสัญญาณเตือนว่ามีการติดเชื้อที่เกิดจากนักเรียนที่อาจจะขยายเป็นการระบาดชนิดกลุ่มก้อน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เป็นผลมาจากการที่เด็กอายุตั้งแต่ 5 ขวบขึ้นไปสามารถจะเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้แล้วนั่นเอง จึงขอรณรงค์ให้พ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กๆ ทั้งหลาย ได้นำเด็กเข้ารับการฉีดวัคซีนให้มากขึ้น ให้ได้จำนวนเข็มตามมาตรฐานคืออย่างน้อย 2 เข็มขึ้นไป และเมื่อถึงระยะเวลาที่จะต้องฉีดเข็มที่ 3 หรือเข็มกระตุ้นก็นำเด็กของท่านไปฉีดวัคซีนให้เรียบร้อย ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการป้องกันลูกหลานของท่านไม่ให้เจ็บป่วยจากโรคนี้
ในเรื่องการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อในขณะนี้ หากเป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อยจะเน้นเรื่องการดูแลรักษาตัวเองที่บ้าน ที่เรียกกันว่า Op Self ซึ่งหมายถึงการดูแลด้วยตนเองแบบผู้ป่วยนอก โดยในส่วนของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจะได้ยกเลิกการกักตัวรักษาที่เรียกว่า Home Isolation และ Hotel Isolation ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป ซึ่งเชื่อว่าในส่วนของสำนักงานประกันสังคมก็จะมีการยกเลิกเรื่องนี้เช่นกันในเร็วๆ นี้ แต่ทั้งนี้หากผู้ติดเชื้อรายใดมีอาการที่แพทย์วินิจฉัยว่าต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ก็ยังได้รับสิทธิตามสิทธิพื้นฐานของแต่ละระบบโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
ความน่ากลัวของโรคโควิด-19 จะหายไปในเร็ววันนี้แล้ว ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ต่างๆ ในประเทศดีขึ้นทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ในส่วนของเสถียรภาพของรัฐบาลนั้นจากการที่งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 สามารถผ่านวาระหนึ่งในสภาฯ ได้แล้วนั้น ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีอีกอย่างหนึ่งว่ารัฐบาลนี้ยังมีความมั่นคง และพร้อมที่จะสานต่อโครงการทั้งหลายที่ได้วางแผนไว้เพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศต่อไป ทั้งนี้หากประชาชนชาวไทยยังคงยึดมั่นในความรักและสามัคคี รวมทั้งการให้ความสำคัญต่อสถาบันหลักของชาติทั้งหลาย ก็ยอมจะนำมาซึ่งความสงบสุขของประชาชนชาวไทยทั้งหมดอย่างแน่นอน
นายแพทย์ปิยะ เนตรวิเชียร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี