ถึงแม้ว่ารัสเซียจะถูกคว่ำบาตรโดยฝ่ายสหรัฐอเมริกาและยุโรปตะวันตก เนื่องมาจากการที่รัสเซียกรีธาทัพเข้าไปในยูเครน (โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันมิให้องค์การนาโตขยายอิทธิพลมาประชิดรัสเซียด้วยการรับยูเครนเป็นสมาชิก) แต่จนบัดนี้ รัสเซียก็ยังดูจะมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับการคว่ำบาตร แถมยังรุกกลับด้วยอำนาจการผลิตเชื้อเพลิงที่จำเป็นแก่ยุโรป
อย่างไรก็ตาม เมื่อใดที่ประเทศเจ้าโลกอย่าง สหรัฐฯกระทำการหนึ่งใด ก็มักจะส่งผลกระทบไปทั่วโลก ไม่มากก็น้อย โดยประเทศต่างๆ ก็จะระมัดระวัง ที่จะไม่ทำตัวให้เป็นปัญหากับสหรัฐฯ และในวันนี้ เมื่อสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย ประเทศต่างๆ ก็เลยเลือกที่จะทำตาม ไม่ขัดใจพี่เบิ้ม หรืออย่างน้อยก็ต้องทำตัวให้อยู่ห่างๆ จากรัสเซีย
แต่การที่แต่ละประเทศจะเอาใจสหรัฐฯ นั้น ก็ต้องคำนึงถึงความอยู่รอดของตนเองเป็นสำคัญด้วย ซึ่งก็หมายความว่า ร่วมไปกับสหรัฐฯ แค่เท่าที่จะกระทำได้ หรืออาจร่วมด้วยในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องเปิดช่องทางที่จะหายใจ เพื่อความอยู่รอดของตนเองด้วย
ในช่วงเดือนที่ผ่านมา แม้การคว่ำบาตรรัสเซียโดยสหรัฐฯ จะยังคงอยู่ แต่สังคมโลกก็ได้เห็น ประธานาธิบดีเซเนกัล ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานองค์กรสหภาพแอฟริกา เลือกที่จะเดินทางไปกรุงมอสโกเพื่อเจรจาขอให้ฝ่ายรัสเซียเปิดช่องทางขนส่งข้าวสาลีของรัสเซียและยูเครน ให้สามารถถูกลำเลียงออกสู่ตลาดโลกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตลาดนำเข้าของตะวันออกกลางและทวีปแอฟริกา เพื่อเห็นแก่ความอยู่รอดของชาวอาหรับและชาวแอฟริกา
และในช่วงเดียวกันกลุ่มสหภาพยุโรปที่แม้จะมีมติร่วมกัน ในการจะตัดการซื้อน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย แต่ก็ยังอนุโลมให้ฮังการีสามารถซื้อพลังงานเชื้อเพลิงจากรัสเซียได้เป็นกรณียกเว้น เพราะฮังการีเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกทางทะเล จะไปหาแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงทดแทนก็จะยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง
ในขณะเดียวกัน อินเดียที่เพิ่งเข้าเป็นมหามิตรกับสหรัฐฯ ทางด้านความมั่นคงในนาม QUAD กลับหันไปเปิดการเจรจาที่จะซื้อพลังงานเชื้อเพลิงจากรัสเซียในราคาที่ต่ำกว่าราคาโลก ซึ่งก็ตั้งอยู่บนความอยู่รอดของอินเดียเองเป็นสำคัญ
ทั้ง 3 กรณีดังกล่าว น่าจะก่อให้เกิดข้อคิดเป็นข้อแนะนำต่อรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า แทนที่รัฐบาลไทยจะปล่อยให้การปิโตรเลียมแห่งชาติจัดหาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หรือการที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเป็นผู้จัดหาถ่านหิน เพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้านั้น แล้วทำไมเล่า รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่ลองพินิจพิจารณาคิดหาลู่ทางที่จะทำการเจรจากับรัฐบาลต่างๆ โดยตรงเป็นการซื้อขายแบบ G2G รัฐต่อรัฐเล่า?
ฝ่ายไทยอาจจะมีข้อเสนอเป็นการแลกเปลี่ยนก็คือการขายข้าว มันสำปะหลัง ผลิตสินค้าอาหารอื่นๆ ให้เป็นการตอบแทน ในราคามิตรภาพที่ต่ำกว่าราคาในตลาดโลก เช่น การที่รัฐบาลไทยจะเจรจากับรัฐบาลรัสเซีย กับรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย กับรัฐบาลมาเลเซียและบรูไน หรือกับอินโดนีเซียและเวียดนามในเรื่องถ่านหิน หรือกับอินโดนีเซียและมาเลเซียในเรื่องปาล์มน้ำมัน เป็นต้น
และหากสหรัฐฯ เป็นพันธมิตรที่แท้จริงกับไทยดังที่ประกาศมาโดยตลอด สหรัฐฯ ที่เป็นประเทศยักษ์ใหญ่ในเรื่องพลังงานเชื้อเพลิง ก็น่าจะเจียดขายน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติให้กับไทยในราคามิตรภาพสักจำนวนหนึ่ง และในระยะเวลาหนึ่งไม่ได้เชียวหรือ?
เพราะทั้งหมดนี้ประเทศไทยก็ต้องซื้อน้ำมัน ก๊าซและถ่านหิน ในราคาตลาดโลกที่แพงอยู่ และไม่แน่นอนแต่ต้องมาขายให้กับประชาชนในราคาที่ต่ำกว่า เป็นการใช้ทั้งเงินงบประมาณและเงินกู้เพื่อมาตรึงราคาและชดเชยความต่าง ก็คงจะกระทำได้แค่ระยะสั้นๆ เพราะสายป่านไม่ยาวพอ ทางออกก็คือต้องไปหาเชื้อเพลิงและถ่านหินที่มีราคาต่ำกว่าราคาตลาดโลกเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน โลกก็ยังมีน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติกองอยู่มากมาย เพียงพอที่จะบรรเทาปัญหาการขาดตลาด อันสืบเนื่องมาจากสงครามยูเครนและรัสเซีย และการคว่ำบาตรรัสเซียได้ คือ การเจรจาให้ฝ่ายสหรัฐฯ และยุโรปตะวันตก ยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่านและเวเนซุเอลา เป็นการชั่วคราว เพื่อให้ทั้ง 2 ประเทศนำเอาเชื้อเพลิงธรรมชาติของตนออกมาสู่ตลาดโลกได้ ก็จะช่วยเสริมสร้างทั้งในเรื่องเสถียรภาพของอุปทาน และราคา
ทั้งนี้ ในปีนี้ไทยเป็นประธานกลุ่มเอเปก ขณะที่อินโดนีเซียเป็นประธานกลุ่ม G20 ทั้งสองก็อยู่ในวิสัยที่จะยกเรื่องการหาเสถียรภาพให้กับอุปทาน อุปสงค์ และราคาของพลังงานเชื้อเพลิงต่างๆ ได้ ส่วนอาเซียนนั้นก็ควรจะมีการปรึกษาหารือเพื่อร่วมด้วยช่วยกัน และผนึกกำลังเพื่อเจรจาต่อรองกับประเทศต่างๆ ดังกล่าวโดยเอาผลประโยชน์แห่งความอยู่รอดของเราเป็นตัวตั้งและในขณะเดียวกันก็ต้องเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาที่ต้นทาง คือการให้มีการเจรจาหยุดยิงที่ยูเครน และการเจรจาสันติภาพเพื่อการอยู่ร่วมกันด้วยมิตรไมตรี ที่จะเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาวขนานกันไป
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี