การปลดล็อกกัญชา กัญชง มีผลทางกฎหมาย เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565
นาทีนี้ กัญชา กัญชง คือ พืชถูกกฎหมายไทย มิใช่ยาเสพติดประเภท 5 อีกต่อไปแล้ว
การเสพ-การบริโภคพืชกัญชาและกัญชง จึงไม่ผิดกฎหมายยาเสพติด (ยกเว้นสารสกัดที่มีค่า THC เกิน 0.2%)
การนำไปต่อยอด ผลิตอาหาร ยารักษาโรค ก็ไม่ผิด เพียงแต่ยังต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง คล้ายๆ บุหรี่หรือเหล้าที่การบริโภคก็ยังมีกฎหมายควบคุมกำกับ ไม่สามารถจะไปสูบ-ดื่มได้ทุกที่ทุกเวลาเช่นกัน
1. ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. 2565 ทำให้ทุกส่วนของกัญชากัญชงไม่เป็นยาเสพติดยกเว้นสารสกัดที่มีสาร THC เกิน 0.2% โดยน้ำหนักที่ยังคงเป็นยาเสพติด
รัฐมนตรีสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล ระบุว่า ประเทศไทย เอากัญชาออกมาจากความเป็นยาเสพติดแล้ว ความพยายามของเราเป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และทางเศรษฐกิจ เป็นทางเลือกการประกอบอาชีพ กรุณาอย่าใช้เพื่อความมึนเมา อันที่จริง เราจะทำให้เร็วกว่านี้ วางแผนว่าพระราชบัญญัติควบคุมจะต้องเสร็จในสมัยการประชุมที่แล้ว แต่เพราะติดปัญหาโควิด-19 ไม่สามารถบรรจุเรื่องเข้าไปได้ จะเห็นว่า นอกสภามีประกาศปลดล็อกของกระทรวงสาธารณสุขนำมาก่อน ดังนั้น เปิดประชุมสภาล่าสุด เราเร่งผลักดันเรื่องเข้าไปพิจารณาทันที เพื่อให้นโยบายมีความสมบูรณ์ ต้องขอบคุณท่านประธานสภา และเพื่อน สส.ที่ช่วยกันดันเรื่องนี้ จนได้พิจารณาอย่างรวดเร็ว และผ่านวาระแรกไปแล้วด้วยคะแนนท่วมท้น จากนี้ เราจะมีคณะกรรมาธิการมาช่วยกันพิจารณา ให้ พ.ร.บ. กัญชา กัญชง เกิดความเหมาะสมต่อการใช้มากที่สุด ระหว่างนี้ อย่าใช้ในทางที่ผิด และเรามีประกาศของสาธารณสุขดูแลอยู่ทั้งเรื่องกลิ่น และการก่อความรำคาญ ปัจจุบัน มีผู้ประกอบการจำนวนมาก มาจดทะเบียนขอผลิตและจำหน่ายสินค้า เป็นยา เป็นผลิตภัณฑ์ส่งเสริมสุขภาพ ก็ชัดเจนว่ากัญชามีประโยชน์ นี่จะเป็นพืชเศรษฐกิจ ที่สร้างรายได้ให้เกษตรกร ไปจนถึงผู้ประกอบการ และเป็นทางเลือกด้านสุขภาพแก่ประชาชนด้วย จะเห็นว่าคลินิกกัญชา มีผู้ใช้บริการคับคั่ง แล้วยาสูตรกัญชา ก็อยู่ในบัญชียาหลักแล้ว แต่ก็ต้องขอให้ประชาชน ใช้ให้ถูกทาง ตามเป้าหมายของภาครัฐเช่นกัน
2. ล่าสุด มีผู้สนใจเข้าใช้งานแอปพลิเคชั่นและเว็บไซต์ “ปลูกกัญ” เป็นจำนวนมากกว่า 33,905,095 ครั้ง
ลงทะเบียนจดแจ้งการปลูก กัญชา กัญชง แล้วกว่า 670,065 คน (ณ วันที่ 12 มิถุนายน 07.00 น.)
ตัวเลขข้างต้น ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจำนวนคนที่สนใจ และได้ประโยชน์จากนโยบายกัญชา
3. การให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการใช้กัญชา เป็นสิ่งสำคัญมาก
ทั้งข้อมูลด้านดี ผลบวก และข้อมูลด้านลบที่เป็นผลกระทบต่อสุขภาพ
3.1 นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาอย่างเข้าใจ ระบุว่า แนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขผลักดันมาตลอด คือ การนำกัญชา กัญชง มาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การดูแลสุขภาพ การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้ให้แก่ประชาชน โดยไม่มีการสนับสนุนให้ใช้กัญชา กัญชง ในทางที่ไม่เหมาะสม สำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นทางกระทรวงสาธารณสุขได้มีการอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีส่วนประกอบของกัญชา กัญชง และสารสกัด CBD เช่น เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและตำรับยาไทย มากถึง 1,181 รายการ
“ผลการวิจัยของธนาคารกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี 2564 คาดว่าในปี 2569 ตลาดกัญชงจะเจริญเติบโตและมีมูลค่ามากถึง 15,000 ล้านบาท และอาจจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่านี้ มีการประเมินมูลค่าตลาดกัญชาที่ถูกกฎหมายทั่วโลก มีมูลค่ากว่า 500,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตมากกว่าร้อยละ 17 โดยกัญชาในอุตสาหกรรมทางการแพทย์และสุขภาพสร้างรายได้ถึงร้อยละ 70 ของมูลค่าทั้งหมด ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาอย่างเข้าใจ เพื่อร่วมกันสื่อสารทำความเข้าใจการใช้กัญชา กัญชงที่ถูกต้องกับประชาชน”
3.2 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชง โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย โดยได้นำตำรับยากัญชาบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว 8 ตำรับ
“ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 พืชกัญชา กัญชง ไม่ใช่ยาเสพติดอีกต่อไป ถือเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของกัญชากัญชงในประเทศไทย และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจ เพื่อให้ก้าวไปด้วยกันอย่างถูกต้องว่า ประชาชนจะสามารถปลูกพืชกัญชา กัญชง เพื่อประโยชน์ในการรักษาและดูแลสุขภาพ และเมื่อปลูกแล้วยังสามารถแสดงตนด้วยการจดแจ้งผ่านระบบแอปฯ ปลูกกัญ ของ อย. ได้ด้วย ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขเองได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับในเรื่องผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนในการนำกัญชา กัญชง ไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม เช่น ห้ามจำหน่ายให้ใช้ในสตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร และผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี การออกประกาศกำหนดให้กลิ่นควันกัญชากัญชงเป็นเหตุรำคาญ นโยบายนี้ไม่ครอบคลุมถึงการสูบหรือการบริโภคเพื่อความบันเทิงหรือนันทนาการ เพราะไม่ใช่วัตถุประสงค์ของกระทรวงสาธารณสุข”
3.3 นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ระบุว่า ผู้ที่ต้องการปลูกกัญชา กัญชง สามารถปลูกได้โดยไม่ต้องขออนุญาต แต่จะต้องมีการจดแจ้งผ่านแอปพลิเคชั่นและเว็บไซต์ ปลูกกัญ ของ อย. ที่จัดทำขึ้น
“การปลดล็อกนี้จะทำให้ประชาชนสามารถปลูกเพื่อดูแลสุขภาพของตนเองและใช้ในครัวเรือน เพื่อนำไปใช้ในการปรุงยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายของกรณีที่เป็นแพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้าน และเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์หรือในทางอุตสาหกรรมได้
สำหรับการผลิตแปรรูปส่วนอื่นๆ ของพืชกัญชา กัญชง เช่น ใบ ช่อดอก กิ่งก้าน ราก ไม่ต้องขออนุญาตยาเสพติด ส่วนสารสกัดถ้ามี THC เกิน 0.2% ถือเป็นยาเสพติด ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่มีพืชกัญชา กัญชง หรือสารสกัดกัญชา กัญชง เป็นส่วนประกอบ เช่น ผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาหาร เครื่องสำอางให้ขออนุญาตตามกฎหมายผลิตภัณฑ์นั้นๆ เช่น ยาน้ำมันกัญชา ยาแผนไทยที่มีใบ ช่อดอก ราก ฯลฯ เป็นส่วนผสม ต้องขออนุญาตตาม พ.ร.บ. ผลิตภัณฑ์สมุนไพร กรณีเป็นแพทย์แผนไทยแพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้าน หากจะใช้กัญชา กัญชงไปปรุงยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย ได้รับการยกเว้นตาม พ.ร.บ. ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ให้ทำได้ตามการประกอบวิชาชีพโดยไม่ต้องขอใบอนุญาตผลิต หากมีข้อสงสัยเรื่องการปลูก การสกัด หรือการขออนุญาตผลิตผลิตภัณฑ์ให้สอบถามเพิ่มเติมโทร 1556 กด 3 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนั้นๆ”
4. ผลทางการเมือง “พูดแล้วทำ” นโยบายกัญชา
ในบรรยากาศความคึกคักในงาน “ปลดล็อกกัญชา ประชาชนได้อะไร” ที่จังหวัดบุรีรัมย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไปเป็นประธานเปิดงาน มีทั้งประชาชน อสม. จากจังหวัดบุรีรัมย์และใกล้เคียงเข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 30,000 คน
นายอนุทินปราศรัยว่า ขอบคุณประชาชนชาวบุรีรัมย์ที่ทำให้นโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ของพรรคภูมิใจไทยเมื่อ 4 ปีก่อนได้เกิดขึ้นจริง พร้อมย้ำว่า อย่าไปพูดเรื่องปลูก 6 ต้น เพราะกฎหมายล่าสุด เปิดโอกาสให้ได้มากกว่านั้น เพียงแต่ต้องจดแจ้งให้ถูกต้อง สำหรับชาวบุรีรัมย์ที่เลือกพรรคภูมิใจไทยมาแบบยกจังหวัด การที่เราเคยชูนโยบายเรื่องกัญชา แล้วชาวบุรีรัมย์เลือกกันเข้ามาแบบแลนด์สไลด์ มันได้เป็นคำสั่งจากชาวบุรีรัมย์ และประชาชน ว่าต้องทำให้นโยบายนี้เกิดเป็นรูปธรรมเพื่อพี่น้องประชาชนให้เร็วที่สุด ทั้งในเรื่องของสุขภาพ และการทำมาหากิน หลังจากกฎหมายบังคับใช้ เราได้มาที่จังหวัดนี้เป็นจังหวัดแรก นี่คือการเฉลิมฉลองความสำเร็จ ก้าวต่อไป คือ การทำให้กัญชาไทยกลายเป็นสินค้า ส่งขายทั่วโลก ดึงเม็ดเงินเข้าประเทศไทย
รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีรามคำแหง วิเคราะห์ว่า การปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด คือผลงานของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตรงนี้ มันไม่มีทางแย่งเขาได้แน่นอน เป็นผลงานใหญ่ เขาน่าจะศึกษามาดีว่าเรื่องนี้ ทำได้ มีช่อง ทำแล้วมีคะแนน เพราะอันที่จริงประเทศไทย ใช้กัญชามานานแล้ว แต่มันผิดกฎหมาย จึงแอบใช้ทางพรรคคงรู้ ก็พยายามหาทางที่เป็นประโยชน์กับประชาชน อย่างสมัยก่อน ก่อนขึ้นเวที บางที ก็ใช้กัญชานะ มันเป็นยา มองให้เป็นประโยชน์ กัญชา มันมีประโยชน์ แล้วคนยอมรับกันเยอะ ที่สภาผ่านกันมากๆ ก็เพราะปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้ มันทำไปเพื่อประชาชน คนเป็นผู้แทนราษฎรก็ต้องช่วยกัน แล้วยิ่งพรรคภูมิใจไทย เป็นพรรครัฐบาล แค่เสียงฝั่งเขาก็เยอะพอแล้ว มาได้แรงหนุนจากฝ่ายค้านอีก ก็ยิ่งเดินง่าย ขอแสดงความยินดี ที่ทำเรื่องนี้ได้ เพราะคุณหาเสียงเรื่องพูดแล้วทำ ถ้าเรื่องนี้ทำไม่ได้ มันไปต่อลำบาก แต่พอทำสำเร็จ ก็หาเสียงกันง่ายเลย
“พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคใจถึง ใจนักเลง กระสุนเยอะ กระสุนคือ ความใจกว้าง ความกล้าช่วยเหลือกัน ชาวบ้านในพื้นที่เดือดร้อน เขาหาทางออกได้ อันนี้เป็นกระสุน แต่ที่ผ่านมา เขาขาดสิ่งที่สำคัญคือกระแส พรรคเลยเงียบๆ แต่เมื่อนโยบายกัญชาสำเร็จ คนชื่นชมกันเยอะเลย อันนี้ คือกระแสแล้ว พรรคได้กระแสแล้ว พูดแล้วทำ กัญชาเสรี ตอนนี้พรรคภูมิใจไทยมีครบสูตรสำเร็จการเมืองไทย เพราะมีพร้อมทั้งกระสุนและกระแส” รศ.สุขุมกล่าว
5. เบื้องต้น ต้องยอมรับในความสำเร็จ เมื่อนโยบายพรรคภูมิใจไทย แปรเป็นนโยบายรัฐบาล และถูกผลักดันจนปรากฏผลลัพธ์จริงตามที่หาเสียงไว้ ผู้นำรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงนับว่ามีส่วนสำคัญในความสำเร็จข้างต้นด้วย นอกเหนือไปจากพรรคภูมิใจไทย
เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายกัญชาครั้งสำคัญ นายกฯ จึงได้ตั้งคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพืชกัญชาและกัญชง จำนวน 30 ราย ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ฯลฯ มีหน้าที่ดำเนินการด้านต่างๆ รวม 10 ด้าน เช่น เสนอแนะนโยบายและมาตรการส่งเสริมการศึกษา วิจัยและพัฒนาการใช้กัญชาและกัญชง ทั้งในด้านการแพทย์ ด้านอุตสาหกรรม และประโยชน์อื่นๆต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดมาตรการแนวทางปฏิบัติและกำกับดูแลการดำเนินการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนนโยบายพืชกัญชาและกัญชงเพื่อการส่งเสริมเศรษฐกิจและนวัตกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ ติดตามและประเมินสถานการณ์ศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้น เพื่อการทบทวนและเสนอแนะและจัดทำมาตรการคุ้มครองบุคคลซึ่งอาจได้รับอันตราย จากการใช้หรือบริโภคกัญชาและกัญชง และการป้องกันการใช้ทางที่ผิด รวมทั้งการโฆษณาในทางการค้าเกี่ยวกับกัญชาและกัญชง ทำกิจกรรมการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายการปลูกกัญชงและกัญชา กับนานาประเทศ และองค์กรต่างๆ นอกจากนี้ รวมถึงการประมวลปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชน ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการปลูกกัญชา เป็นต้น
หวังว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติส่วนรวม มากกว่าผลเสียในด้านลบซึ่งจะเป็นเช่นนั้นได้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือกัน(ไม่ต่างกับบุหรี่ สุรา)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี