คำแก้ตัวแบบไร้ความละอายของนักการเมืองข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ และนักธุรกิจที่ถูกจับ เพราะทำผิดในคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ หรือป่าอื่นๆ มักจะออกมาในรูปแบบ“ฉันได้ที่มาด้วยความสุจริต” “ฉันไม่ใช่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการอนุมัติการครอบครอง” “เพราะความรักป่ารักต้นไม้สายน้ำ ฉันจึงซื้อที่ป่า เขา และแม่น้ำ ทะเลไว้ เพราะต้องการอนุรักษ์” “ฉันซื้อที่ต่อมาจากชาวบ้าน ฉันไม่ได้สั่งให้ชาวบ้านบุกรุก” และอีกสารพัดคำโป้ปดที่ยกมาแก้ตัวแบบหน้าไม่อาย
ถามจริงๆ ถามตรงๆ การที่คนคนหนึ่งซึ่งมีอำนาจรัฐ หรือเคยมีอำนาจรัฐสามารถครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวน หรือเขตอุทยานแห่งชาติได้ ไม่ว่าจะกี่สิบ กี่ร้อยหรือกี่พันไร่ก็ตาม เรื่องแบบนี้หากไม่มีอำนาจรัฐให้การสนับสนุนแล้ว จะสามารถกระทำได้หรือ
การออกเอกสารสิทธิใดๆ ให้กับผู้ครอบครองที่ดินนั้น ต้องออกโดยหน่วยราชการ (ยกเว้นเอกสารราชการปลอม) ดังนั้น การที่หน่วยราชการเป็นผู้ออกเอกสารสิทธิแสดงการครอบครองที่ดินให้ใครก็ตาม ย่อมต้องเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของหน่วยราชการโดยไม่มีข้อปฏิเสธใดๆ การออกเอกสารสิทธิครอบครองที่ดินต้องผ่านการพิจารณา ตรวจสอบ กลั่นกรอง แล้วจึงอนุมัติ โดยหน่วยราชการ เช่น กรมที่ดิน เป็นต้น ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุที่พิสูจน์ได้ว่าผิดกฎหมาย จึงเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของหน่วยราชการ ส่วนประเด็นที่ว่า เหตุใดหน่วยราชการจึงกระทำการอันผิดกฎหมาย ก็ต้องไปไล่เลียงดูว่าเกิดจากเหตุปัจจัยใด
กรณีล่าสุด ที่กำลังเป็นข่าวใหญ่ในขณะนี้คือเรื่องที่นายสุนทร วิลาวัลย์ นักการเมืองที่อยู่ในวงการการเมืองระดับประเทศของไทยมายาวนาน ซึ่งปัจจุบันกินตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำ ซื้อ รักษาทรัพยากร โดยใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ ตามมาตรา 151 และได้ถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 2 ออกหมายจับฉบับที่ 2 เพราะไม่ไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 2จังหวัดระยอง เพื่อให้นำตัวไปยื่นฟ้องคดีต่อศาล เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ตามนัดหมาย โดยในเบื้องต้น นายสุนทรหลบหนีจนกระทั่งวันที่ 21 มิถุนายน ได้นำตัวนายสุนทรไปส่งอัยการเพื่อสั่งฟ้องคดี สุดท้ายศาลให้ประกันตัววงเงิน 6 แสนบาท มีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
หลังจากนั้นนายสุนทรได้แถลงข่าวว่าได้ครอบครองที่ดิน 150 ไร่ โดยซื้อต่อมาจากผู้อื่น และอ้างว่าตนรักป่า รักต้นไม้ รักภูเขา ประกอบกับให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่ดินให้แล้ว โดยอ้างอีกว่า หากที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ก็จะไม่รับซื้ออย่างแน่นอน และอ้างว่าไม่เคยติดสินบนให้เจ้าหน้าที่
เมื่ออ่านคำแถลงข่าวของนายสุนทรทั้งหมดจะพบว่ามีตอนหนึ่งที่อ้างว่าได้จ้างให้ผู้อื่นไปปรับปรุงที่ดิน แต่เมื่อเจ้าหน้าที่บอกว่ามีการรุกล้ำที่ดินก็ได้ตำหนิคนที่ปรับปรุงที่ดินว่าทำเกินที่ตามโฉนด และบอกด้วยว่ารถแบ๊กโฮรุกเข้าไปในที่นิดหน่อย แต่เข้าไปในที่ที่ชาวบ้านถือครองอยู่ ไม่ใช่ที่ป่าสงวน เมื่อเจ้าหน้าที่บอกว่าบุกรุกที่ดินก็จะยกที่ดินคืนให้ จะกี่ร้อยไร่ก็เอาไปเลย
เมื่อได้อ่านคำแถลงของนายสุนทรแล้ว คุณมีความเห็นอย่างไรบ้าง แล้วก็ต้องถามต่อไปว่าเป็นตรรกะที่คุณรับได้หรือไม่ ส่วนข้ออ้างสุดท้ายที่นายสุนทรอ้างคือตนเองเป็นคนดี ช่วยเหลือชาวบ้านตลอดเวลา ชาวบ้านเลือกตนเองมาตลอดไม่เคยสอบตกทางการเมือง เป็นคนจริงใจ เสมอต้นเสมอปลาย ชาวบ้านให้ความเชื่อถือ
ถามทิ้งท้ายเหมือนเดิมว่า เมื่อคุณได้เห็นข้ออ้างของนายสุนทรแล้ว คุณมีความคิดเห็นอย่างไร รับได้ หรือรับไม่ได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี