“เปลว สีเงิน” คนปลายซอยแห่งไทยโพสต์ ใช้คำว่า “คุณกรณ์ พรรคกล้า พูดมาก็หลายเรื่อง ไม่ดัง มาดังทะลุฟ้าก็เรื่องน้ำมันแพง ตอนที่คุณกรณ์ออกมาซัดโครม ว่า “คนไทยโดนปล้นค่าน้ำมัน จากราคากลั่นสูงเกินจริง ลิตรละ8.5 บาท” ถูกใจตลาดล่าง-ตลาดบนมาก โดยเฉพาะตลาดการเมืองซีกค้าน และพวกจ้องล้มรัฐบาล”
เปลวบอกต่อว่า “คุณกรณ์จะพูดแบบจริงผสมเทียม หรือแบบตัดตอนพูด คนฟังเชื่อหมดหละ เพราะคุณกรณ์มีต้นทุนเป็นอดีตรัฐมนตรีคลัง อีกอย่างเรื่องต้นทุนน้ำมัน เรื่องค่าการกลั่น มันเป็นเรื่องสุดวิสัยที่ชาวบ้านทั่วไปจะเข้าใจ ต้องระดับเทพอย่างคุณกรณ์ “อ่านงบรู้-ดูงบเป็น” คนฟังจึงเชื่อ ถึงไม่เชื่อก็ไม่กล้าปฏิเสธ เพราะตัวเองไม่มีภูมิที่จะไปจับได้-ไล่ทัน”
ครับ, เปลว สีเงิน พูดถึงนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้าไว้อย่างแยบยล ชวนคิด ตีนัยออกมาได้ว่า1.ชาวบ้านกำลังเดือดร้อนกับค่าน้ำมัน แต่ไม่มีภูมิที่จะรู้หรอกว่า น้ำมันแพงเพราะอะไร 2.พอคุณกรณ์ซึ่งมีต้นทุนความน่าเชื่อถือสูง มาชี้เรื่อง “ค่าการกลั่น” คนก็เฮ 3.แต่คุณกรณ์พูดจริงหมด จริงผสมเทียม หรือตัดตอนพูด อันนี้น่าคิด
พอเปิดประเด็นเรื่อง “ค่าการกลั่น” ติดลมแล้ว กรณ์และกล้าก็ “ออกเดินทางต่อ” คราวนี้ “เปลี่ยนเป้า” ไปที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์
1) เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2565 ที่พรรคกล้านายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวกรณีกระทรวงพลังงาน ประกาศมาตรการเกี่ยวกับราคาน้ำมันแพง แต่ราคาหน้าปั๊มน้ำมันยังไม่ลดลง ว่า เป็นตัวยืนยันและสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลยังไม่มีนโยบายที่ยิงตรงไปยังประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อน ในเรื่องราคาน้ำมันแพง วิธีแก้ คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ รมว.พาณิชย์ มีอำนาจและหน้าที่โดยตรงตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ ซึ่งได้กำหนดให้มีคณะกรรมการคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ซึ่งมีนายจุรินทร์ เป็นประธานโดยตำแหน่ง โดยในกฎหมายดังกล่าวได้กำหนดให้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว และน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสินค้าควบคุม
“เมื่อประกาศเป็นสินค้าควบคุม คำถาม คือ มาตรการอยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนกำหนดค่าการกลั่น ทำไมกระทรวงพาณิชย์ ไม่ใช้อำนาจที่มีกำกับอัตราค่าการกลั่นที่ไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน นี่คือสาเหตุที่ราคาหน้าปั๊มยังไม่ปรับลดลง ดังนั้น จึงขอฝากให้นายจุรินทร์รีบกลับมาแก้ไขเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนรออยู่ ถ้ารัฐมนตรีใช้อำนาจที่มี พรรคกล้าบอกเลยว่าภายในอาทิตย์นี้ราคาหน้าปั๊ม สามารถปรับลดลงได้เลย 4 บาทต่อลิตร โดยมาจากค่าการกลั่น”
ส่วนกรณีที่ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รมว.พลังงาน ไปเจรจาขอนำกำไรโรงกลั่น 8 พันล้านต่อเดือน เริ่มต้นเดือน ก.ค.ไปอุดหนุนให้กองทุนน้ำมันนั้น นายกรณ์กล่าวว่า เป็นเพียงข้อตกลงปากเปล่า ดังนั้น ต้องออกเป็นพระราชกำหนดเพื่อเป็นหลักประกัน นอกจากนี้ ยังมีปัญหาว่า ไม่ตอบโจทย์หากปัญหาน้ำมันยืดเยื้อเกิน 3 เดือน ถามว่าจะทำอย่างไรต่อไป หรือจะกลับไปเจรจาต่อกับโรงกลั่นน้ำมันอีกครั้ง
2) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้าออกมาให้ข่าวพาดพิงนายจุรินทร์โดยกล่าวว่า “พรรคกล้าบอกเลยว่าราคาน้ำมันจะลดทันที 4 บาท ถ้า รมว.พาณิชย์ใช้อำนาจลดค่าการกลั่นตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เพราะน้ำมันเป็นสินค้าควบคุม” โดยนายจุรินทร์กล่าวว่า นายกรณ์คงอยากพูดต่อจากที่ออกมาพูดเรื่องค่าการกลั่นก่อนหน้านี้ แต่คงลืมไปว่า หาเสียงก็ต้องมีความรับผิดชอบ ความกล้าเป็นเรื่องดีแต่ต้องกล้าในสิ่งที่ถูกที่ควร และก่อนพูดก็ต้องรู้จริงในสิ่งที่พูด
“เพราะนายกรณ์คงเข้าใจว่า ถ้าน้ำมันเป็นสินค้าควบคุมตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการของกระทรวงพาณิชย์แล้ว รมว.พาณิชย์จะสั่งให้จัดการยังไงเกี่ยวกับเรื่องน้ำมันก็ได้ รวมทั้งสั่งให้ลดค่าการกลั่นหรือลดราคาน้ำมันด้วยก็ได้ ซึ่งนายกรณ์เข้าใจผิด เพราะน้ำมันมีทั้งกฎหมายเฉพาะและคำสั่งเฉพาะของนายกรัฐมนตรีกำหนดไว้ให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงพลังงาน ทั้งตาม พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่กำหนดชัดให้การคํานวณราคาและกําหนดราคา ณ หน้าโรงกลั่น ราคาส่ง-ปลีก ค่าการตลาดค่าขนส่ง ค่าใช้จ่ายในการเก็บ รักษาน้ำมันเชื้อเพลิงรวมทั้งให้โรงกลั่นแจ้งราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นเป็นอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ที่มี รมว.พลังงานเป็นประธาน
ซึ่งแม้กระทรวงพาณิชย์จะประกาศให้น้ำมันเป็นสินค้าควบคุม ก็จะมีอำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการเป็นการทั่วไป เฉพาะในส่วนที่ไม่ไปใช้อำนาจหน้าที่แทน กบง. หรือใช้อำนาจแทนผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายเฉพาะเท่านั้น เช่น มีอำนาจกำหนดให้ปั๊มน้ำมันต้องปิดป้ายประกาศราคาขายปลีก การตรวจหัวจ่ายที่เป็นมาตรวัดปริมาณน้ำมันให้มีความเที่ยงตรงตาม พ.ร.บ.ชั่ง ตวง วัด หรือดำเนินคดีกับปั๊มน้ำมันหากจำหน่ายน้ำมันเกินราคาที่ประกาศไว้ ในข้อหาขายเกินราคาที่ปิดป้ายแสดงไว้หรือค้ากำไรเกินควร เป็นต้น”
ส่วนคำถามที่ว่า นายกรณ์ต้องการโยนบาปมาที่นายจุรินทร์เพื่อหวังผลทางการเมืองหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่ขอตอบ เพียงแต่การออกมาวิจารณ์หรือพูดอะไร ควรรู้จริงทั้งข้อกฎหมายและการปฏิบัติ ไม่งั้นเป็นปฏิบัตินิยมไม่ได้และต้องมีความรับผิดชอบ ไม่ฉาบฉวย เพราะอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชนได้ และในส่วนกระทรวงพาณิชย์อะไรที่เป็นอำนาจและเป็นหน้าที่ไม่ผิดกฎหมายยินดีทำทุกเรื่องให้ประชาชน
3) นายกรณ์ จาติกวณิช โพสต์เฟซบุ๊คโต้ตอบนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ว่า “ของแพง ประชาชนนึกถึงใคร?” โดยมีเนื้อความว่า “...บริหารเศรษฐกิจ ต้องยึดประชาชนเป็นที่ตั้งในประเด็นว่าใครมีหน้าที่และอำนาจในการแก้ปัญหานั้น ผมขอตั้งคำถามง่ายๆ ว่า เวลาพูดถึงของแพง และถามว่ากระทรวงไหนมีหน้าที่แก้เรื่องนี้ ประชาชนจะตอบว่ากระทรวงอะไร แน่นอนประชาชนต้องตอบว่า กระทรวงพาณิชย์และในจิตสำนึกของผู้เป็นรัฐมนตรี ในสถานการณ์ข้าวยากหมากแพงยุคปัจจุบัน ควรจะต้องพยายามคิดหาทางออกเรื่องของแพงอยู่แทบจะทุกลมหายใจ
...เมื่อ #น้ำมันแพง ต้นตอ #ของแพง รัฐมนตรีควรต้องใช้ทุกกฎหมายที่มี เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา ไม่ใช่มาตีความกฎหมายเพื่อลดอำนาจ และความรับผิดชอบของตนเองประเด็นอยู่แค่ตรงนี้ คนเราเวลาจริงใจกับการแก้ปัญหา เราต้องดิ้นรนหาทางแก้ ไม่ขยันแต่จะโบ้ยงานว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน เป็นเรื่องของคนอื่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานกรรมการกำหนดราคากลางสินค้า หากจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของพลังงาน รัฐมนตรีพาณิชย์เองก็เป็นกรรมการกำหนดนโยบายพลังงานอยู่ด้วยอีก แถมมีปลัดพาณิชย์ นั่งในคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. อีกด้วยซ้ำ”
นายกรณ์โพสต์ด้วยว่า ประชาชนได้แต่เฝ้ารอ เมื่อไหร่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ตรงจุด ทางออกมีแน่นอน และปัญหาเศรษฐกิจของประเทศจะแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้ หากการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลขาดเอกภาพ และความร่วมมือกัน สมัยตนทำงานแก้วิกฤตเศรษฐกิจโลกรองนายกฯ เศรษฐกิจ ร่วมมือกับกระทรวงการคลัง-พาณิชย์-พลังงาน และทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ทำงานสามัคคีร่วมกันหนักแน่น จนไทยเราฝ่าวิกฤตครั้งนั้นมาได้ และปัญหาใหญ่ของประเทศ เรื่องนี้ วันนี้ คือของแพง หากไม่ใช่อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แล้วจะเป็นใคร
4) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมด่วน หารือข้อราชการร่วมกับ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับวิกฤตราคาพลังงานและราคาสินค้า
โดยนายกรัฐมนตรีห่วงใยการดำรงชีวิตของประชาชนท่ามกลางปัญหาราคาสินค้า และราคาพลังงาน ที่มีราคาสูงขึ้นจึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหารือเพื่อร่วมมือกันแก้ไขปัญหา บรรเทาความเดือดร้อน และบรรเทาผลกระทบที่เกิดกับประชาชน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้บูรณาการการทำงาน ร่วมแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยได้สอบถามเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมายต่างๆ ที่ยังอาจมีความคลาดเคลื่อน เพื่อให้เกิดข้อสรุปร่วมที่เป็นประโยชน์กับประชาชนไทย ซึ่งทุกฝ่ายก็เข้าใจ พร้อมเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน
5) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นค่าการกลั่นว่า นายกรัฐมนตรีท่านได้ลงมาบริหารจัดการแล้วตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า จะมีคณะทำงานมาดูแลเรื่องความมั่นคงทางพลังงานโดยเฉพาะ และเรื่องค่าการกลั่น ค่าการตลาด อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงพลังงาน เพราะมีกฎหมายเฉพาะที่ให้อำนาจอยู่หลายฉบับที่มีความชัดเจน รวมทั้งมีคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ระบุชัดเจนด้วยว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงพลังงาน ไม่ได้แปลว่าจะตัดภาระความรับผิดชอบ แต่การบริหารราชการแผ่นดินทุกอย่างจะสั่งการอะไรได้ ดำเนินการอะไรได้ ต้องเป็นไปตามกฎหมายไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ส่วนไหนที่กระทรวงพาณิชย์มีอำนาจมีหน้าที่ยินดีที่จะดำเนินการ และขณะนี้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เช่น ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ตาม พ.ร.บ.ชั่งตวงวัด ซึ่งกำหนดอำนาจหน้าที่ให้กับกระทรวงพาณิชย์ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนได้ชี้แจงไปแล้ว แต่เรื่องนายกรณ์จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ตนไม่ไปประเมิน เพราะตนได้ชี้แจงอธิบายชัดเจนหลายครั้งแล้ว แต่ตอนหลังดูเหมือนจะเปลี่ยนประเด็นไปแล้ว จากเรื่องที่เคยบอกว่าการกำหนดค่าการกลั่นเป็นเรื่องของกระทรวงพาณิชย์ ดูเหมือนจะไม่พูดแล้ว แต่เบนไปพูดว่าของแพงหรือราคาสินค้าเป็นหน้าที่กระทรวงพาณิชย์แทน ซึ่งตนไม่ปฏิเสธ ถ้าในเรื่องของราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคที่อยู่ในอำนาจกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ดูแลมาตลอด ยกเว้นค่าการกลั่นซึ่งไม่ใช่ภารกิจที่กระทรวงพาณิชย์มีอำนาจ แม้อยากทำก็ไปสั่งเขาไม่ได้เพราะโรงกลั่นคงไม่ฟังกระทรวงพาณิชย์ เพราะไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายและอาจเป็นการทำผิดกฎหมายด้วย
6) นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และ กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความ ระบุว่า จากที่ผมได้เข้าประชุมกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาฯ ประเด็นแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาพลังงาน โดยได้เชิญผู้แทนจากกระทรวงพลังงานเข้ามาชี้แจง ได้สอบถามผู้แทนกระทรวงพลังงาน ว่า “...ทำไมกระทรวงพาณิชย์ ถึงไม่สามารถเข้ามากำหนดราคาน้ำมันโดยตรงได้ ผ่าน พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้”
ที่ประชุมจึงได้มีการถกเถียง ว่า จริงๆ แล้วราคาน้ำมันมี พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมัน และมีคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ซึ่งมีหน้าที่เสนอแนะนโยบายและมาตรการทางด้านราคาพลังงาน โดยมีองค์ประกอบของคณะกรรมการมาจากหลายกระทรวง และจากหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ กระทรวงพาณิชย์ ในการร่วมกันกำหนดราคาและผู้แทนกระทรวงพลังงาน ได้ชี้แจงว่า หากมองจากส่วนนี้ก็ทำให้เห็นว่า การจะกำหนดราคาน้ำมัน ต้องผ่านบอร์ดนี้ก่อน จะให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเองโดยพลการไม่ได้
“ผมจึงเข้าใจในมุมของกระทรวงพาณิชย์ และมองเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและไม่อยากให้ใครนำมาเป็นประเด็นทางการเมือง เพราะเรื่องนี้ประชาชนได้รับผลกระทบโดยตรง จึงอยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหันมาร่วมมือกัน และเร่งแก้ไขปัญหาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนก่อน” นายพนิต กล่าว
7) นายสุทิน วรรณบวร อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าวต่างประเทศโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค Sutin Wannabovorn ว่า“หัวหน้าพรรคกล้าคงไม่เคยได้ยินคำพังเพยไทยที่ว่า “ละเลงขนมเบื้องด้วยปาก” ความหมายคือ พูดง่าย เวลาตัวเองลงมือทำก็ทำไม่ได้ ที่มุ่งเป้าใส่นายจุรินทร์ เพราะถ้าพรรคกล้าไปไม่ไหว ได้แอบลุงใช่ไหม”
สรุป : การเปิดประเด็นของนายกรณ์ครั้งนี้ มีคุณูปการต่อสังคมไทยแน่นอน เพราะช่วยกระตุกและกระตุ้นให้คนที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องต้องมา “หาคำตอบ” ร่วมกัน
แต่การ “พุ่งเป้า” มาที่นายจุรินทร์ ในตอนท้าย ถือเป็น “ลูกหลง” ที่ไม่ทราบว่า “จงใจ” หรือ “ผิดหลงในความรู้”
ในทางการเมือง พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคกล้า ใช้ฐานเสียงเดียวกัน เช่น การเลือกสมาชิกสภากรุงเทพฯ ที่ผ่านมา คะแนนของพรรคกล้ากับพรรคประชาธิปัตย์ตัดกันเองจนคนอื่นชนะไปหลายเขตมาก เล่าลือกันว่า บางเขตที่เป็นพื้นที่เก่าของหัวหน้าพรรคกล้า ทีมงานเก่าที่เคยร่วมงานกันมา ออกปากขอให้ช่วยหลีก ไม่ส่งคนลงให้แล้ว แว่วมาว่าแรกทีเดียวตกปากรับคำ ตอนหลังกลับมีการส่งคนลง และในที่สุด ก็แพ้ไปด้วยกันทั้งสองพรรค จริงเท็จอย่างไร น่านำไปคิดต่อถึงยุทธศาสตร์การเลือก สส. ในปีหน้าด้วย
ในทางส่วนตัว ทั้งสองอาจมีเรื่อง “กินใจ” กันอยู่บ้าง แต่น่าจะ “โตพอ” ที่จะข้ามประเด็นดังกล่าวได้
ในทางปฏิบัติ ผมคิดว่านายจุรินทร์ปฏิบัติถูกต้องแล้ว ตามอำนาจทางกฎหมาย แต่ในทางความกระตือรือร้นที่จะ “ทำให้มากกว่านั้น” โดยเอา “ความเดือดร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้ง”อย่างที่นายกรณ์คาดหวัง คนที่นายกรณ์ควร “จี้จริงๆ” คือ นายกรัฐมนตรีครับ อำนาจมาก อำนาจเหนือกว่าทุกๆ คน แต่น่าแปลกใจที่เลือกล็อกเป้ามาที่ “จุรินทร์”
ถ้าปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนคือ “โรค” และกำลังเรียกร้อง “การรักษา” เราควรเรียกร้องกับ “บุรุษพยาบาล” หรือ “แพทย์เจ้าของไข้”
ใช่ครับ บุรุษพยาบาลที่ดี ที่คลุกคลีกับคนไข้ สามารถส่งข้อมูลคนไข้ให้หมอ เสนอความเห็นบางประการได้
แต่ “ญาติคนไข้” หรือจิตอาสาที่ “เข้าใจระบบ” จริงๆ เขาคุยกับ “หมอ” ครับ
เว้นเสียแต่ว่าเขา “กลัวหมอ” หรือ “ขาดความรู้ความเข้าใจ”หรือเขา “ไม่พอใจบุรุษพยาบาล” เท่านั้นเอง!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี