น่าประหลาดใจเหลือล้ำที่คนไทยกลุ่มหนึ่ง ซึ่งอุตส่าห์ ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นปัญญาชน (เพราะดันมีสถานภาพเป็นนิสิตนักศึกษา) แต่กลับแยกแยะไม่ออกว่าสิ่งใดดี สิ่งใดเลวสิ่งใดต้องกระทำ และสิ่งใดต้องไม่กระทำ
ถ้าคนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นปัญญาชน แต่ไม่สามารถแยกดี แยกชั่ว แยกผิด แยกถูกได้เสียแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับการถูกเรียกว่าปัญญาชน เพราะปัญญาชนที่แท้มิได้อยู่ที่สถานภาพของการเป็นนิสิตนักศึกษา แต่อยู่ที่ความสามารถแยกแยะสิ่งผิด สิ่งถูก สิ่งดี สิ่งชั่วได้
ผู้มีปัญญา (ในสังคมไทย) ต้องรู้ว่าการหมอบกราบผู้มีพระคุณ คือการแสดงออกของผู้เจริญ เป็นการแสดงออกให้สาธารณะรับรู้ว่า เขาเหล่านั้นสำนึกในคุณงามความดีที่ผู้มีพระคุณได้มอบสิ่งดีงาม สิ่งประเสริฐให้กับเขา ดังนั้นการหมอบกราบผู้มีพระคุณจึงเป็นเรื่องที่ต้องกระทำ และไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าอับอาย เมื่อหมอบกราบผู้มีพระคุณ
แต่การที่ผู้มีสถานภาพเป็นนักศึกษากลุ่มหนึ่งในมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ประกาศว่าจะไม่มีการหมอบกราบครูในพิธีไหว้ครูประจำปีนี้ โดยให้เหตุผลว่าการหมอบกราบเป็นการแสดงออกถึงความไม่เท่าเทียมกันของคน คนเราเท่าเทียมกัน ไม่จำเป็นต้องหมอบกราบ แต่ให้ยกมือไหว้เท่านั้น
น่าสนใจว่าทำไมคนที่มีสถานภาพนักศึกษา (เพราะยังจำเป็นต้องศึกษาในระดับปริญญาตรี) ในมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีจึงมองว่าการหมอบกราบเป็นการแสดงออกถึงความไม่เสมอภาค ไม่เท่าเทียม น่าค้นหาให้ลึกซึ้งต่อไปว่าที่บ้านของคนเหล่านั้นมีการแสดงออกของการทำความเคารพต่อผู้มีพระคุณในรูปแบบใด
หากจะอ้างว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาฯ ให้ยกเลิกขนบประเพณีการหมอบกราบในการเฝ้าเจ้านาย ก็จำเป็นจะต้องทราบด้วยว่า เป็นเพราะทรงเห็นว่าการหมอบกราบคนของผู้ที่มีฐานะ และอำนาจด้อยกว่า ที่จำเป็นต้องกระทำต่อผู้ที่มีฐานะ และอำนาจเหนือกว่า เป็นการแสดงออกถึงการกดขี่ เพราะเป็นการแสดงออกที่ไม่ได้มาจากความต้องการส่วนลึกของจิตใจ แต่จำเป็นต้องทำเพื่อให้ตนได้รับความอนุเคราะห์จากผู้มีอำนาจเหนือกว่า หรือเพื่อให้ได้รับความชอบอกชอบใจเป็นการส่วนตัวจากผู้มีอำนาจที่เหนือกว่า
แต่การที่นักเรียน หรือศิษย์ตั้งใจหมอบกราบครูผู้ประสิทธิ์ ประสาทวิชาความรู้ให้ตนเอง มิใช่การแสดงออกว่านักเรียนมีอำนาจน้อยหรือด้อยกว่าครู แต่คือการแสดงว่านักเรียนสำนึกรู้ในพระคุณอันยิ่งใหญ่ของครู นักเรียนที่มีสติปัญญาบริบูรณ์ต้องรู้ว่าการหมอบกราบเพื่อไหว้ครูคือแสดงออกของการเป็นผู้รู้และผู้สำนึกในพระคุณครู
น่าประหลาดใจที่นักศึกษามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มองว่าการหมอบกราบเพื่อไหว้ครูเป็นการกดขี่ เป็นการแสดงออกของความไม่เท่าเทียม ส่วนการอ้างว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องหมอบกราบอีกต่อไป ก็เป็นการอ้างที่หาตรรกะได้ไม่ หากจะอ้างว่ายุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว ก็ขอถามว่า ถ้าเช่นนั้นต้องเปลี่ยนทุกขนบประเพณีที่ดีงามที่เป็นรากเหง้า รากฐานของสังคมไทยให้สิ้นไปด้วยหรือไม่
การอ้างว่าวันเวลาเปลี่ยนจึงต้องเปลี่ยน หรือลบล้างขนบประเพณีที่ดีงามให้หมดไป เป็นการอ้างเพื่อทำลายล้างความงดงามของสังคม ไม่ใช่การสร้างความเจริญงอกงาม หรือพัฒนาการใดๆ ให้สังคม ขอย้ำว่า คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ ต้องไม่เป็นผู้ทำลายล้างความดีงามของสังคม ส่วนคนที่จงใจทำลายล้างความดีงามของสังคม ก็ไม่ใช่คนมีความคิดสร้างสรรค์อย่างแน่นอน
หากการมีสถานภาพเป็นนักศึกษา แต่กลับไม่ได้ทำให้ผู้คนในกลุ่มนั้นมีสติปัญญาที่แท้จริง ไม่สามารถแยกแยะสิ่งดี สิ่งเลว สิ่งผิด สิ่งถูกได้อย่างแม่นยำและเที่ยงตรง ก็เห็นทีจะต้องบอกตรงๆ ว่าไม่จำเป็นต้องยกย่องเชิดชูว่านิสิตนักศึกษาคือปัญญาชนอีกต่อไปเพราะคำว่าปัญญาชนคือการบ่งบอกว่าคนผู้นั้นมีปัญญา แต่การกระทำใดๆ ที่ไม่ได้แสดงออกว่ามีปัญญา ก็ไม่สมควรจะได้รับการยกย่องว่าเป็นปัญญาชน เพราะมันไม่ใช่ความจริง
วิญญูชน และผู้มีปัญญาต่างเห็นชอบและสนับสนุนให้ผู้มีปัญญาโดยแท้ ไม่หมอบกราบผู้ที่ไม่สมควรหมอบกราบ แต่ยังคงยืนยันว่าสนับสนุนให้หมอบกราบผู้มีพระคุณอันประเสริฐทุกคน ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีเศรษฐสถานะอย่างไร หรือมีอำนาจรัฐมากหรือน้อยเพียงใด ขอยืนยันว่าการหมอบกราบคือการแสดงความเคารพอย่างสูงสุดที่ผู้มีปัญญายินดีและเต็มใจมอบให้กับผู้มีพระคุณที่แท้จริง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี