กระดี๊กระด๊ากันยกใหญ่หลัง “ศูนย์สำรวจความคิดเห็นสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้าหรือนิด้าโพล)” ออกมาแถลงผลสำรวจของประชาชน เรื่อง จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 25.28 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร คุณแม่วัย 35 กะรัต หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย (บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม)เพราะเป็นบุตรสาวของ “ทักษิณ ชินวัตร” และชื่นชอบผลงานในอดีตของตระกูลชินวัตรที่มี “ชนักติดหลัง 8 คดีทุจริตโทษคุก 12 ปี”แสงสว่างแลนด์สไลด์เรืองรองขึ้นแยะ โดยมี“พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” มาเป็นลำดับที่สี่ เพราะเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต, ทำบ้านเมืองเกิดความสงบ และนโยบายช่วยเหลือประชาชนได้จริง
แม้ประชาชนจะชื่นชอบการบริหารประเทศของ “ลุงตู่ – พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต และออกนโยบายที่ช่วยเหลือประชาชนได้จริง แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะตอบโจทย์ความเดือดร้อนแสนสาหัสของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตราคาพลังงาน จนทำให้ระดับราคาสินค้าทะยานขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ระดับราคาสินค้าเท่านั้น แต่ส่งผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพ ภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งรัฐบาลพยายามชี้แจงว่า ได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว มีการออกมาตรการหลายอย่างเพื่อฉุดรั้งไม่ให้ราคาน้ำมันขยับสูงไปกว่านี้
แต่รัฐบาลกลับไม่ได้ติดตามกำกับดูแลหน่วยงานราชการอย่างทั่วถึงเพื่อลดปัญหาภาระค่าครองชีพ อย่างกรณีคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ที่ยืนตามศาลปกครองกลางยกฟ้องคดีที่ บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือ กสทช.(กทช.เดิม) เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งของเลขาธิการกสทช.ที่ให้ “บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส” ชำระค่าปรับทางปกครองวันละ 100,000 บาท กรณีไม่ปฏิบัติตามข้อ 11 ของกทช. เรื่องมาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ.2549 ประกอบ พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 ภายในเวลาที่กำหนด
กรณี เอไอเอส กำหนดเงื่อนไขการให้บริการโทรศัพท์ เคลื่อนที่ประเภทเติมเงิน เมื่อผู้ใช้บริการเติมเงิน 50 บาท สามารถใช้บริการได้ภายใน 5 วัน หรือเติมเงิน 300 บาท สามารถใช้บริการได้ภายใน 30 วัน หรือเติมเงิน 500 บาท สามารถใช้บริการได้ภายใน 50 วัน หรือเติมเงิน 1,500 บาท สามารถใช้บริการได้ภายใน 365 วัน อันมีลักษณะเป็นการบังคับให้ผู้ใช้บริการต้องใช้บริการภายในระยะเวลาที่กำหนด เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศ กทช. ซึ่ง เอไอเอส ยังไม่ได้ดำเนินการปรับปรุงเงื่อนไขตามคำสั่ง เลขาธิการกสทช.จึงมีอำนาจกำหนดค่าปรับทางปกครองแก่กรณีของเอไอเอส เป็นการใช้อำนาจตามบทบัญญัติของกฎหมายจึงไม่ขัดหรือแย้งกับหลักนิติธรรมและสิทธิที่ เอไอเอส เคยได้รับและได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ
จนถึงวันนี้ กสทช.ได้เร่งรัดให้ธุรกิจเอกชนดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศ กสทช.หรือยัง!?!?! นี่คือค่าครองชีพของประชาชน ถ้ารัฐบาลกวดขันให้หน่วยงานราชการตระหนักถึงภารกิจหน้าที่ในการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชน ผลสำรวจอาจจะไม่ออกมาให้หมาดีใจเมื่อได้ยินเสียงเคาะกะลาเช่นนี้ เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ค่ายเอไอเอสเท่านั้น แต่ทั้งทรูและดีแทคก็ไม่ต่างกัน หากดำเนินการตามกฎหมายน่าจะลดภาระค่าครองชีพลดรายจ่ายของประชาชนได้อย่างมากมาย รู้กันอยู่ว่าปัจจุบันโทรศัพท์มือถือกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในชีวิตประจำวันไปแล้ว น่าสนใจว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะหยิบยกเรื่องนี้มาถาม “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์”รัฐมนตรีดีอีเอสด้วยหรือไม่
ทำไมเราถึงติติง “ผลไม้พิษจากต้นไม้พิษ” เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจากนโยบายครอบครัวเพื่อไทยไม่ต่างจากสำนวนไทยที่ว่า “แม่ชีปล่อยปลาแห้ง”
หมายถึงแม่ชี (อุบาสิกา) ที่เป็นผู้ถือศีลน่าเลื่อมใสศรัทธาน่าเชื่อถือ นำปลาไปปล่อย แต่ปลาที่ปล่อยเป็นปลาที่ตายแล้ว หรือปลาตากแห้ง เอาบุญเอากุศลเสียอย่างนั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี