แม้จะมีพรรคการเมืองเกิดใหม่ 2 พรรค อย่างพรรคกล้ากับพรรคสร้างอนาคตไทย พยายาม “ดึง” อารมณ์ทางการเมืองออกจากการ “เลือก” ด้วยการ “เลือกขั้ว-เลือกข้าง” มาสู่การ “เลือกโอกาส/อนาคต” ที่จะมี“มืออาชีพ” มาแก้ปัญหา โดยเฉพาะ “ปัญหาเศรษฐกิจ” ที่มี “ปัจจัยวิกฤต” เข้าบดบี้ประเทศชาติและประชาชนอย่างมหาศาล ซึ่งผมเห็นด้วยกับการทำการเมืองในแนวทาง “สร้างสรรค์” นี้
แต่ผมก็ยังเชื่อ เหมือนคุณไพศาล พืชมงคล ที่ระบุว่า“การเลือกตั้งครั้งหน้า จะเป็นการเลือกระหว่าง พลเอกประยุทธ์ กับฝ่ายที่ไม่ใช่พลเอกประยุทธ์ คือคุณอุ๊งอิ๊ง”
1) นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เฟซบุ๊ค Paisal Puechmongkol วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมือง และการเลือกตั้งครั้งหน้า มีเนื้อหาดังนี้...
“พฤติกรรมในการเลือกตั้งครั้งหน้าพลิกโฉมแล้ว
1.การเลือกตั้ง สส. ที่ผ่านมา ประชาชนจะเลือก สส.เขตที่มีความสนิทสนมเชื่อถือกันมา แต่หลังจากการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่ ชัชชาติ ชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ ได้ทำให้พฤติกรรมการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง สส.เปลี่ยนแปลงไป คือ มุ่งต่อ “การเลือกเพื่อให้ได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรี” ที่ต้องการ
2.การเลือกตั้งครั้งหน้า ประชาชนจะเลือก สส. เขต เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองนั้นๆ และจะไม่คำนึงว่าผู้สมัคร สส. เขตเป็นใคร ขอเพียงไม่ใช่คนที่ไม่เข้าท่าก็ใช้ได้แล้ว
3.ในการเลือก สส. บัญชีรายชื่อก็จะเลือกผู้สมัครของพรรคการเมืองที่ส่งผลต่อการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีที่ต้องการ จะทำให้ผลการเลือก สส. บัญชีรายชื่อกับ สส. เขตไปในทิศทางเดียวกัน
4.พรรคการเมืองที่จะเสนอใครเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องพิจารณากันอย่างหนักว่า ผู้นั้นประชาชนต้องการให้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็จะแพ้เลือกตั้ง
ยับเยิน และนี่คือที่มาของผลการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นแบบแลนด์สไลด์
5.การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นการเลือกระหว่างพลเอกประยุทธ์ กับฝ่ายที่ไม่ใช่พลเอกประยุทธ์ คือคุณอุ๊งอิ๊ง”
2) นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค “ทนายวันชัย สอนศิริ” หัวข้อ “6 เดือนของรัฐบาลกับดาวมฤตยู” มีเนื้อหาดังนี้...
“นับแต่นี้ไปถึงสิ้นปีก็แค่ 6 เดือนเท่านั้นเร็วมาก เผลอแป๊บเดียวมันก็ถึงแล้ว ต่อแต่นี้มันเป็นเรื่องร้อนแรงทั้งในสภาและนอกสภา มีเวลาเหลืออยู่ไม่นาน จะรักหรือจะเกลียดรัฐบาลนี้ เขาก็มีเวลาเหลืออยู่แค่นี้เท่านั้น และดูจากสถานการณ์ทางการเมือง ทั้งข้อจำกัดของรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้ง ทั้งมฤตยูย้ายวันที่ 7 ก.ค.นี้ ยังไง ๆ รัฐบาลนี้ก็อยู่ไม่ครบวาระแน่นอน
การจะอยู่หรือไปก็เป็นเหตุผลทางการเมืองทั้งนั้น และนักการเมืองไม่ว่าจะซีกรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน มองถึงการเลือกตั้งและอำนาจข้างหน้ากันทั้งนั้น เศษๆ เลยๆ ของอำนาจที่เหลืออยู่ในขณะนี้มันก็แค่อึดใจเดียว
ผู้มีอำนาจบางท่านเคยบอกว่าหลังประชุม APEC 18-19 พ.ย. แล้วค่อยยุบสภาจะเป็นเวลาที่เหมาะที่สุด แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น อภิปรายไม่ไว้วางใจในปลายเดือนนี้ มีแนวโน้มว่าจะมีไพร่พลบาดเจ็บล้มตายกันบ้างล่ะ ส่งผลให้เกิดแรงกระแทกกระทบไปถึงองคาพยพของผู้มีอำนาจ 24 ส.ค.2565 นายกฯดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีก็มีประเด็นใหญ่ ไม่ควรที่จะมองข้ามดวงชะตาฟ้ากำหนด คนบางคนไม่เคยคิดจะมาก็ต้องมา ไม่เคยคิดจะไปก็ต้องไป
จากนั้น ก.ย. ถึง พ.ย. ก็แค่พรรษาเดียว เวลามันช่างสั้นจริงๆ อย่าคิดอะไรกันมากเลย 3 เดือนกับ 6 เดือนมันไม่ต่างอะไรกันมากหรอก มฤตยูย้ายวันที่ 7 ก.ค.สะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งแผ่นดินอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้อย่าประมาทก็แล้วกัน”
3) นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊ค Kamnoon Sidhisamarn หัวข้อ“เปิดปฏิทินการเมืองร้อน กรกฎา 2565 - มีนา 2566 ยุบสภาหรืออยู่ครบวาระ?” ดังนี้...
“...จากวันนี้จนถึงวันที่ 24 มีนาคม 2566 อันเป็นวันที่สภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันจะครบวาระ 4 ปี เหลือเวลากลมๆ อยู่อีก 8 เดือน ภาพรวมของการเมืองไทยในช่วง 8 เดือนนี้ถือว่าร้อนแรงทีเดียว มาเปิดปฏิทินการเมืองดูกันโดยสังเขป
5-6 กรกฎาคม 2565-ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับที่จำเป็นสำหรับการเลือกตั้ง และอาจจะต่อเนื่องไปถึง
วันต่อไปหากยังไม่เสร็จ
13-17 กรกฎาคม 2565 - วันหยุดยาว
19-22 กรกฎาคม 2565 - อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 11 คนในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
24 สิงหาคม 2565 - นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งครบ 8 ปี
24-26 สิงหาคม 2565 - สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 วาระ 2 และ 3
29-30 สิงหาคม 2565 - วุฒิสภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 (วาระเดียว)
ระหว่างหลังจาก 22 กรกฎาคม ถึงไม่เกิน 18 กันยายน 2565 - พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 5 ฉบับ
18 กันยายน 2565 - ปิดสมัยประชุมรัฐสภาที่ 1/2565
1 พฤศจิกายน 2565 - เปิดสมัยประชุมรัฐสภาที่ 2/2565
18-19 พฤศจิกายน 2565 - ประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก 2022
28 กุมภาพันธ์ 2566 - ปิดสมัยประชุมรัฐสภาที่ 2/2565
24 มีนาคม 2566 - สภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันครบวาระ 4 ปี รัฐธรรมนูญกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ภายใน 45 วัน
ทั้งหมด เป็นปฏิทินโดยสังเขป ต้องรอวันกำหนดวาระการประชุมของทั้ง 2 สภา และการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ให้ชัดเจนก่อนนะครับ แต่ที่ชัดเจนคือวันปิดและเปิดสมัยประชุมรัฐสภา วันครบวาระสภาผู้แทนราษฎร
ตามปฏิทินนี้เห็นได้ว่ามีด่านหินอยู่ 3 ด่าน กับอีก 1 หลักชัยสำคัญ
ด่านที่ 1 ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ด่านที่ 2 ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 วาระ 3
ด่านที่ 3 คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 หลังจาก 24 สิงหาคม 2565 แล้ว ได้หรือไม่ ถ้าได้ ได้ถึงเมื่อใด
ด่านที่ 1 และ 2 แม้จะไม่หินเกินไปนัก แต่ก็ประมาทไม่ได้ ด่านที่ 3 หินที่สุด และคาดการณ์ได้ยากที่สุด เพราะด่านนี้ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยเชื่อว่าจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคฝ่ายค้านใช้สิทธิกันเข้าชื่อเสนอความเห็นผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาครบ 8 ปีเต็ม ตามกำหนดรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรคสี่ และมาตรา 264แล้วตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2565 หากยังคงดำรงตำแหน่งอยู่หลังจากวันนั้น ถือว่าขาดคุณสมบัติ
ความเห็นทางกฎหมายของกรณีนี้ เคยสรุปไว้แล้วว่ามีอย่างน้อย 3 แนวทาง แต่ละแนวทางล้วนมีเหตุผลรับฟังได้ มติของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาในแนวทางใดยังยากจะคาดการณ์
ส่วน 1 หลักชัยสำคัญของรัฐบาลคือการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก ซึ่งมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะช่วงหลังวิกฤตโควิด-19 ที่ผู้นำประเทศไม่ได้ไปเยือนเชื่อมสัมพันธ์กันโดยตรง การครั้งนี้จึงเป็นโอกาสอันดียิ่งโดยมีการวิเคราะห์กันว่าหากผ่านพ้นงานนี้ไปแล้ว รัฐบาลพร้อมยุบสภาผู้แทนราษฎร
ทั้งนี้ โดยไม่นับร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติพ.ศ. ... ที่กำลังพิจารณาอยู่ และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับที่รอคิวพิจารณา 5-6 มิถุนายน 2565 มีร่างพระราชบัญญัติที่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างมีความหมายและนัยสำคัญอยู่ในกระบวนการพิจารณาของรัฐสภาในช่วงเวลาตั้งแต่หลัง 22 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป อย่างน้อย 6-7 ฉบับ และร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รอให้พิจารณาอีก 5 ฉบับ
1.ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ...2.ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกำหนดระยะเวลาการดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. .... 3.ร่างพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. .... 4.ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. .... 5.ร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. ....6.ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. (สมรสเท่าเทียม) และร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิต พ.ศ. .... 7.ร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่...) พ.ศ. (สุราก้าวหน้า)
ร่างที่ 1 และ 2 เป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ พิจารณาโดยที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ขณะนี้รอเข้าสู่การพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ทั้ง 2 ร่างไม่น่าจะมีปัญหา เชื่อว่าผ่านออกมามีผลบังคับใช้ได้แน่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างใหญ่ที่จะเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นการปฏิรูป
ร่างที่ 3 แม้เป็นร่างพระราชบัญญัติทั่วไป พิจารณา 2 สภา ทีละสภาตามปกติ แต่ก็ถือว่าเป็นมิติใหม่ที่มีความก้าวหน้า เป็นวิธีการเพิ่มความปลอดภัยแก่สังคมวิธีหนึ่ง ถือเป็นการปฏิรูปเช่นกัน ขณะนี้กรรมาธิการของวุฒิสภาพิจารณาใกล้เสร็จแล้ว รอนำส่งประธานวุฒิสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเพื่อพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ต่อไป
แต่เนื่องจากคณะกรรมการของวุฒิสภาอาจแก้ไขเพิ่มเติมในประเด็นสำคัญบางประเด็น หากที่ประชุมวุฒิสภาลงมติเห็นด้วยกับกรรมาธิการ อาจมีผลให้สภาผู้แทนราษฎรไม่เห็นด้วย และต้องตั้งกรรมาธิการร่วมกันของ 2 สภา เช่นเดียวกับร่างที่ 4 เพียงแต่ร่างนี้คณะกรรมาธิการของวุฒิสภายังพิจารณาไม่เสร็จ เพิ่งต่อเวลาออกไปอีก 30 วัน
ร่างที่ 5 - 7 เป็นร่างพระราชบัญญัติทั่วไปที่เป็นมิติใหม่เช่นเดียวกัน ขณะนี้อยู่ในชั้นกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร หากผ่านสภาผู้แทนราษฎร 3 วาระแล้ว
ยังจะต้องผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาอีก 3 วาระด้วย
ร่างที่ 5 สำคัญมาก เพราะขณะนี้การปลดกัญชาออกจากยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 มีผลสมบูรณ์แล้วตั้งแต่เมื่อ 9 มิถุนายน 2565 ยังไม่มีกฎหมายกำกับควบคุมที่ครบถ้วนรอบด้าน ถือเป็นสุญญากาศอยู่ ร่างที่ 5 นี้คือกฎหมายกำกับควบคุมที่สามารถทำให้ครบถ้วนรอบด้านได้ หากมีผลใช้บังคับได้เร็วเท่าใด ก็จะเป็นการอุดช่องสุญญากาศได้เร็วเท่านั้น
ร่างที่ 7 สำคัญมากเช่นกัน เพราะหากทำได้สำเร็จจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในระบบเศรษฐกิจชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากทั่วประเทศ อาจเป็นหนึ่งในทางเยียวยาวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น และที่มีความหมายอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางการเมืองด้วยก็คือร่างพระราชบัญญัตินี้เสนอโดย สส.พรรคฝ่ายค้าน พรรครัฐบาลแพ้โหวตในวาระที่ 1 โดยมีพรรคร่วมรัฐบาลบางส่วนโหวตให้ด้วย จึงน่าจับตาการลงมติวาระ 3 ในสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งระดับการตอบสนองจากวุฒิสภา
กล่าวโดยสรุป ร่างที่ 3 - 7 ทั้ง 5 ร่างนี้หากมีการยุบสภาก่อนครบวาระ มีโอกาสที่จะมีปัญหาเกิดขึ้นแน่นอน เพราะโดยเงื่อนเวลาแล้วกระบวนการพิจารณาอาจไม่ทัน มีผลให้ต้องตกไป โดยเฉพาะกับบางร่างที่อาจยืดเยื้อถึงขั้นต้องตั้งกรรมาธิการร่วมระหว่าง 2 สภา และคำว่า “บางร่าง” ที่ว่านี้อาจหมายความว่าอย่างน้อยคือ 3 ใน 5 ร่างทีเดียว
ส่วนร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 5 ฉบับนั้นได้รับการบรรจุอยู่ในระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภาแล้ว ขอสรุปในชั้นนี้แต่เพียงสั้นๆ ว่ามีอยู่ 1 ฉบับที่มีความหมายและนัยสำคัญยิ่ง โดยเป็นการเข้าชื่อเสนอของภาคประชาชนกว่า 6 หมื่นคนนำโดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากรเสนอให้ตัดอำนาจของสมาชิกวุฒิสภาในการร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
ผ่านหรือไม่ผ่าน มีผลโดยตรงต่อการเมืองไทยในอนาคตอันใกล้หลังการเลือกตั้งทั่วไป ไม่ว่าจะโดยเหตุยุบสภาหรือสภาผู้แทนราษฎรครบวาระแน่นอน...”
สรุป : ปะติดปะต่อจาก “กูรูการเมือง” ทั้ง 3 ท่านนี้แล้วเห็นเลยว่า เวลาของ “ลุงตู่” เหลืออยู่น้อยมากในความน้อยยังมีความคลุมเครือเรื่องสถานภาพตามกฎหมาย และสัมพันธภาพกับพรรคพลังประชารัฐ จนยากจะหา “ความแน่นอน” ในความเห็นผม จะยังไม่มีอะไรชัดเจน จนกว่าการวินิจฉัยเรื่อง “อายุการเป็นนายกฯ”จะกระจ่าง ว่าท่านเป็นนายกฯ ต่อได้ไหม ต่อได้เท่าไหร่ คราวนี้แหละ ท่านจะตัดสินใจว่าไปหรืออยู่ต่อ อยู่ต่อกับใครและจะ “ขาย” อะไร ในการเลือกตั้งรอบหน้า!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี