เป็นความจริงที่ทุกคนต่างรับรู้กันมาเป็นเวลานานมากเกือบหนึ่งปีเต็มแล้วว่า สังคมไทยของเรากำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤตเรื่องหนึ่งคือเงินเฟ้อในอัตราที่สูงมาก (ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคม 2565 อยู่ที่ระดับ 7.10 เปอร์เซ็นต์ นับว่าสูงสุดในรอบ 13 ปี)
ขอเรียนย้ำว่าตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าวที่ระบุนั้นเป็นตัวเลขเงินเฟ้อเฉพาะเดือนพฤษภาคม 2565 เท่านั้น มิใช่ตัวเลขเงินเฟ้อของทั้งปี แต่สาเหตุที่นำเอาตัวเลขเงินเฟ้อของเดือนพฤษภาคมมาบอกกล่าวในที่นี้ก็เพื่อจะบอกและย้ำว่าสังคมของเรากำลังเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อโดยแท้จริง
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทย รวมถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลกเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้ออย่างหนักสืบเนื่องมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับสูงขึ้นตลอดเวลา หลังจากเกิดกรณีรัสเซียรุกรานยูเครน ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งปัจจุบันปัญหาดังกล่าวก็ยังคงดำรงอยู่ โดยไม่มีใครสามารถระบุได้ว่าจะจบสิ้นลงในวันใด
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบปัญหาเงินเฟ้อของไทยกับประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราต้องยอมรับความจริง ว่าปัญหาเงินเฟ้อในประเทศไทยยังไม่รุนแรงเท่ากับประเทศอื่นๆในภูมิภาคดังกล่าว
ปัญหาสำคัญที่กระทบกับการดำรงชีวิตประจำวันเมื่อเกิดปัญหาเงินเฟ้อคือ ราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคทุกชนิดปรับเพิ่มสูงขึ้น ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและราคาก๊าซสำหรับหุงต้ม และก๊าซเติมรถยนต์ก็ปรับเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เราทุกคนจะต้องประสบและเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อและปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคืองอย่างหนักหน่วงแสนสาหัสสักเพียงใดก็ตาม เราทุกคนก็ต้องพยายามประคับประคองชีวิตของเราให้ดำเนินต่อไปให้ได้อย่างเป็นปกติมากที่สุด เพราะเราคงไม่สามารถจะอ้างว่าเมื่อเราเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ แล้วเราจะกินอาหารวันละเพียงหนึ่งมื้อเท่านั้น หรือเราจะงดเว้นการใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตลงได้
สิ่งสำคัญของมนุษย์ทุกคนเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อและเศรษฐกิจฝืดเคืองก็คือต้องตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นทุกชนิดออกไปจากชีวิตให้ได้ เพราะการลดค่าใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็นทำได้ง่ายกว่าการหาเงินเพิ่มในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจฝืดเคือง
เพราะฉะนั้น ทางที่ดีที่สุดในการเอาตัวรอดในช่วงที่เราทุกคนเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อก็คือการตั้งสติให้มั่นคง แล้วพิจารณารายรับรายจ่ายในแต่ละวันให้ชัดเจน แล้วพยายามลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงให้ได้ ถ้าเราสามารถลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลงได้ ก็หมายความว่าเราจะยังมีเงินคงเหลือสำหรับใช้จ่ายเพื่อซื้อหาสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตได้ต่อไป
แต่ถ้าเรายังคงดำเนินชีวิตโดยยังเพลิดเพลินไปกับการซื้อสิ่งของที่ไม่จำเป็นกับชีวิตต่อไป ก็หมายความว่าในที่สุดแล้ว เราจะไม่มีเงินเพื่อใช้ในยามที่ชีวิตประสบสภาวะคับขันได้ ซึ่งหมายความว่าเรากำลังพาตัวเองไปสู่จุดมรณะ เพราะฉะนั้น ขอย้ำว่าเราทุกคนต้องตั้งสติให้ดีและลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงให้ได้ในช่วงที่เศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี