เวลานี้ครอบครัวของพรรคเพื่อไทยซึ่งมีรากเหง้ามาจากพรรคไทยรักไทย กำลังขะมักเขม้นออกเดินสายภาคอีสาน ทำปฏิบัติการ “ตีหนู ไล่งูเห่า” การเดินเกมการเมืองตอบโต้ตลบหลังเป็นเกมการเมืองในเชิงรับ ไม่ใช่เชิงรุกเหมือนเมื่อคราวที่ นายทักษิณ ชินวัตร ก่อตั้งพรรคไทยรักไทยใหม่ๆ
จึงทำนายว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป พรรคเพื่อไทยจะพบกับความพ่ายแพ้ แบบแลนไถล ไม่ใช่ชนะแบบแลนด์สไลด์ ดังที่คุยโม้ไว้
ในการเริ่มต้นของพรรคไทยรักไทย นายทักษิณ เริ่มจากเทคโอเวอร์ พรรคพลังธรรมของพลตรีจำลอง ศรีเมือง โดยมี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นผู้ร่วมงานการเมืองคนสำคัญในการรักษาฐานเสียงใน กทม.
ที่มีชื่อเสียงของอดีตพลังธรรมทางด้านอุดมการณ์และ คุณธรรม สุจริต แต่ อุดมการณ์เปลี่ยนไปจากเปลี่ยนพลังธรรม มาเป็น ไทยรักไทย
นายทักษิณ เริ่มแผ่ขยายฐานเสียงจาก กทม.ออกไปทางภาคอีสาน
อีสานเป็นฐานเสียงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขณะที่นายทักษิณตั้งพรรคการเมืองใหม่ๆ ภาคอีสานมี สส.ได้ถึง 125 คน แต่อีสานยุคนั้น มีพรรคความหวังใหม่ ของ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ครองความเป็นใหญ่ในถิ่นอีสาน ร่วมกับพรรคชาติไทย ประชาธิปัตย์ มีสส.อยู่บ้างประปรายประมาณสิบคน
พรรค ทรท.ไม่เคยมีฐานเสียงในอีสาน แต่นายทักษิณสามารถยึดที่นั่ง สส. ส่วนใหญ่ได้โดยวิธีการจับปลาในบ่อเพื่อน ด้วยการซื้อใจเลขาธิการพรรคความหวังใหม่กับผู้ยิ่งใหญ่ในดินแดนอีสานใต้ของพรรคชาติไทย มาไว้ในสังกัด
นายทักษิณ ซื้อใจ นายเสนาะ เทียนทอง เลขาฯพรรคความหวังใหม่ ให้มาอยู่ใน ทรท.ได้ด้วยข้อตกลงซื้อที่ดินที่ คุณยายเนื่อม บริจาคให้วัด ซึ่งภายหลังที่ดินผืนนั้นกลายเป็นสนามกอล์ฟอัลไพน์ ที่หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ถือหุ้นใหญ่อยู่เวลานี้
ที่ดินบาปผืนนั้น ได้มาด้วยการชดใช้มูลค่ามหาศาลเกินจะประมาณค่าได้ เพราะนอกจากเงินกว่า 500 บาทในยุคนั้นแล้ว ยังต้องชดใช้ด้วยศักดิ์ศรีของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ระดับปลัดกระทรวงมหาดไทยที่ต้องติดคุกในเวลาต่อมา เพราะเหตุว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดช่วยให้นายทักษิณได้ที่ดินบาปมาพร้อมๆ กับได้พรรคความหวังใหม่มาอยู่ในเครือข่ายของพรรคไทยรักไทย
ส่วนนายเนวิน ชิดชอบ ที่นำ สส.บางส่วนจากพรรคชาติไทย มาร่วมกับทรท.ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าได้ผลประโยชน์อะไรตอบแทน นอกจากตำแหน่งรัฐมนตรี
นอกจากนั้น ทางด้านข้าราชการประจำในภาคอีสานยุคนั้น ปลัดกระทรวงมหาดไทย กลายเป็นคนในเครือข่ายนายทักษิณไปโดยปริยาย ส่วนข้าราชการตำรวจทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอีสานเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นคนของนายทักษิณ
ทั้งหมดที่กล่าวมา เพื่อจะบอกว่าอะไรคือ เหตุปัจจัยให้ทรท.ชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ในดินแดนอีสาน นอกจากนักการเมือง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่แล้ว ในบรรดามวลชนที่ทักษิณเรียกว่า “คนรากหญ้า” ถูกนายทักษิณซื้อด้วยปัจจัยต่างๆ นานาชนิด เรียกว่า มวลชนได้ใจถึงขนาดตายแทนนายทักษิณได้
ความจริงข้อนี้พิสูจน์จากมวลชนที่ทำการประท้วงรุนแรงต่อรัฐบาลนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ จากประชาธิปัตย์ในปี 2552-2553 จนกลายเป็นจลาจลวุ่นวาย เผาบ้านเผาเมือง เผาศาลากลางจังหวัด วางระเบิดศาล ถล่มการประชุมอาเซียนซัมมิต ที่พัทยาและมวลชนเสื้อแดงที่รับใช้การเมืองในยุคนั้น ก็ได้รับการทดแทนอย่างคุ้มค่า แต่ในเวลาเดียวกัน หลายคนต้องตกทุกข์ทรมานอย่างสาสมเช่นกัน
สมุนบริวารและคนในเครือข่ายของนายทักษิณผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ที่ได้ผลประโยชน์คุ้มค่าคือปัจจัยสนับสนุนระหว่างการประท้วงรุนแรงและการก่อจลาจลเมื่อตายญาติและพ่อแม่ได้รับเงินชดเชยถึงเจ็ดล้านบาทถึงแม้ว่าเป็นเงินหลวงที่ผิดกฎหมาย แต่รัฐบาลในเครือข่ายของนายทักษิณก็สามารถจัดการให้ได้
ส่วนสมุนบริวารที่ได้รับทุกข์ทรมานแสนสาหัส คือ คนที่ถูกหลอกให้เผาศาลากลางจังหวัด วางระเบิดศาล ฆ่าเจ้าหน้าที่ทหาร/ตำรวจ ถล่มการประชุมอาเซียนซัมมิต คนเหล่านี้ไม่ต่ำกว่าสองร้อยรายไม่ตายก็ติดคุกติดตะรางโดยปราศจากคนเหลียวแล ถูกทอดทิ้งให้เดียวดาย หรือไม่ก็หนีไปตายต่างประเทศ
ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ สมุนบริวารที่ทำผิดกฎหมายถูกกล่าวหาว่า เป็นเสื้อแดงเทียมจากการหักหลัง จากคำพูดที่ไม่จริงใจ ทำให้นายเนวิน ชิดชอบ ถึงกับกล่าววลีเด็ดออกมาว่า “มันจบแล้วนาย”
ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา นายเนวิน ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอีสานใต้ก็แยกตัวออกจากนายใหญ่ไปเป็นกุนซือใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย และเน้นการสร้างชื่อเสียงบารมีด้านกีฬา นายเสนาะ เทียนทอง นักการเมืองวัยชราที่เคยนินทาว่าร้ายนายทักษิณ แต่สุดท้ายก็กลับไปอยู่พรรคเพื่อไทยอีก แต่ในวัยชราหูตาฝ้าฟางเขี้ยวเล็บหมดไป แม้แต่คนในตระกูล “เทียนทอง” ก็แยกย้ายไปอยู่พรรคฝ่ายตรงข้ามกับนายทักษิณ
คุณหญิงสุดารัตน์ซึ่งอดีตเคยเป็นที่สอง รองเพียงนายทักษิณในพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย ก็ตัดสินใจแยกตัวออกไปตั้งพรรคใหม่ประกาศว่าจนวันตาย
จะไม่ร่วมงานกับเพื่อไทยอีก
ดังนั้นเมื่ออิทธิพลทางด้านข้าราชการหมดไป เพราะอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ในเครือข่ายทักษิณอย่างน้อยสามคน คนหนึ่งติดคุก หนึ่งคนหนีคดี 112 ไปต่างประเทศ เหลือเพียงหนึ่งคนที่ยังอยู่รอดปลอดภัยแต่ลูกชายถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง
อดีตนายทหารสายบู๊ นักเรียนเตรียมทหารรุ่นเดียวกับนายทักษิณ ก็เกษียณอายุราชการหมดเขี้ยวเล็บสิ้นลาย กลายเป็นหัวหน้ายามไปหมดแล้ว นายทุนที่เคยสนับสนุนหวังได้งานหวังได้เป็นเสนาบดีก็ถอยหนีออกไป
มวลชนเสื้อแดงก็แตกสลาย กลายเป็นแดงเปลี่ยนสี ที่เหลือบ้างก็เป็นแดงจางเต็มที่หรือไม่ ก็เคยติดคุกซึ่งตามรัฐธรรมนูญใหม่เป็น สส. เป็น รมต.ไม่ได้ ไม่มีที่จะไป เป็นผู้บริหารพรรคการเมืองก็ไม่ได้เลยต้องเลี่ยงบาลี สัมภเวสีหนีคุกอุปโลกน์ ให้เป็นผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยบ้าง ผู้นำครอบครัวเพื่อไทยบ้าง รองผู้นำครอบครัวบ้าง ฯลฯ
ด้วยความกลัวว่าหากพรรคเพื่อไทยทำผิดกฎหมายพันธุกรรมทางการเมืองจะประสบชะตากรรมที่เลวร้ายเช่นเดียวกับตัวเองและน้องสาว สัมภเวสีหนีคุก เลยตั้งให้ลูกสาวคนโปรดเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยซึ่งไม่อยู่ในข่ายกฎหมายพรรคการเมือง และตั้งสมุนบริวารที่เคยติดคุกไม่มีสิทธิสมัคร สส. แต่เคยเป็นตัวตลกในรายการสภาโจ๊กมาเป็นผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยเพื่อเลี่ยงบาลี หนีกฎหมายพรรคการเมือง
เมื่อเริ่มต้นด้วยความเป็นเจ้าเล่ห์เลี่ยงบาลี จึงขาดความจริงใจและไม่มีความมั่นใจในตัวเองและพรรค การออกโรงครั้งแรกของครอบครัวเพื่อไทย จึงได้แสดงออกถึงความกลัวความลนลานออกมาให้เห็นในปฏิบัติการ“ตีหนู ไล่งูเห่า”
การเปิดฉากหาเสียงด้วยคำขวัญ “ตีหนู ไล่งูเห่า” ในจังหวัดศรีสะเกษและสุรินทร์ เป็นการโต้กลับในเชิงตั้งรับต่อพรรคภูมิใจไทย ที่มีนายอนุทินหรือ “หนู” เป็นหัวหน้าพรรค ตามตำราพิชัยสงคราม ถือว่าแพ้กับเสมอตัวไม่มีวันชนะ เพราะเหตุว่าฝ่ายตรงข้ามได้ยึดสมรภูมิที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ไว้ได้เรียบร้อยแล้ว
สส.พรรคเพื่อไทย ในจังหวัดศรีสะเกษ อย่างน้อยสามคนได้ประกาศตัวอย่างเปิดเผยแล้วว่า ย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย หัวหน้าครอบครัวกับผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย ไปแสดงลิเกออดอ้อนหรือแสดงบทร้ายตะโกนด่าอย่างไรก็ไม่มีวันได้ สส.เหล่านั้นกลับมา ซ้ำร้าย ว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคภูมิใจไทย ที่เป็นรองโฆษกรัฐบาลได้รับความนิยมดีวันดีคืน ดังนั้นในการเลือกตั้งครั้งหน้าคาดว่าภูมิใจไทยอาจจะกวาดหมดทุกที่นั่งของจังหวัดศรีสะเกษ
มาที่จังหวัดสุรินทร์ ที่มี สส.เพื่อไทยบางคนลงคะแนนให้รัฐบาลสวนทางกับฝ่ายค้านดังนั้นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยไปตะโกนให้คอแตกตาย สส.เหล่านั้นก็ไม่กลับมา การเลือกสมัยหน้าเชื่อขนมกินได้ว่าไม่อยู่กับพรรคเพื่อไทยแล้ว
การเริ่มต้นการเมืองใหม่ๆ ของธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ที่ชนะแลนด์สไลด์ได้ เพราะมี นายเนวิน ชิดชอบนายเสนาะ เทียนทอง และ คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการเฟ้นหานักการเมืองแปรพักตร์ซึ่งเป็นผลให้นายทักษิณเหมายกเข่ง เซ้งยกพรรคได้
แต่มาถึงยุคครอบครัวพรรคเพื่อไทย คนที่เคยเป็นหัวแรง ให้กลายเป็นคู่แข่งทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคภูมิใจไทย กำลังเติบใหญ่ในภาคอีสานนี่ยังไม่นับรวมพรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์พรรคสร้างอนาคตไทย ของ นายอุตตม พรรคเศรษฐกิจไทยของร.อ.ธรรมนัส ซึ่งคนของพรรคเหล่านี้ล้วนแต่เคยเป็นแนวร่วมของพรรคไทยรักไทย
บัดนี้นักการเมืองคนสำคัญๆ ในภาคอีสานและภาคเหนือของพรรคเพื่อไทย ไม่ย้ายไปพรรคภูมิใจไทยก็ย้ายไปอยู่กับพรรคไทยสร้างไทย หรือไม่ก็ย้ายไปอยู่กับ พรรคสร้างอนาคตไทย หรือไม่ก็ย้ายไปหาพรรคเศรษฐกิจไทย ส่วนนักการเมืองที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ของ ปชป.ไม่ย้ายไปไหน
ตอนที่นายทักษิณตั้งพรรคไทยรักไทย คู่แข่งสำคัญในตอนนั้นคือ พรรคประชาธิปัตย์ เพราะเหตุว่านักการเมืองและพรรคการเมืองส่วนใหญ่หันไปเป็นแนวร่วมของพรรคไทยรักไทย
แต่สิบหกปีให้หลังสถานการณ์เปลี่ยนไป พรรคประชาธิปัตย์ ยังอยู่ได้ถึงไม่ยิ่งใหญ่ แต่ไม่ต่ำลงไป ส่วนพรรคไทยรักไทยของนายทักษิณถูกยุบไป เพราะทุจริตคอร์รัปชั่น เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นพรรคพลังประชาชน โดยดึงอดีตผู้ก่อตั้งและหัวหน้าพรรคประชากรไทย ให้มาเป็นนายกรัฐมนตรีนอมินีสัมภเวสีหนีคุก
เมื่อหักหลังอดีตหัวหน้าพรรคประชากรไทยนายเนวินทนไม่ได้ แยกตัวออกมา ถึงกับกล่าววลีเด็ดทิ้งท้ายว่า “มันจบแล้วนาย”
พรรคพลังประชาชน ถูกยุบไป อดีตไทยรักไทยก็เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นพรรคเพื่อไทย และได้น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี ผู้สร้างสถิติโกงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยในโครงการรับจำนำข้าว
นอกจากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังหักหลังลูกน้องโดยหลอก นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขณะที่ รอฟังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ น.ส.ยิ่งลักษณ์โทรศัพท์เข้าในมือถือของนายบุญทรง แล้วพูดว่า “รอแป๊บหนึ่งนะพี่..หนูกำลังเดินทางไปศาล” ในขณะโทรมาน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้มุดช่องหมาลอดเข้าไปอยู่ในกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว
ในที่สุดศาลฯตัดสินให้สมุนบริวารถูกจำคุกถึง48 คน และตัดสินลับหลังให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำคุก 5 ปีไม่รอลงอาญา ตั้งแต่นั้นมานักการเมืองที่มีสติปัญญาไม่กล้าไว้วางใจ ในคำพูดของเจ้าของพรรคเพื่อไทย
นี่คือเหตุปัจจัยที่ทำนายว่า พรรคเพื่อไทยจะพบกับความพ่ายแพ้แบบแลนไถลในการเลือกตั้งครั้งต่อไปและสัมภเวสีหนีคุกจะเข้าใจถึงสถานการณ์ข้างหน้าถ้าได้ฟังเพลงสุรพล สมบัติเจริญ ในท่อนที่ร้องว่า
“โบราณท่านว่า..บรรดาช้างสาร งูเห่า..อีกทั้งข้าเก่าเมียรัก..ท่านเปรียบไว้นัก อย่าได้วางใจ...”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี