หลายคนบอกว่าการลงเรื่องราวใดๆ ของตัวเองใน social media ไม่ใช่การนำเสนอเรื่องราวต่อสาธารณะ เพราะลงใน facebook ของตัวเอง เพราะฉะนั้น ใครไม่ต้องการดู ก็ไม่ต้องดู ไม่ต้องวิจารณ์ ไม่ต้องออกความเห็นใดๆ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว
ขออภัยนะ การลงเรื่องราวใน social media ถือเป็นเรื่องส่วนตัวกระนั้นหรือ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่ามิทราบ ไหนลองแปลคำว่า social mediaอีกครั้ง แล้วตอบให้ชัดว่า social media แปลว่าอะไร การลงเรื่องราวใดๆ ใน social media จะเรียกว่าเป็นการลงเรื่องในพื้นที่ลับเฉพาะของตนเองได้หรือ ขอย้ำว่า facebook ไม่ใช้จดหมายปิดผนึกที่จ่าหน้าซองถึงใครคนใดคนหนึ่งเป็นการเฉพาะนะคุณ แล้วถ้ายิ่งใน facebook ระบุว่าตั้งเป็นสาธารณะ ก็ยิ่งเท่ากับยืนยันว่าเรื่องที่นำเสนอไปนั้นเป็นเรื่องที่กระจายไปสู่สาธารณะ แล้วจะบอกว่า ถ้าไม่ยากเห็น ไม่อยากดูก็อย่าอ่านได้อย่างไร เพราะมันเป็นสิ่งที่กระจายในสาธารณะไปแล้ว
ก่อนจะพูด (เขียน) ต่อไป ขอย้ำว่า facebook ไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัวนะคุณ เพราะฉะนั้นอย่าอ้างว่า facebook เป็นพื้นที่ส่วนตัว หากจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวจริงๆ ก็ต้องตั้ง only me ไว้เท่านั้น แล้วก็๋อย่าลืมว่าข้อความที่ใครก็ตามเขียนหรือลงภาพใน facebook แล้วสามารถ share ได้ นั่นก็หมายความว่าไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัวอีกแล้ว
ที่นี้มาคุยกับถึงเรื่องนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯที่ขยัน live (ถ่ายทอดสด) การวิ่ง การเต้นระบำ เป็นประจำ เรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องส่วนตัวหรือสาธารณะ ก็ต้องตอบว่า การวิ่ง การเต้น หรือทำอะไรก็ตามเป็นเรื่องส่วนตัวของนายชัชชาติ แต่เมื่อมีการ live กิจกรรมต่างๆ ไปบน social media แล้ว เรื่องนั้นก็ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของนายชัชชาติอีกต่อไป เพราะได้ถูกนำเสนอบนช่องทาง social media เรียบร้อยแล้ว และเจ้าตัวคือนายชัชชาติก็ไม่ได้หวงห้ามการนำเสนอบน social media เพราะหลายครั้งเจ้าตัวเป็นผู้ live เอง หรือไม่ก็มีทีมงานคอยบริการ live ให้ตลอดเวลา
ดังนั้น การที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์การ live ของนายชัชชาติในเชิงที่ว่าไม่เห็นนายชัชชาติทำงานในหน้าที่อย่างจริงๆ จังๆ แล้วก็ถูกคนในกลุ่มผู้ชื่นชอบนายชัชชาติตอบโต้ว่า ไม่ชอบก็ไม่ต้องดู เพราะเขา live เรื่องส่วนตัว
ขออภัยนะ ขอย้ำว่าการนำเสนออะไรก็ตามบน social mediaไม่ใช่การกระทำที่เป็นส่วนตัวอีกต่อไปแล้ว เพราะคุณจงใจนำเสนอเรื่องราวนั้นๆ ให้ปรากฏต่อสาธารณะ หากคุณต้องการให้กิจกรรมที่คุณกระทำเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ คุณก็ต้องเก็บไว้กับตัวเอง ไม่เผยแพร่ ไม่แพร่งพรายให้คนอื่นเป็นจำนวนมากได้รับรู้ หรือหากอดใจไม่ได้จริงๆ เพราะอยากเผยแพร่มากจนหักห้ามใจไม่ได้ ก็ต้องเผยแพร่เฉพาะคนที่คนสามารถจะบอกกับเขาเหล่านั้นได้ว่าอย่าเผยแพร่ต่อไปเป็นอันขาด คำถามคือเจ้าของภาพและเรื่อง มีปัญญาห้ามคนที่ตนเองได้กระจายข่าวให้ไปแล้ว ไม่กระจายข่าวต่อไปได้หรือไม่
ไม่มีใครห้าม (เพราะไม่สามารถห้ามได้) นายชัชชาติ live การทำกิจกรรมต่างๆ เพราะเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ ตราบใดก็ตามที่ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่ก็ไม่สามารถห้ามคนอื่นๆ ที่ใช้ social media แล้วเห็น live ของนายชัชชาติได้ เพราะคนที่เห็น live โดยนายชัชชาติ หรือ live ของนายชัชชาติ ก็เป็นสมาชิกที่ใช้ facebook ดังนั้นเขาก็มีสิทธิ์วิจารณ์ได้ในกรณีที่เขาไม่ปลื้ม หรือสำหรับคนที่ปลื้มนายชัชชาติก็มีสิทธิ์ชื่นชมสรรเสริญนายชัชชาติได้เช่นกัน เพราะเป็นสิทธิ์ของแต่ละฝ่ายที่สามารถกระทำได้
นายชัชชาติเคยให้สัมภาษณ์ในงานสัมมนาของมติชนที่จัดในโรงแรมพูลแมน รางน้ำ เมื่อเดือนมิถุนายนว่า เด็กอายุ 8-9 ขวบ รู้จักชัชชาติ เพราะดูจากติ๊กต็อก และบอกว่าแม่ของเด็กบอกว่าลูกๆ สั่งให้เลือกชัชชาติ พร้อมกับบอกว่า social media มีพลังในการสื่อสารมาก ชัชชาติบอกด้วยว่าตนเองมีทั้ง facebook twitter line และตัวการ์ตูนต่างๆ (อิโมจิ) การสื่อสารมีพลังมาก มีความสำคัญ และที่ตนเองได้คะแนนเลือกตั้งมากๆ ก็เพราะใช้การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม นายชัชชาติอ้างว่าไม่ได้บังคับให้ใครต้องตามดูไลฟ์ของตนเอง ไม่ดูก็ไม่มีใครบังคับ เป็นทางเลือก สามารถเลือกได้
ใช่แล้ว ไม่มีใครบังคับว่าต้องดูการไลฟ์ของนายชัชชาติ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่านายชัชชาติในขณะนี้มีสถานภาพเป็นบุคคลสาธารณะ ไม่มีใครปฏิเสธว่านายชัชชาติ live มาตั้งแต่ช่วงหาเสียงแข่งขันชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ แต่คำถามคือการไลฟ์ของนายชัชชาติหลังจากได้ตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพแล้ว เช่น ไลฟ์วิ่ง ไลฟ์เต้นระบำในสวน และไลฟ์อื่นๆอีกมากมาย (ขอบคุณที่ไม่ไลฟ์ขณะเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ แปรงฟัน เช็ดตัวหลังอาบน้ำ) เป็นการช่วยให้การทำงานในหน้าที่ผู้ว่าฯ กรุงเทพฯมีประสิทธิภาพมากขึ้น กระนั้นหรือ
ไลฟ์วิ่งตอนเช้า ช่วยให้แก้ปัญหารถติดวินาศสันตะโรในกรุงเทพฯได้หรือ หรือไลฟ์การเต้นระบำในสวนฯ แล้วทำให้น้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯในยามฝนตกได้หรือ ขอย้ำอีกครั้งว่า การไลฟ์ต่างๆ นานา โดยนายชัชชาติเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ แต่ถามว่า ทำแล้วแก้ปัญหาของกรุงเทพฯได้หรือ ไลฟ์แล้วปัญหาหมดไป หรือเบาบางไปหรือไม่ ทำไมไม่ไลฟ์การประชุมแก้ปัญหาจราจรหรือแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพ ผู้คนอยากเห็นว่าเวลาคณะทำงานของผู้ว่าฯกรุงเทพฯ ทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้กรุงเทพฯ ประชุมอะไรกัน พูดจาอะไรกันและมีข้อสรุปอะไรบ้าง มีกรอบการทำงานชัดเจนหรือไม่ว่าแก้ปัญหาได้ภายในกี่วัน
คำถามสุดท้ายคือ การไลฟ์ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ได้จริงหรือ หรือการไลฟ์ทำได้แค่เพียงช่วยการโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น ไม่มีใครห้ามไลฟ์ (เพราะห้ามไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์ห้าม) แต่ขอให้ทำงานแก้ปัญหาของกรุงเทพฯให้จริงจังเท่านั้นส่วนทำงานจริงจังแล้วจะยังไลฟ์ ก็เชิญตามสบาย ขอเพียงอย่างเดียวคือทำงานแก้ป้ญหาให้จริงจัง และกำหนดกรอบเวลาการทำงานให้ชัดเจน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี