lจาก “ชีวิต” ของตัวเอง ที่ผ่านอุปสรรคนานา ทั้งทุกข์ สุขฯตลอดเวลาของชีวิต ๗๓ ปี เรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ ด้วยเหตุผล ด้วยใจที่สงบ ใช้ความรู้สติปัญญา ความจริง มากที่สุด
คือ เรื่อง “ความรัก”
ซึ่งเป็นเรื่องงดงาม ดี ก่อเกิดความสุข มีคุณค่าและความหมายที่ดี ต่อชีวิต
๑.ความรัก ของ ( มนุษย์) ตนเอง ต่อ “ ชีวิต ที่เป็นมนุษย์ ด้วยกันทั้งต่อ พ่อแม่ พี่น้อง ญาติ ครอบครัว ลูกหลาน เพื่อนมิตร คนใกล้ชิด และ คนทั่วไป
๒.ความรัก ต่อแผ่นดินเกิด และต่อ ธรรมชาติ และสรรพสิ่ง
lโดยทั่วไป มีความเข้าใจว่า : ความรัก เป็นเรื่องที่ดีงาม เข้าใจได้ง่ายๆ คือ “เป็นเรื่องที่ดีงาม ถูกต้อง มีคุณค่าฯ” แต่ในสภาพความจริง ส่วนไม่น้อยที่ได้พบเห็น มันมีอีกปัญหาหนึ่งตามมา เป็น ข้ออ่อน ข้อเสีย เกิดความทุกข์ เศร้าฯ ของ “ความรัก” (ที่ไม่ถูกต้อง) แล้วความจริงคืออะไร ?
lจึงได้พยายามทำความเข้าใจ โดยใช้ความรู้ และประสบการณ์ของตน เข้าไปจับ มาสรุปบทเรียน และทบทวนชีวิต อยู่หลายครั้ง บางครั้ง ต้องใช้ ความสงบ สยบ สิ่งที่ไหลเข้ามาในใจแล้วกลั่นกรอง พิจารณา ดูอย่างถ่องแท้
lได้พบความจริง ๑ ว่า
@ คนเรา เอา ๒ สิ่ง มารวมกัน คือ
๑.ความรัก ที่แท้จริง
๒.อารมณ์ความรู้สึก ที่เกิดความไม่สมหวัง ความทุกข์ฯ ซึ่งคนส่วนใหญ่ มักจะมี “ลักษณะ” เช่นที่ว่านี้ฯ หรือ แม้ แต่ “ธรรม”ขั้นต้น ที่จัดรวม ระหว่าง “ความรัก และ ความไม่สมรัก”
(แต่ในขั้น ศาสดา หรือ ขั้น นิพพาน จะพูดถึง “ความรักที่แท้จริง”)
@ แต่มี อีก มุมหนึ่ง หรือ ความคิด ใน ๒ ลักษณะ ที่สะท้อน ออกมาถึง “ความรักที่แท้จริง”
๑.ความรู้สึกของคนเรา ในยามเด็ก บริสุทธิ์ ไร้เดียงสา หรือความรู้สึก ของผู้เป็นแม่ ยามมีลูก
๒.ความรัก ทางศาสนา ทั้งศาสนาที่มีพระเจ้า และศาสนาพุทธ(คน เป็นศาสดา)
lนี่ เป็นจุด หรือ เหตุ ที่ทำให้ ตัวเอง ต้องลงทุน มาศึกษา ทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้
1.ความรัก ตามเอกสาร ที่ให้ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับความรัก
lความรัก คือ อารมณ์ที่เป็นสากล รู้สึกและเข้าใจได้โดยทุกชีวิตบนโลก
อยู่เหนืออุปสรรคทางอายุ, เพศ, เผ่าพันธุ์, สถานะทางสังคม, ภาษา, วุฒิภาวะ, เวลา และระยะทาง พลังที่คงอยู่ตลอดไป
ความรัก เป็นความรู้สึก สภาพและเจตคติต่างๆ
ซึ่งมีตั้งแต่ความชอบ ระหว่างบุคคลหมายถึงอารมณ์การดึงดูดและความผูกพัน (attachment) ส่วนบุคคลอย่างแรงกล้า
ในบริบททางปรัชญา ความรักเป็นคุณธรรมแสดงออกซึ่งความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ และความเสน่หาทั้งหมดของมนุษย์
ความรักเป็นแก่นของหลายศาสนา อย่างเช่นในวลี “พระเจ้าเป็นความรัก” ของศาสนาคริสต์ หรืออากาเปในพระวรสารในสารบบ ความรักยังอาจอธิบายได้ว่าเป็นพฤติกรรมต่อตนเองหรือผู้อื่น ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานความเห็นอกเห็นใจ หรือความเสน่หา
คำว่า “รัก” สามารถหมายความถึง ความรู้สึก สภาพทางอารมณ์และเจตคติต่างๆ ซึ่งอาจมีตั้งแต่ความพอใจทั่วไปจนถึงความดึงดูดระหว่างบุคคลอย่างรุนแรง แต่โดยเจาะจงแล้ว ความรัก สามารถหมายถึงความต้องการอย่างเสน่หาและความสัมพันธ์ทางเพศ ซึ่งเป็นความหมายของความรักแบบโรแมนติก ความรักที่มีเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นความหมายของอีรอส (คำภาษากรีกหมายถึงความรัก) ความใกล้ชิดทางอารมณ์ซึ่งเป็นความหมายของความรักกับบุคคลในครอบครัวหรือรักบริสุทธิ์ที่นิยามมิตรภาพ หรือความรักแบบอุทิศตัวแบบในทางศาสนา
ความหลากหลายของการใช้และความหมายของคำว่ารักนี้ ประกอบกับความรู้สึกอันซับซ้อนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เป็นการยากที่จะนิยามความรักให้แน่นอน แม้จะเทียบกับสภาพอารมณ์อื่นๆ แล้วก็ตาม
lวิทยาศาสตร์นิยามว่า “สิ่งที่เข้าใจได้ว่าเป็นความรักนั้น”
เป็นสภาพที่มาจากวิวัฒนาการของสัญชาตญาณการเอาตัวรอด โดยพื้นฐานแล้วเพื่อให้มนุษย์อยู่ร่วมกันเพื่อต่อต้านภัยคุกคามและเพื่อสนับสนุนความต่อเนื่องของสายพันธุ์ผ่านการสืบพันธุ์
lพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
ให้ความหมายของคำว่า รัก ไว้ว่า เป็นคำกริยา หมายถึง มีใจผูกพันด้วยความห่วงใย, มีใจผูกพันด้วยความเสน่หา, มีใจผูกพันฉันชู้สาว, ชอบ อย่างไรก็ตาม คำว่า “รัก” สามารถมีความหมายที่เกี่ยวข้องกัน แต่แตกต่างกันชัดเจนจำนวนมากขึ้นอยู่กับบริบท บ่อยครั้งที่ในแต่ละภาษาจะใช้คำหลายคำเพื่อแสดงออกซึ่งแนวคิดเกี่ยวกับความรักที่แตกต่างกัน
ตัวอย่างหนึ่งคือการที่ในภาษากรีกมีคำหลายคำที่ใช้สำหรับความรัก ความแตกต่างทางวัฒนธรรมในการสร้างกรอบความคิดเกี่ยวกับความรัก ทำให้เป็นการยากยิ่งขึ้นที่จะหานิยามสากลของความรัก
lความรักคืออะไร มีหลายคนคิดว่าตัวเองรู้จักกับความรักว่ามันคืออะไร มีข้อดี และ ข้อเสีย อย่างไร แต่คุณรู้ไหมว่า : ความรักที่พวกคุณรู้จักแต่ละคนรู้ > ไม่เหมือนกัน
-บางคนคิดว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม
-บางคนรับรู้ว่าความรักเป็นสิ่งที่เลวร้ายแตกต่างกันไป แล้วแต่ความรักของแต่ละคนที่ตนเองได้รับ
ตกลงความรักมันคืออะไรกันแน่ ดีหรือไม่ดี ตามความเป็นจริงแล้วความรักเป็นสิ่งที่ดีเสมอทุกคนต่างโหยหาและต้องการความรักกันทุกคน
แต่คนที่มองว่าความรักเป็นสิ่งที่ไม่ดี คือคนที่ ต้องพลัดพรากจากความรัก นั่นคือถูกแย่งความรักไปจากตัวนั่นเอง คนเหล่านี้จะมองว่าความรักเป็นสิ่งที่ไม่ดี
ทั้งที่สี่งที่ไม่ดีคือ : “ตัวเราเอง” ไม่เกี่ยวกับความรักเลย
ถ้าเราดี : ความรักย่อมอยู่กับเราเสมอ
ความรักเป็นนามธรรม ที่รวบรวมเอาความรู้สึกดีๆ หลายอย่างของคนไว้ด้วยกัน โดยไม่สามารถอธิบายได้หมดว่า มีอะไรบ้าง เหตุผลนี้จึงมีนามธรรม ที่เป็นชื่อรวบรวมความรู้สึกดีๆ เหล่านี้เข้าด้วยกัน เรียกว่า “ความรัก”
ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายก็คือ
ความรักคือ สิ่งมีชีวิตหนึ่ง หรือ กลุ่มสิ่งมีชีวิตหนึ่ง มีความต้องการให้ อีกสิ่งมีชีวิตหรือกลุ่มสิ่งมีชีวิตหนึ่ง มีความสุข
นี่แหละที่เรียกว่าความรัก
เมื่อมีความต้องการให้คนอื่นมีความสุขแล้ว เราจะเปลี่ยนจากความต้องการ มาเป็น การให้ความสุข กับคนอื่น
ข้อนี้เขาเรียกว่า “การให้ความรัก” คนที่ได้ความสุขจากที่มีคนให้นี่เขาเรียกว่า “ได้รับความรัก” เมื่อได้รับความสุข แล้วไม่อยากให้ความสุขจากไป ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ความสุขอยู่กับตนนานๆ นี่เขาเรียกว่า “การดูแลความรัก” เมื่อได้ความสุขแล้วมีคนมาพรากมันไปหรือแย่งมันไปนี่เขาเรียกว่า “พลัดพรากจากความรัก”
@ ทุกวันนี้คนไม่เข้าใจและไม่เคยพิจารณาความรักอย่างจริงจังเลย ทำให้มองความรักแบบสับสน ว่าที่จริงแล้วความรักมันคืออะไรกันแน่ดังสรุปสั้นๆ คือ ความรักคือความสุขนั่นเอง
2.การนำ ประยุกต์ ใช้ในชีวิต โดยการเปลี่ยนปรับความคิด
โดย ยึดหลัก “ความรักแท้” เป็นสิ่งที่ดีงาม แต่หากเราเข้าใจ“สัจธรรม” ของชีวิตโดยเราสามารถข้ามพ้น จากสิ่งเหล่านี้ : ความเห็นแก่ตัว ความโลภ โกรธ หลง
แน่นอน จำเป็น ต้องมี “ระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน”
lชีวิตของตนเอง เต็มไปด้วยความสมบูรณ์ของความรัก
เริ่มตั้งแต่ ครอบครัวของพ่อแม่ ที่มีความรักความอบอุ่น และถ่ายทอดมาสู่ลูกๆ พี่น้องรักกัน ลูกๆ เคารพรัก กตัญญู ต่อ พ่อแม่ฯ โรงเรียนที่ดี ได้รับความรักจาก คุณพ่อ บราเดอร์ มาสเตอร์ และครูๆ และมีเพื่อนมิตรที่ดี ฯลฯ
และเมื่อได้เข้าร่วม เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตย ครั้งใหญ่และครั้งสำคัญของประเทศแม้ว่า “คนส่วนใหญ่ดี” แต่เริ่มเห็น“คนบางส่วน ในระดับผู้นำ” เริ่มมีความเห็นแก่ตัว เอาผลประโยชน์ส่วนตัวมาก่อน จึงทำสิ่งที่ไม่ดี หลากหลาย แม้แต่ในการนำ การต่อสู้ ในช่วงที่คับขัน ก็มีคนฉวยโอกาส เอาตัวรอดไปก่อน
และเมื่อเริ่มทำงานอาชีพ ได้พบเห็น “สิ่งที่ไม่ดี” มากขึ้น
ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
ข้ออ้างคือ
สังคมไม่ดี มีการเอารัดเอาเปรียบ ไม่เท่าเทียมและไม่เป็นธรรมตัวเรา เป็นฝ่ายถูก ทำเพื่อประชาชน คนอื่น ผิด
เราเป็นประชาธิปไตย คนอื่น เป็นเผด็จการฯ
เราเป็นฝ่ายก้าวหน้า คนอื่น เป็นพวกอนุรักษ์ฯ
สิ่งที่เป็นปัจจัย เสริมเพิ่มเติม “ความไม่ดี” “การเอาเปรียบ การเห็นแก่ตัว” โดยอ้างเรื่อง “ความรัก ที่ผิดๆ” และ “อคติ” ฯลฯ
ปัจจัยใหญ่ คือ “การเมือง” และ “ความคิดทางการเมือง ที่รุนแรงเอาเป็นเอาตาย” การขาดข้อมูลที่เป็นจริงถูกต้องการขาดความรู้ ที่จะนำไปสู่ การพัฒนาสังคมให้ดีขึ้น เพื่อคนส่วนใหญ่ การยึดติด กับ “ความคิด ความเชื่อ” และคน “อคติ” ที่คิดผิด
ความรักต่อเพื่อนมิตร ต่อ สหาย เริ่มเปลี่ยนแปลงไป ความคิดเอาชนะ ความคิดสุดขั้ว เพื่อจะเอาชนะคะคานกันฯ เริ่มถูกนำมาใช้ ต่อเพื่อนมิตรที่เห็นต่าง
การด้อยค่ากัน การให้ร้ายต่อกัน บางครั้งกล่าวหาที่รุนแรงเกิดขึ้นจากเพื่อนมิตรบางคน ด้วยความรู้สึกไม่เป็นธรรม ไม่แฟร์บางครั้ง ทำให้เรา “อารมณ์เสีย โมโห” ตอบโต้
เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน มีความคิดต่างกันออกไป เพียงเพราะ“มีความคิดทางการเมืองต่างกัน” การเชียร์ผู้นำ ที่ต่างสี ต่างขั้ว ที่มีกระแสของโซเชียลมีเดีย เข้าเสริมและกระตุ้น ฯลฯ
ความรัก ความเคารพนับถือ การเชื่อมั่นต่อกัน และความหวังดีต่อกัน เริ่มลดลง บางกรณีรุนแรง ถึงกับ ไม่มองหน้ากัน และกระทำการที่มิดีมิร้ายต่อกัน
lแต่เมื่อกลับมาสรุปบทเรียน และย้อน เท้าความไปถึง “ความรักแท้”
“ความหมายที่แท้จริง” ของ “ความรัก” ความรักแท้ มีแต่คุณค่า ประโยชน์ ไม่มีโทษ ความรัก คือ สิ่งดี งดงาม หมดจด ถูกต้อง
ความเข้าใจว่า “ความรัก” มีโทษ
เพราะ เรา ไปเอา “ความรู้สึก และอารมณ์” ของ “มนุษย์” ที่ได้รับผลเสีย จาก “รัก” รัก ที่มิใช่รักแท้ ไปจับผลเสีย ที่ได้จากการ “รัก” ไม่เป็น ไม่ถูกต้อง ไปวัด
ความรักแท้ ที่อยู่เหนือ “อารมณ์เศร้า ทุกข์ เสียใจ” เพราะไม่ได้สมหวังเป็นความรัก งดงาม บริสุทธิ์ ก่อเกิด ความสุข เบิกบานหัวใจ ชื่นฉ่ำ ร่าเริง
ความรักเทียม
๑.เอา “ความไม่รู้” เข้าจับ
๒.มิใช้ สติปัญญา ความจริง นำพา
๓.ยึดเอาอารมณ์ “โลภ โกรธ หลง”
๔.เอาผลประโยชน์ส่วนตัว นำ
๕.ยึดตัวกู ของกู เป็นใหญ่
lด้วยความสูงวัย ชีวิตที่เหลืออยู่น้อยเราอยากจะใช้ชีวิต ให้มีความรัก ความสุขต่อกัน เหมือนตอนเด็กๆ เพราะเราคิดแบบบริสุทธิ์และเราเริ่มเรียนรู้ ทำความเข้าใจ และสรุปบทเรียนใหม่ ทำให้เรา รับรู้ว่าการที่เรามีอารมณ์โกรธ เราจะละทิ้งความรักที่แท้จริงไป เป็นสิ่งที่ผิดพลาด ไม่ถูกต้อง
เราเริ่ม มาใช้ “ความคิด ต่อความรักใหม่”
เราเริ่ม ลด อารมณ์ “โลภ โกรธ หลง & และความอยากได้อยากเป็น” ลง และเมื่อเอา “รักแท้” เข้าไปจับ เอามาใช้ ในชีวิต ต่อเพื่อนมิตร ครอบครัว คนทั่วไป
“การให้” ต่อเพื่อนมิตรทุกคนทุกฝ่าย ที่มีทุกข์ ลำบาก เดือดร้อน
-การไปเยี่ยมเยือน เพื่อนมิตร ที่ป่วยไข้ ไม่สบาย นอนติดเตียง
-การไปส่งเพื่อน มิตร สหาย ไปสู่สุคติ ในงานฌาปนกิจ ตามวัดฯ
-การให้กำลังใจ ต่อเพื่อนมิตร ในยามพลาดพลั้ง มีทุกข์
-การให้ความคิด ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อให้เขาได้นำไปคิด ฯลฯ
๑.เพื่อนที่มีความเห็นต่าง มีการกระทำที่ไม่เหมาะสม ต่อเรา
เราก็ปล่อยไป ไม่ตอบโต้ เพราะไม่เกิดประโยชน์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ที่ดีขึ้น
๒.เพื่อนมิตรหรือน้องๆ เด็กคนรุ่นใหม่ มีการกระทำที่ไม่เหมาะสมต่อบ้านเมือง
เรา ได้ให้ความรู้ความจริง ต่อเขาและต่อสังคม
เขา อาจจะยังไม่ยอมรับ ยังไม่เปลี่ยนแปลง ทัศนคติ ของเขาแต่คนส่วนใหญ่ ที่รักชาติบ้านเมือง ก็จะเริ่มรับรู้ แล เข้าใจมากขึ้น บ้านเมืองมีกฎหมาย มีหน้าที่ ต้องทำไป
๓.เรา ทำหน้าที่ “ส่งเสริม สนับสนุน” คนดี และป้องกัน ไม่ให้คนไม่ดี มีอำนาจ เมื่อเรา ได้มาทำหน้าที่ และแสดงบทบาท ตามทัศนะที่ถูกต้อง ต่อ “ความรัก” ดูสิ่งรอบๆ ตัว ดีขึ้น แน่นอน มันไม่หมดไปง่ายๆ แต่เรามีชีวิตอยู่ด้วยความรัก ความสุขมากขึ้น
@ เรา ในฐานะคนแก่คนหนึ่ง จะขอทำหน้าที่ เป็นพลเมืองดี
ใช้ “ความรักแท้” และท่าทีท่วงทำนองที่ดี
ทำสิ่งที่ดีงาม และถูกต้องไม่ทำสิ่งที่ผิด และไม่ดี
ชีวิตเรา ก็มีแค่นี้ แหละ เพื่อนเอย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี