การเมืองไทยที่พายเรือในอ่างมาตั้งแต่ปี 2475 สาเหตุใหญ่อาจเป็น เพราะว่าเรามีนักกฎหมายมากเกินไป ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ต้องปรับหลักสูตรการศึกษาลดภาควิชานิติศาสตร์ลงไป เพิ่มโอกาสให้ภาควิชาบริหารจัดการ รัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ และ ศีลธรรม ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโลกยุคใหม่ให้มากขึ้น
ในห้วง 89 ปีที่ประเทศเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบประชาธิปไตยรัฐสภา ประเทศไทยใช้รัฐธรรมนูญมาแล้ว 20 ฉบับ ซึ่งมากที่สุดในโลก และ มั่นใจว่านี่ไม่ใช่เป็นฉบับสุดท้าย ที่ประเทศต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับที่ 21 22 ให้ถกเถียงกันต่อไป
รัฐธรรมนูญไทยมีอาถรรพณ์ ตั้งแต่คณะพลเรือนทหาร สมคบกันปล้นพระราชอำนาจและพระราชทรัพย์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 กลุ่มที่ปล้นพระราชอำนาจเรียกตัวเองว่า คณะราษฎร เขียนรัฐธรรมนูญปกครองประเทศขึ้นมาตามอำเภอใจแล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายให้ในหลวง รัชกาลที่ 7 ทรงลงพระปรมาภิไธย รธน.ฉบับนายปรีดี พนมยงค์ ไม่เป็นที่พอพระราชหฤทัย เพราะเนื้อในแฝงไว้ด้วยลัทธิคอมมิวนิสต์ แบบบอลเชวิคจนพระยาทรงสุรเดช ยอมรับในความผิดพลาด และสัญญาว่า จะนำกลับไปแก้ไขมาใหม่
“ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานอภัยที่ไม่ได้อ่านรัฐธรรมนูญก่อนหน้าเพราะว่าไม่มีหน้าที่” พระยาทรงฯ กล่าวขอพระราชทานอภัยฯ
เมื่อในหลวง รัชกาลที่ 7 เสด็จขึ้นชั้นใน พระยาทรงสุรเดช ตะคอกใส่นายปรีดีว่า “เจ้าคุณทำนอกเรื่องป่นปี้หมด” ตั้งแต่นั้นมาความสัมพันธ์ระหว่าง พระยาทรงสุรเดชกับนายปรีดี แตกร้าวไม่อาจประสานกันได้จนกระทั่งตายจากกัน
รัฐธรรมนูญชั่วคราวที่นายปรีดี ร่างขึ้นถูกนำไปแก้ไข ใช้เวลาหลายเดือนจนพอกล้อมแกล้มรับได้ ในหลวง รัชกาลที่ 7 จึงทรงลงพระปรมาภิไธย และพระราชทาน รัฐธรรมนูญให้ประกาศใช้เป็นฉบับแรกเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2475
คณะราษฎร ขาดความสามัคคี แตกแยกแย่งชิงกันเป็นใหญ่ตั้งแต่วันที่นำ รธน.ชั่วคราวขึ้นทูลเกล้าฯรัฐธรรมนูญไทยจึงเป็นอาถรรพณ์ตั้งแต่นั้นมา คณะราษฎร ขัดแย้งแย่งชิงอำนาจผลัดกันปฏิวัติผลัดกันครองอำนาจ วันที่ 7-8 พฤศจิกายน 2490 พลโทผิน ชุณหะวัณ นายทหารฝ่ายจอมพลแปลก พิบูลสงคราม นำกำลังยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือตรีถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ทำรัฐประหารที่กล่าวได้ว่าเป็นการร่วมมือระหว่างพันธมิตรกลุ่มจอมพล ป.พิบูลสงคราม เพื่อโค่นอำนาจของฝ่ายกลุ่มปรีดี พนมยงค์
เมื่อเผด็จการทรราชยึดอำนาจ จากเผด็จการคอมมิวนิสต์ได้ ก็ประกาศใช้รัฐธรรมนูญใต้ตุ่มเป็นรธน.ฉบับที่ 4 ที่ประกาศใช้ในราชอาณาจักรไทยตั้งแต่ 2475 เรียกว่า รัฐธรรมนูญใต้ตุ่ม เพราะ พลโทผิน ได้ให้นักกฎหมายที่ไว้ใจร่าง รธน.แล้วซ่อนไว้ใต้ตุ่มน้ำ เมื่อยึดอำนาจสำเร็จก็นำจากใต้ตุ่มน้ำมาประกาศใช้แล้วเชิด จอมพลป.ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมา จอมพลป. ก็ยึดอำอาจตัวเองแล้วประกาศใช้ รธน.ฉบับใหม่ในปี 2492
จนกระทั่งถึงวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นำทหารยึดอำนาจจากจอมพล ป.ประกาศการปกครองแบบใหม่โดยใช้นโยบายน้ำไหล ไฟสว่างทางสะดวก ว่ากันด้วยเหตุผลที่แท้จริงของการปฏิวัติคือ จอมพลป.เหยียบเรือสองแคม เลี้ยงเสือร้ายสองตัว คือ จอมพลสฤษดิ์ กับจอมพลผิน ไว้ใช้งานในเวลาเดียวกัน ดังนั้น “เสือสองตัวจึงอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้”
แต่เหตุผลสำคัญจริงๆ ว่ากันว่ารัฐบาลสหรัฐในเวลานั้น มั่นใจในตัวจอมพลสฤษดิ์มากกว่าจอมพลป. จึงเลือกสนับสนุนให้จอมพลสฤษดิ์ ยึดอำนาจ เพราะความเด็ดขาดของจอมพลสฤษดิ์ ทำให้วอชิงตันมั่นใจว่าสามารถต้านคอมมิวนิสต์ ที่กำลังคุกคามภูมิภาคนี้ได้ ประกอบกับจอมพลสฤษดิ์ จงรักภักดีต่อสถาบันฯมากกว่าผู้มีอำนาจคนใดๆ ในยุคนั้น สหรัฐจึงสนับสนุนจอมพลสฤษดิ์เต็มที่ในนโยบายน้ำไหล ไฟสว่าง ทางสะดวก โครงสร้างพื้นฐาน ถนนมิตรภาพเริ่มสร้างตั้งแต่สมัยนั้น จอมพลสฤษดิ์ ไม่เคยไปเรียนเมืองนอกแต่รับฟังนักวิชาการนักเศรษฐศาสตร์ที่เข้ามาช่วยงานรัฐบาลด้วยบริสุทธิ์ใจ แผนพัฒนาเศรษฐกิจไทยสังคมไทยฉบับที่หนึ่งจึงเริ่มใช้ตั้งแต่นั้นมา
จอมพลสฤษดิ์ สลับ เป็นนายกรัฐมนตรีกับ จอมพลถนอม จนกระทั่งจอมพลสฤษดิ์สิ้นชีพคาเก้าอี้นายกฯในเดือนธันวาคม 2506 จอมพลถนอม กิตติขจร รับช่วงนายกฯ ตั้งแต่นั้นมาจนถึงวันนักศึกษาประชาชนลุกฮือขึ้นปฏิวัติเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516
ตั้งแต่จอมพลผิน ปฏิวัติปี 2490 ถึง วันนักศึกษา ประชาชนปฏิวัติ 14 ต.ค.2516 เป็นเวลานานถึง 26 ปีที่คนไทยทนอยู่ใต้รัฐธรรมนูญเผด็จการถึง 6 ฉบับ จนกระทั่งปี 2517 ที่ประเทศไทยมี รธน.ฉบับประชาชนเพียงฉบับเดียว กล่าวคือ เป็นพระปรีชาสามารถของ ในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีพระราชดำริให้ตั้งสภาสนามม้าขึ้น กล่าวคือ ให้ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนทุกหมู่เหล่าทุกสาขาอาชีพเลือกผู้แทนฯทั่วประเทศมา 2,500 คนแล้วผู้แทนเหล่านั้นประชุมกันที่สนามม้านางเลิ้งและให้เลือกผู้แทนกันเองใน 2,500 คน ขึ้นมาเป็นคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญ 2517 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2517 นับว่าเป็นรัฐธรรมฉบับประชาชนที่แท้จริงและเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด เพียงฉบับเดียวเท่าที่ประเทศไทย มี รธน.มา แต่ รธน.ฉบับประชาชนมีอายุไม่ยืนนาน วันที่ 20 ตุลาคม 2519 พลเรือเอก สงัด ชลออยู่ยึดอำนาจจากรัฐบาล หม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมชฉีกรัฐรธน.ฉบับประชาชนทิ้ง ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาธิปไตยครึ่งใบ ขึ้นมาในปี 2519
ตั้งแต่ปี 2519 จนถึงปี 2560 ประเทศไทยมี รธน.ประชาธิปไตยครึ่งใบ ถึง 7 ฉบับ ประชาธิปไตยครึ่งใบ ที่ว่านี้ได้ซ่อนเงื่อนงำความเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบไว้แตกต่างกัน
บางฉบับให้ทหารในราชการเป็นนายกรัฐมนตรีได้ บางฉบับให้มีวุฒิสภามาจากการแต่งตั้งหมดแต่มีหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง สส.เท่านั้น บางฉบับให้ สว. มาจากการแต่งตั้งมีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับ สส.ที่มาจากการเลือกตั้ง ฯลฯ
ที่สำคัญ รัฐธรรมนูญทั้ง 20 ฉบับ ยกเว้นรัฐธรรมนูญปี 2517 ล้วนมีนักกฎหมายระดับปรมาจารย์เป็นผู้เขียน ที่สำคัญปรมาจารย์กฎหมายเหล่านั้นล้วนมีความมุ่งมั่นสนองความต้องการของผู้มีอำนาจในแต่ละยุคสมัยแตกต่างกันไป ปรมาจารย์ทางกฎหมายจึงผูกเงื่อนงำเอาไว้ให้ตีความกฎหมายได้หลายทาง ใน รธน.แต่ละฉบับมีประมาณ 300 มาตรา และมีอนุมาตราก ข ค ง และในอนุมาตราเหล่านี้ยังมีวงเล็บ ก ข ค ง จนถึง ฮ นกฮูก ไม่ว่าจะตีความอย่างในอนุมาตราเหล่านั้นมันมีทั้งถูกและผิดได้
ที่สำคัญอย่างยิ่งคือนักกฎหมายไทยชอบที่จะตีความกฎหมายให้เป็นปัญหาไม่ให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าได้ง่ายๆ
มหาวิทยาลัยในประเทศไทย มีคณะนิติศาสตร์ไม่น้อยกว่าร้อยแห่ง เรามีนักกฎหมายที่เรียนมาจากต่างประเทศ และในประเทศ ไม่น้อยกว่าสองแสนคน
ตั้งแต่ผู้เขียนเริ่มทำมาหากินกับการรายงานข่าวมา กว่า 45 ปี ไม่เคยมีปีไหนที่นักการเมืองไทย ไม่เถียงกันเรื่องรัฐธรรมนูญ
ตัวอย่างเช่น เรื่องสถานะนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เถียงกันมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งนายกฯ พรรคฝ่ายค้านกล่าวหา นายกฯทำผิด รธน.ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน นายกฯพักบ้านหลวงผิด รธน.มาตราโน้นนี่นั่น นายกฯขายที่ดินบิดาก็ผิด ก.ม. มาตรานั้นโน้นนี้ พลเอกประยุทธ์ถูกฟ้องศาล รธน.มาแล้วสองครั้งในปี’61 และ 63 และ ก็ผ่านพ้นมาได้ทั้งสองครา
ล่าสุด ฝ่ายค้านทำหนังสือร้องเรียนให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าวาระแปดปีของพลเอกประยุทธ์สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญปี 2560 แล้วหรือไม่ ตั้งแต่ศาลยังไม่รับคดีไปพิจารณา นักกฎหมายทั้งหลายทำตัวเป็นกูรู้เป็นศาลเตี้ย ตัดสินว่าพลเอกประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่งแล้วตาม รธน.60 และเมื่อศาลรับคำร้องไปพิจารณานักกฎหมายฝ่ายค้าน ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ก็ไม่รอฟังศาลพิจารณา อ้าง รธน.มาตราต่างๆ ขึ้นมาตัดสินเองว่าพลเอกประยุทธ์ อยู่ครบแปดปีแล้ว ไล่ให้ออกไป
ล่าสุด เมื่อคำให้การของ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่างรธน.หลุดออกมาโดยความตั้งใจของใครก็ไม่ทราบ ฝ่ายแค้น ทนาย นักกฎหมาย ออกมาโวยวายว่า ไม่ถูกต้อง ที่นายมีชัยยื่นคำให้การต่อศาลอย่างนั้น ที่ถูกต้อง คือ ที่ให้การเป็นโทษต่อพลเอกประยุทธ์
คือนักกฎหมายพวกนี้ ตีความได้แม้กระทั่งบันทึกการประชุมครั้งที่ 500 และ ครั้งที่ 501 คือไม่ว่ามีใครปล่อยข่าวจริงข่าวปลอมอย่างไร นักกฎหมายพวกนี้ ตีความให้ประเทศมีปัญหาได้ทั้งนั้น
หรือ เป็นเพราะว่าพวกรับจ้างสอนวิชากฎหมายทั้งหลาย ไม่ได้สอนจริยธรรม คุณธรรม ความเป็นมืออาชีพให้พวกนักกฎหมายห้าร้อย
จึงสรุปง่ายๆ ว่า การเมืองไทยไม่พัฒนา เพราะมีนักกฎหมายห้าร้อยมากเกินไป การเมืองไทยจะพัฒนาก้าวหน้าไปได้ ถ้าโยนนักกฎหมาย ให้จระเข้กิน วันละยี่สิบคน
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี