การคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม มูลค่าโครงการกว่าแสนล้านบาท ดูท่าจะไปต่อลำบากซะแล้ว
เส้นทางต่อไป หากคณะกรรมการคัดเลือกจะดึงดัน “ไปต่อ” ก็ไม่ต่างกับ “ไปตาย”
หากนำเสนอผลการคัดเลือกให้คณะรัฐมนตรี แล้วคณะรัฐมนตรีจะเอาตามนั้นต่อไป ก็คงจะ “ตายทั้งคณะ”
นั่นเพราะบัดนี้ เหมือนกระบวนการคัดเลือก ถูก“จับแก้ผ้าล่อนจ้อน” เสียแล้ว!!!
1. การเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม “ส่วนตะวันตก”ซึ่งเป็นโครงการที่ภาครัฐจะสนับสนุน “ค่างานโยธา” ให้เอกชนในวงเงินไม่เกิน 96,012 ล้านบาท และรัฐจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากการดำเนินการรถไฟฟ้า การพัฒนาเชิงพาณิชย์ต่างๆ ตามข้อเสนอร่วมลงทุนของเอกชนนั่นเอง
การประมูลแข่งขัน ข้อเสนอเอกชนที่ผ่านคุณสมบัติ จึงวัดกัน 2 ปัจจัย คือ
ปัจจัยแรก วงเงินลงทุนก่อสร้างงานโยธาที่เอกชนขอรับการสนับสนุนจากรัฐ ถ้ารายไหนขอน้อย ก็มีโอกาสจะชนะประมูล
อีกหนึ่งปัจจัย คือ ผลตอบแทนที่เอกชนจะให้ รฟม.ถ้ารายไหนให้มาก ก็มีโอกาสจะชนะการประมูล
2. การประมูลครั้งนี้ เป็นครั้งที่สอง โดยครั้งแรกยังคาศาลอยู่
โดยการประมูลครั้งที่สองนี้ มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขคุณสมบัติผู้ที่จะเข้าประมูล จนกระทั่งว่าเอกชนผู้เดินรถไฟฟ้ารายใหญ่ บีทีเอสซี ซึ่งผ่านคุณสมบัติ ยื่นซองข้อเสนอประมูลเข้ามาแล้วในรอบแรก กลับไม่ได้ยื่นซองประมูลในรอบนี้ด้วย เนื่องจากเงื่อนไขคุณสมบัติที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งก็มีคดีฟ้องร้องต่อศาลอยู่
แต่ทาง รฟม. คณะกรรมการคัดเลือกก็ยังดำเนินการต่อไปจนถึงขั้นเปิดซองข้อเสนอของเอกชนรายอื่น
ล่าสุด ปรากฏว่า BTSC ได้เปิดซองประมูลรถไฟฟ้าสีส้มของตนเอง ที่ยื่นไว้กับ รฟม.ตั้งแต่รอบแรก
เพื่อจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจว่า ข้อเสนอที่ตนเองยื่นไว้ตอนที่มีคุณสมบัติร่วมประมูลนั้น ดีแค่ไหน และเมื่อเปรียบเทียบกับข้อเสนอที่รัฐจะคัดเลือกแล้ว ดีกว่าขนาดไหน อันจะสะท้อนว่า การแก้เงื่อนไขหลักเกณฑ์การประมูลในรอบที่สองนั้น ทำให้มีการแข่งขันน้อยลง แล้วรัฐเสียโอกาสเสียหายมหาศาลแค่ไหน?
เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2565 นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC พร้อมด้วยผู้บริหาร และทีมฝ่ายกฎหมาย ได้ทำการเปิดซองข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทน ซึ่งเป็นซองที่ 3 ให้สื่อมวลชนได้ทราบถึงราคาที่ทางด้านบริษัทได้นำเสนอในการประมูลครั้งแรกเมื่อปี 2563
ปรากฏว่า บีทีเอสซี ขอรับเงินสนับสนุนค่างานโยธา รวม 79,820 ล้านบาท และมีการจ่ายเงินตอบแทนให้แก่ รฟม. รวม 70,144 ล้านบาท
เท่ากับว่า ยอดผลประโยชน์สุทธิ คือ เงินตอบแทนที่ผู้ยื่นข้อเสนอจะให้แก่ รฟม. หักลบด้วยจำนวนเงินสนับสนุนค่างานโยธาที่ผู้ยื่นข้อเสนอจะขอรับจาก รฟม. อยู่ที่ - 9,676 ล้านบาท
ซึ่งน้อยกว่า ผู้ชนะการประมูล(ตามรายงานข่าว) ซึ่งอยู่ที่ -78,287 ล้านบาท
“สำหรับการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตัวเลขที่บริษัทได้นำเสนอประกอบไปด้วยสองตารางตามแบบฟอร์มของรฟม. และเช่นเดียวกับที่ได้ประกาศผู้นำเสนอดีที่สุด โดยผู้ที่เสนอราคาดีที่สุดคือ ผู้ที่เสนอขอรับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลน้อยที่สุด (มูลค่าปัจจุบันสุทธิ Net Present Value : NPV) ประมาณ 78,000 ล้านบาท ซึ่งจากการเปิดเอกสารของบีทีเอสวันนี้ พบว่า จำนวนเงินที่บีทีเอสได้เสนอขอรับเงินสนับสนุนอยู่ที่ประมาณ 9,000 ล้านบาท ซึ่งมีความแตกต่างกันเกือบ 7 หมื่นล้านบาท แต่ทั้งนี้ ในส่วนของรายละเอียดของการเสนอราคามีอะไรบ้าง จึงอยากให้รฟม.นำเสนอข้อมูลทั้งหมด ว่า ในข้อเสนอที่ยื่นไปนั้น มีการขอเงินสนับสนุนอยู่ที่เท่าใด และมีส่วนแบ่งรายได้อยู่ที่เท่าใด เพื่อบริษัทจะได้มีการชี้แจงรายละเอียดใหัชัดเจนมากยิ่งขึ้น” – นายสุรพงษ์กล่าว
3. แบบนี้ เท่ากับว่า หากไม่มีการยกเลิกประมูลครั้งที่ 1 ไม่มีการเปลี่ยนหลักเกณฑ์ ดำเนินโครงการตามปกติ วัดกันที่ข้อเสนอราคาผลตอบแทน ใครให้ผลตอบแทนรัฐสูงสุด ใครขอเงินสนับสนุนงานโยธาจากรัฐน้อยสุด ควรเป็นผู้ชนะ รัฐบาลก็น่าจะได้โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกตามราคาที่ BTSC ได้เสนอไป
เนื่องจาก BTSC ได้ขอเงินสนับสนุนจากรัฐเพียง9 พันล้านบาทเท่านั้น (เทียบกับ 7 หมื่นกว่าล้านที่เอกชนอีกรายเสนอและจ่อจะเป็นผู้ชนะในการประมูลครั้งที่สอง) แถมโครงการจะไม่ล่าช้าถึง 2 ปี และน่าเสียดายงบประมาณของรัฐที่จะต้องเสียเงินเพิ่มขึ้น
ส่วนต่าง 7 หมื่นล้านบาท นี่คือราคาของความผิดปกติของการดำเนินการคัดเลือกเอกชน สายสีส้มตะวันตก
แทบจะเรียกได้ว่า “จับแก้ผ้าล่อนจ้อน” กันเลยทีเดียว
คำถาม คือ จะกล้าเดินหน้ากันต่อ อีกหรือ?
คมนาคม ยังจะเสนอเข้า ครม. หรือไม่?
ครม. จะกล้าผ่านให้ หรือไม่?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี