สำนักข่าวซินหัวรายงานเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ว่าหวัง อี้ มุขมนตรีแห่งรัฐ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้พบปะหารือกับนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ระหว่างการประชุมกลุ่มร่วมมือลานช้าง-แม่โขง (Lancang-Mekong cooperation) ที่เมืองพุกาม ประเทศเมียนมา
นายปรัก ในฐานะทูตพิเศษประธานอาเซียนในกิจการพม่าได้สรุปผลการเยือนพม่า และความคืบหน้าในทางปฏิบัติให้เกิดผลในฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียนเพื่อการช่วยเหลือพม่าแก้ปัญหาวิกฤตทางการเมือง
ซินหัวซึ่งเป็นสื่อทางการของจีน และสื่อท้องถิ่นในพม่ารายงานข่าวตรงกันว่าจีนจะร่วมมือกับอาเซียนผลักดันให้รัฐบาลทหารพม่าถ่ายโอนอำนาจการปกครองเป็นประชาธิปไตยในเร็ววัน
นักวิเคราะห์การเมืองชาวพม่านำรายงานข่าวจากสื่อตะวันตก และสื่อทางการจีนมาพิเคราะห์ร่วมกันแล้วฟันธงว่าสหภาพพม่าจะมีการเลือกตั้งต้นปีหน้า และอาจเป็นไปได้ว่าพม่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปก่อนประเทศไทย
ซินหัวรายงานว่าในการพบปะกับทูตพิเศษประธานอาเซียน นายหวัง อี้ กล่าวชื่นชมยกย่องกัมพูชาในฐานะประธานหมุนเวียนอาเซียนปี 2565 ที่ได้ประสานงานอย่างสร้างสรรค์ในวิกฤตการเมืองพม่า
นายปรักในฐานะทูตพิเศษประธานอาเซียนได้นำคณะจากสำนักเลขาธิการอาเซียน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชาเดินทางเยือนเมียนมาห้าวัน เพื่อติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอาเซียนต่อสหภาพพม่าตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียนที่ได้ตกลงกันในกรุงจาการ์ตาเมื่อเดือนเมษายน 2564
หลังจากคณะทูตพิเศษได้พบปะหารือกับพลเอกมิน อ่อง หล่าย ประธานคณะผู้บริหารแห่งรัฐ (State Administration Council=SAC) และฝ่ายต่างๆ ในกรุงเนปิดอว์ พลโทซอ มินตู โฆษกรัฐบาลทหารพม่าแถลงว่า “ฉันทามติห้าข้อของอาเซียนได้พัฒนาก้าวหน้าไปมาก” แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ก่อนที่นายปรักออกเดินทางต่อไปร่วมประชุมความร่วมมือกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ในเมืองพุกาม ที่ทูตพิเศษได้หารือกับนายหวัง อี้
ซินหัวรายงานว่านายหวัง อี้ แสดงความชื่นชมกัมพูชา ที่ใช้ความพยายามสร้างความปรองดองอย่างสร้างสรรค์ในวิกฤตการเมืองพม่าในฐานะประธานอาเซียน และรัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้แจกแจงถึงท่าทีของจีนที่ “คาดหวังจะร่วมมือกับอาเซียนในการผลักดันให้รัฐบาลทหารพม่าถ่ายโอนอำนาจด้วยแนวทางประชาธิปไตย” แก่ทูตพิเศษอาเซียนเป็นข้อๆ ว่า
1.จีนคาดหวังจะร่วมมือกับอาเซียนเพื่อผลักดันให้สหภาพพม่า ดำเนินการปรองดองแห่งชาติภายใต้รัฐธรรมนูญ และหลักการแห่งกฎหมาย ชักจูงโน้มน้าวให้พรรคการเมืองทุกพรรคในสหภาพพม่าได้ให้ความสำคัญกับส่วนรวม และผลประโยชน์ของประชาชน ตลอดถึงความพยายามอย่างจริงจังที่จะสร้างความมั่นคง และสันติภาพในเร็ววัน
2.จีนคาดหวังจะร่วมมือกับอาเซียนในการผลักดันให้พม่าได้เริ่มต้นใหม่ของการถ่ายโอนอำนาจเป็นประชาธิปไตย และแสวงหาแนวทางพัฒนาการเมืองตามแบบฉบับของพม่าที่เหมาะสมกับสภาวะของประเทศ
3.จีนคาดหวังว่าอาเซียนจะยึดมั่นในหลักการเบื้องต้น และประเพณีที่ปฏิบัติกันมา คือไม่แทรกแซงกิจการภายใน และร่วมมือกันจดจ่อที่เป้าหมาย ขจัดสิ่งที่ทำให้ไขว้เขวออกไป มีปฏิสัมพันธ์กันอย่างอดกลั้นในการร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์ ในการที่จะทำให้ฉันทามติห้าข้อลุล่วงไปได้ ดำรงไว้ซึ่งความสามัคคี และบทบาทนำ
นักวิเคราะห์การเมืองชาวพม่ามองท่าทีของจีนที่แจงต่อทูตพิเศษประธานอาเซียนว่า
“จีนแสดงท่าทีเป็นกลางๆ ที่สนับสนุนให้พม่าถ่ายโอนอำนาจโดยจัดให้มีการเลือกตั้งในเร็ววัน”
เขาอธิบายด้วยว่าที่นายหวัง อี้ พูดว่าให้พม่าถ่ายโอนอำนาจเป็นประชาธิปไตยในเร็ววัน นั่นตรงกับความต้องการรัฐบาลทหารพม่า ที่กำลังเร่งดำเนินการกระบวนการเลือกตั้งอย่างจริงจัง เพื่อให้รัฐบาลจากการเลือกตั้งได้แก้ไขรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับการปรองดองแห่งชาติ
สื่อภายในประเทศเมียนมารายงานข่าวว่าคณะกรรมการเลือกตั้งกับกระทรวงมหาดไทยได้เริ่มทำการสำรวจสำมะโนประชากรตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจาก
ที่ กกต. ชุดใหม่ตรวจสอบพบว่าการเลือกตั้งปี 2564 มีการโกงกันอย่างมโหฬารจริง
จากการตรวจของ กกต. และกระทรวงมหาดไทยรายชื่อบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งจากส่วนกลางของกระทรวงมหาดไทย กับบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งในหน่วย
เลือกตั้งต่างๆ ทั่วประเทศไม่ตรงกัน
“นี้เป็นสาเหตุสำคัญที่นางออง ซาน ซู จี ไม่ยอมให้มีการตรวจสอบ ทั้งๆ ที่พรรคสหสามัคคีและการพัฒนา (ยูเอสดีพี) กับกระทรวงมหาดไทยเรียกร้องให้มีการตรวจสอบถึงหกครั้ง” แหล่งข่าวกล่าว
รัฐธรรมนูญของพม่าให้อำนาจผู้นำกองทัพดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีกิจการชายแดนได้โดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง
“ดังนั้น บัญชีกลางของผู้มีสิทธิเลือกตั้งอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย ก็คืออยู่ในมือทหาร เมื่อเอาบัญชีกลางไปตรวจสอบกับบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งในหน่วยต่างๆไม่ตรงกัน เมื่อทหารต้องการให้ตรวจสอบพรรคเอ็นแอลดีจึงไม่ยอม” แหล่งข่าวกล่าว
พรรคยูเอสดีพีซึ่งเป็นพรรคโปรทหาร ร้องเรียนว่ามีบัตรเลือกตั้งผิดปกติถึง 11 ล้านใบ แต่ กกต. ซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐบาลของนางออง ซาน ซู จี ไม่ยอมให้ตรวจสอบ โดยอ้างว่าผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งนานาชาติ และคณะทูตต่างประเทศยืนยันว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2563 เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม
จากความเชื่อมั่นในคณะผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งและคณะทูตซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวตะวันตกทำให้นางออง ซาน ซู จี ดึงดันให้มีการเปิดประชุมสภาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลจากเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่1 ก.พ. 2564 แต่ถูกทหารชิงทำการยึดอำนาจเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนกำหนดการเปิดประชุมสภา
“นางซู จี คิดว่าทหารไม่กล้ายึดอำนาจ เพราะมีชาติตะวันตกโดยเฉพาะอย่างสหรัฐหนุนหลังให้จัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีการตรวจสอบผลการเลือกตั้ง” แหล่งข่าวกล่าว และอธิบายเพิ่มเติมว่า
รัฐบาลทหารพม่าได้จัดการประชุมกับสิบกลุ่มชาติพันธุ์ และพรรคการเมือง กลุ่มการเมืองหลายกลุ่มตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน และได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่าจะจัดให้การมีการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยหลายพรรคในต้นปีหน้า
“ในแถลงการณ์ร่วมไม่ได้กำหนดว่าเลือกตั้งเดือนไหนแต่สื่อส่วนใหญ่ในพม่าคาดหมายว่า น่าจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ หรือ เดือนมีนาคม 2566เพราะปีงบประมาณของพม่าเริ่มต้นวันที่ 1 เมษายน”
ขณะนี้ กกต. ชุดใหม่ของพม่ากับกระทรวงมหาดไทยกำลังเตรียมเลือกตั้งแข่งกับเวลา เพราะเหตุว่าระบบการสำรวจสำมะโนประชากรของพม่ายังล้าหลังอยู่มาก “กระทรวงมหาดไทยกำลังเร่งทำบัตรประชาชนให้กับคนที่ตกสำรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มชาติพันธุ์ที่สำมะโนประชากรซับซ้อนมาก” แหล่งข่าวกล่าว
พลเอกมิน อ่อง หล่าย ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 1 ส.ค. เรื่องต่ออายุภาวะฉุกเฉินอีก 6 เดือน โดยให้ผลว่า “เพื่อให้เตรียมการเลือกตั้งทั่วไปตามระบอบประชาธิปไตยหลายพรรคการเมืองได้ดำเนินการไปอย่างต่อเนื่องอย่างสันติและมีระเบียบวินัย”
สำนักข่าวเสียงแห่งประชาธิปไตยพม่า (Voice of Democratic Burma=VDB) ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลเงาและกองกำลังพิทักษ์ประชาชนฝ่ายพรรคเอ็นแอลดี รายงานข่าวว่า
“กรรมการกลางพรรคเอ็นแอลดี คัดค้านการเสนอให้มีการเลือกตั้งทั่วไปโดยรัฐบาลทหาร เพราะรัฐบาลทหารไม่มีความชอบธรรมทางกฎหมาย และการเลือกตั้งจัดโดยทหารเป็นกลอุบายหลอกลวงชาวพม่าและประชาคมโลกว่าเป็นประชาธิปไตย เพื่อฟอกตัวทหารพม่าให้เป็นที่ยอมรับของประชาคมนานาชาติ”
แถลงการณ์คัดค้านของพรรคเอ็นแอลดีได้รับการตอบรับและสนับสนุนจากประเทศตะวันตกอย่างกว้างขวาง แต่รัฐบาลทหารพม่าไม่ให้ความสำคัญกับเสียงคัดค้านของรัฐบาลเงา เพราะทั้งรัฐบาลเงาหรือเอ็นยูจี และกองกำลังพิทักษ์ประชาชน หรือ พีดีเอฟถูกขึ้นบัญชีเป็นผู้ก่อการร้ายไปแล้ว
“รัฐบาลทหารไม่สนใจเสียงคัดค้านของพรรคเอ็นแอลดี และไม่แคร์การประณามของตะวันตก เพราะถือว่าถูกตะวันตกด่าทหารพม่ามาแล้วยี่สิบสามสิบปี ให้พวกเขาด่าอีกปีหนึ่งจะเป็นไรไป ตราบใดที่มิตรประเทศอย่างจีนเข้าใจ และให้ความช่วยเหลือ” แหล่งข่าวกล่าว
หลังจากทหารยึดอำนาจ และชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัฐบาลทหารพม่า จีนกลายประเทศคู่ค้าที่ลงทุนรายใหญ่ที่สุด จากรายงานของคณะกรรมการลุงทุนและกำกับกิจการโรงงานอุตสาหกรรมพม่า พบว่าในไตรมาสแรกของปี 2565 บริษัทต่างชาติลงทุนในเมียนมา22.99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในจำนวนนี้ 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ และจีนฮ่องกง
ดังนั้น เมื่อหวัง อี้ พูดว่า “จีนคาดหวังจะร่วมมือกับอาเซียนในการผลักดันให้พม่าได้เริ่มต้นใหม่ของการถ่ายโอนอำนาจเป็นประชาธิปไตย และแสวงหาแนวทางพัฒนาการเมืองตามแบบฉบับของพม่าที่เหมาะสมกับสภาวะของประเทศ..”
รัฐบาลทหารพม่าจึงเดินหน้าถ่ายโอนอำนาจโดยจะจัดให้มีการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายตามแบบฉบับของพม่าที่เหมาะสมกับสภาวะของประเทศ ดังที่นายหวัง อี้ กล่าว
นอกจากนั้นรัฐบาลทหารพม่ายังเชื่อมั่นว่าอาเซียนปีที่มีกัมพูชาเป็นประธานจะนำพม่ากลับเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมของอาเซียนอีกครั้ง
รัฐบาลทหารพม่าถูกกีดกันไม่ให้ร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อคราวที่บรูไนเป็นประธานหมุนเวียนอาเซียนในปี 2564 นอกจากนั้นประธานอาเซียนปีนั้นยังไม่ยอมมีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กับรัฐบาลทหารพม่าตลอดระยะเวลาที่บรูไนเป็นประธาน
แต่ทันทีที่รับตำแหน่งประธานหมุนเวียนอาเซียนอย่างเป็นทางการนายฮุนเซ็น ในฐานะประธานอาเซียนเดินทางไปเยือนพม่า พบปะพูดจากับพลเอกมิน อ่อง หล่าย ประธานคณะผู้บริหารแห่งรัฐสหภาพพม่าฉันเพื่อนร่วมสมาชิกสมาคมอาเซียนด้วยกันพร้อมกับปล่อยวาทะเด็ดว่า
“การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ประเทศกัมพูชาเป็นประธาน ผู้นำอาเซียนทุกคนต้องเข้าร่วมประชุม...ถ้าไม่ประชุมกับผู้นำแล้วผมจะประชุมกับใคร”
นอกจากนั้นทูตพิเศษประธานอาเซียนในกิจการพม่า เดินทางไปเยือนพม่าพบพลเอกมิน อ่อง หล่าย และฝ่ายต่างๆ แล้วถึงสองครั้งในห้วงเวลาเพียงสี่เดือนซึ่งต่างกับสมัยที่บรูไนเป็นประธานที่พลเอกมิน อ่อง หล่ายไม่ยอมให้ทูตพิเศษอาเซียนเข้าประเทศเมียนมา
ความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีของความสัมพันธ์รัฐบาลทหารพม่ากับประธานหมุนเวียนอาเซียน ปักกิ่งน่าจะมีบทบาทสำคัญในการทำให้ความสัมพันธ์เปลี่ยนไปในแง่บวก
ในบรรดาสมาชิกสมาคมอาเซียนประเทศกัมพูชากับสหภาพพม่า ถือว่าเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นใกล้ชิดกับปักกิ่งมากที่สุด ดังนั้นสงครามตัวแทนระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ในสมรภูมิอาเซียนในขณะที่กัมพูชาเป็นประธานฟันธงได้ว่าอเมริกาจะเป็นฝ่ายปราชัย
และทำนายว่าในปีหน้าเมียนมาอาจจะมีการเลือกตั้งทั่วไปก่อนประเทศไทย
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี