เมื่อวันอังคารที่ 20 กันยายน 2565 คณะรัฐมนตรีได้มีมติรับรองตามโครงการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสด เพื่อลดฝุ่น PM2.5 ที่อัตรา 120 บาทต่อตัน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้นำเสนอ
ทำไม เรื่องนี้จึงเป็นการดำเนินการที่น่าสนใจสนับสนุนและชื่นชม?
1. ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM2.5 ฤดูการผลิตปี 2564/2565 กรอบวงเงินรวมทั้งสิ้น 8,319 ล้านบาท
เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตามโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM2.5 ฤดูการผลิตปี 2564/2565 ในอัตรา 120 บาทต่อตันโดยใช้แหล่งเงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 8,159 ล้านบาท
มุ่งช่วยเหลือเฉพาะชาวไร่อ้อยทุกรายที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดีส่งโรงงาน
พูดง่ายๆ คือ เป็นการสร้างแรงจูงใจหรือให้รางวัลพิเศษแก่ชาวไร่อ้อยที่ไม่ใช้วิธีเผาอ้อยก่อนตัด เพราะการเผาอ้อย จะสร้างผลกระทบสิ่งแวดล้อม ฝุ่น PM2.5 หายใจเข้าไปก็อันตราย ตากเสื้อผ้าก็ดำขะมุกขะมอมไปหมด
โดย ธ.ก.ส. จะโอนเงินช่วยเหลือเข้าบัญชีธนาคารของชาวไร่อ้อยทุกราย ที่ตัดอ้อยสดส่งโรงงานโดยตรง หลังปิดหีบของฤดูการผลิตปี 2564/2565 เพียงครั้งเดียว
ฤดูการผลิตปี 2564/2565 มีปริมาณอ้อยสดทั้งสิ้น 67.99 ล้านตัน
2. ผู้บริหาร 4 องค์กรชาวไร่อ้อย ประกอบด้วย สหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน สหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ได้ขอบคุณรัฐบาล โดยมีเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดส่งโรงงานเพื่อผลิตน้ำตาลทราย ผลิตเอทานอล และผลิตน้ำตาลทรายแดง ได้ประโยชน์รวมกว่า 200,000 ราย
คาดว่าจะสามารถเริ่มจ่ายเงินช่วยเหลือภายในเดือนพฤศจิกายน 2565
เกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดจะได้รับราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิปี 2564/2565 รวมกับเงินช่วยเหลือแล้วไม่ต่ำกว่าตันละ 1,100 บาทสำหรับนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพต่อไป
3. ผมเคยแสดงความคิดเห็นสนับสนุนโครงการเช่นนี้ ตั้งแต่ปีที่แล้ว
ขอยืนยันว่า ปัญหาแก้ได้ด้วยการลงมือทำ ไม่ใช่แค่บ่น
ปัญหาอ้อยไฟไหม้ หรือพูดกันตรงๆ คือ การเผาไร่อ้อยก่อนตัดส่งโรงงานน้ำตาล
ปัญหานี้เกิดขึ้นมานาน ผ่านมาหลายยุครัฐบาล แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
หลายพื้นที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 รวมทั้งฝุ่นขนาดใหญ่กว่าที่คละคลุ้ง สร้างมลภาวะ ทำให้ปัญหาหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น และจะปล่อยอย่างนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
เราได้เคยบ่นกันมาหลายปีแล้วว่า การเผาอ้อยเพื่อให้สะดวกแก่การตัดอ้อยส่งโรงงานน้ำตาลทรายนั้น มันก่อให้เกิดมลภาวะฝุ่น PM2.5 บ้านเรือนในเขตไร่อ้อยทนฝุ่นละออง ตากเสื้อผ้าดำปิ๊ดปี๋ โดยเฉพาะช่วงเดือนธันวาคม-เมษายนของทุกปี
แต่บ่นแล้ว ก็แล้วกันไป เมื่อจบฤดูกาลตัดอ้อย ฤดูกาลใหม่ ก็ค่อยบ่นกันใหม่ เป็นอย่างนี้มาเนิ่นนาน
เมื่อคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน ได้อนุมัติโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น PM2.5 มุ่งจูงใจเกษตรกรชาวไร่อ้อยให้ตัดอ้อยสดส่งโรงงานเท่านั้น โดยจ่ายเงินช่วยในอัตรา 120 บาทต่อตันจึงเป็นการลงมือทำ โดยสร้างแรงจูงใจและให้รางวัลแก่พฤติกรรมที่พึงประสงค์
ผลการดำเนินการบ่ชี้ชัดเจนก่อนหน้านี้ว่า เมื่อเริ่มใช้กลไกการสร้างแรงจูงใจเช่นนี้ ปรากฏว่า ปริมาณอ้อยไฟไหม้ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ต่อเนื่อง
จึงเป็นโครงการที่สมควรดำเนินการต่อเนื่อง
4. น่าสนใจว่า ที่มาของตัวเลขช่วยเหลือตัดอ้อยสดในอัตรา 120 บาทต่อตัน มาจากไหน?
120 บาท มาจากเงินส่วนต่างรายได้ค่าแรงต่อวันที่ชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดได้รับน้อยกว่าชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยไฟไหม้
เพราะแรงงานตัดอ้อยไฟไหม้ จะสามารถทำงานได้มากกว่าในระยะเวลาเท่ากัน ทำให้แรงงานตัดอ้อยไฟไหม้มีรายได้มากกว่า
อัตราค่าแรงงานที่ผู้รับจ้างตัดอ้อยสดได้รับอยู่ที่ 425 บาทต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าอัตราค่าแรงงานที่ผู้รับจ้างตัดอ้อยไฟไหม้ได้รับที่ 675 บาทต่อวัน ส่งผลให้ผู้รับจ้างตัดอ้อยสดจะได้รับค่าแรงต่อวัน ต่ำกว่าการรับจ้างตัดอ้อยไฟไหม้อยู่วันละ 250 บาท
ผู้รับจ้างตัดอ้อยสดจะต้องได้รับการช่วยเหลือด้านต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 250 บาทต่อวัน เพื่อให้ผู้รับจ้างตัดอ้อยสดได้รับค่าแรงเทียบเท่ากับผู้รับจ้างตัดอ้อยไฟไหม้
และเนื่องจากผู้รับจ้างตัดอ้อยสดสามารถตัดอ้อยได้วันละ 2.125 ตัน การช่วยเหลือด้านต้นทุนเพื่อเป็นค่าจ้างตัดอ้อยสดจึงต้องอยู่ที่ตันละ 120 บาท (เทียบเท่าค่าแรงต่อวันเพิ่มขึ้น 255 บาท) ซึ่งจะส่งผลให้ผู้รับจ้างตัดอ้อยสดได้รับค่าแรงเทียบเท่ากับผู้รับจ้างตัดอ้อยไฟไหม้
เพราะเงินที่จ่ายไป ก็จ่ายเข้ากระเป๋าชาวไร่อ้อย
และผลได้เพิ่มเติมคือ การแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด
นี่จึงเป็นตัวอย่างโครงการที่นำหลักเศรษฐศาสตร์เข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคน ลดผลกระทบต่อสังคมอย่างได้ผลดี ขอชื่นชมผู้เกี่ยวข้อง และขอสนับสนุนให้ดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี