ความโลภของคนคือต้นเหตุสำคัญประการหนึ่งของการเสียทรัพย์ คนที่บังเกิดความโลภมากๆ จะขาดสติ ครั้นเมื่อขาดสติแล้ว ความบรรลัย ความย่อยยับก็จะบังเกิดกับผู้นั้นโดยไม่มีทาง
หลีกเลี่ยงได้
ความโลภอยู่คู่กับคนมายาวนานหลายศตวรรษ แล้วก็ยังจะอยู่ไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่คนยังไม่สามารถครองสติได้ คนที่มีสติจะต้องรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไร แล้วสิ่งที่ทำนั้นจะให้ผลดีหรือผลเสียกับตน แล้วที่มากกว่านั้นคือคนมีสติจะไม่นำสินทรัพย์ที่ตนได้มาโดยสุจริตไปลงทุนในสิ่งที่เลื่อนลอย และไม่มีวันเป็นไปได้อย่างเด็ดขาด แต่เงินที่หามาได้โดยสุจริตไปลงทุนในกิจการที่มีเหตุมีผลเพียงพอ และจะประมาณตนในการกระทำทุกสิ่งอย่าง
สำหรับกรณีความโลภจนทำให้เกิดการเสียทรัพย์ของผู้คนจำนวนไม่น้อยในสังคมไทยนั้นคนไทยที่มีอายุเกิน 50 ปี น่าจะรู้จักคดีแชร์แม่ชม้อย และก็อาจจะมีคนบางคนที่อายุเกิน 60 ปีอาจจะตกเป็นเหยื่อของ ชม้อย ทิพย์โส ด้วยก็เป็นได้สำหรับคนที่ตกเป็นเหยื่อแชร์ชม้อยต้องตอบตัวเองได้ดีว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ยอมพาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว แล้วสุดท้ายได้เงินคืนจากชม้อยและพวกหรือไม่
เหตุการณ์แชร์แม่ชม้อยล้มกลายเป็นข่าวใหญ่ในสังคมไทยเมื่อปี 2528 ความเสียหายในวันวานตกประมาณ 4 พันล้านบาท แต่หากคำนวณค่าเงินในยุคปัจจุบันจะตกประมาณ 1 หมื่น 1 พันล้านบาทคดีดังกล่าวมีผู้เสียหายที่ไปแจ้งความดำเนินคดี 1 หมื่น 3 พันคน
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่สิบปี แต่คนโลภก็ไม่เคยหมดไปจากสังคมไทย และสังคมโลก ขณะเดียวกันก็ยังคงมีเหล่ามิจฉาชีพที่หากินบนความโลภของผู้คนเสมอมา และจะยังคงมีตลอดไป ดังนั้น สังคมนี้จึงยังมีข่าวแก๊งมิจฉาชีพหลอกลวงให้คนโลภต้องสูญเสียเงินให้เห็นเป็นประจำ
สิ่งที่ชม้อยสร้างภาพลวงตาเพื่อหลอกคนไร้สติคือ อ้างว่าให้เงินตอบแทนการลงทุนเดือนละ 6.5 เปอร์เซ็นต์ หากคิดเป็นปีก็ตกปีละ 78 เปอร์เซ็นต์ถามจริงๆ เถอะ คนที่มีสติมีปัญญาจะเชื่อหรือว่ามีกิจการหรือธุรกิจที่ขาวสะอาดไม่พัวพันกับสิ่งผิดกฎหมายใดสามารถให้ผลตอบแทนได้สูงถึงปีละ 78 เปอร์เซ็นต์ แต่ทว่าในสังคมนี้ยังมีคนไร้สติอีกมากมาย เพราะฉะนั้นคนกลุ่มดังกล่าวก็จึงตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพไปโดยปริยาย
สุดท้ายชม้อยก็ยอมรับสารภาพว่าสิ่งที่กุขึ้นมานั้นเป็นเรื่องลวงโลก มันคือแชร์ลูกโซ่ มันคือการนำเงินจากคนคนหนึ่งไปแบ่งเศษให้กับคนอีกคนหนึ่ง กิจกรรมลวงโลกแบบนี้เกิดขึ้นในสังคมที่คนขาดสติ เมื่อมีคนขาดสติจำนวนมากพอ กิจกรรมลวงโลกก็จะสามารถหมุนต่อไปได้ แต่เมื่อวันหนึ่งคนขาดสติสามารถเรียกสติคืนมาได้ กิจกรรมลวงโลกก็ต้องหยุดชะงักลง แล้วเมื่อนั้นความจริงก็จะปรากฏชัดว่า กิจการแชร์ลูกโซ่ก็คือการหาเหยื่อรายใหม่ให้ได้ เพราะเหยื่อรายใหม่จะเป็นคนที่นำเงินเข้าไปหล่อเลี้ยงระบบฉ้อโกงในรูปแบบนี้ แต่เมื่อวันใดที่ไม่มีเหยื่อรายใหม่เข้ามาอีกโซ่แห่งความเลวร้ายนี้ก็จะขาดสะบั้นลง ความจริงจะปรากฏ แล้วผู้ที่ไร้สติที่ยอมทุ่มเงินเข้าไปในระบบก็จะพบกับความหายนะ
ปรากฏการณ์แชร์ลูกโซ่ยังคงเกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง แม้ทุกวันนี้ก็ยังคงมีแชร์ลูกโซ่ในรูปแบบต่างๆ เกิดขึ้นทุกวัน เพียงแต่รูปแบบการหลอกลวงโป้ปดต่างไปจากยุคแชร์ชม้อย โดยยกข้ออ้างเรื่องการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ เข้ามาแทน เช่น ลงทุนในระบบการแลกเปลี่ยนซื้อขายเงินตราสกุลต่างๆ(Forex) ลงทุนในคริปโต ลงทุนในหุ้นลมหุ้นลวงและลงทุนในที่ดิน รวมถึงกิจการอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนจริง
สิ่งที่แก๊งมิจฉาชีพใช้เป็นข้ออ้างในการหากินก็แสนจะธรรมดา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากยุคเดิม คือการอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนจำนวนมหาศาล มากกว่าการนำเงินไปฝากธนาคาร หรือลงทุนค้าขายทั่วไป ข้ออ้างก็เหมือนเดิมๆ คือได้ผลตอบแทน 50-70 เปอร์เซ็นต์ต่อปี แถมยังมีเงินโบนัสพิเศษให้ในกรณีที่สามารถไปลาก (หลอกลวง) เหยื่อรายใหม่ๆ เข้ามาในระบบได้
ปรากฏการณ์ Forex-3D ที่ตกเป็นข่าวในสังคมไทยในขณะนี้ก็ไม่มีอะไรต่างไปจากแชร์ชม้อย เพราะทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องโกหกพกลมทั้งสิ้น แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีคนไร้สติเข้าไปเป็นเหยื่อเรื่อยมา นั่นแสดงว่าความโลภยังคงสามารถนำพาให้คนไร้สติตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ทุกยุคทุกสมัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี