อลิซาเบธ ทรัสส์ หรือที่หลายคนเรียกชื่อสั้นๆ ว่าลิซ ทรัสส์ กลายเป็นนายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักรที่อยู่ในตำแหน่งสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักรไปแล้ว หลังจากอยู่ในตำแหน่งได้ประมาณ 6 สัปดาห์เท่านั้น
มูลเหตุสำคัญที่ทำให้นายกรัฐมนตรีหญิงรายนี้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง ก็เพราะเกิดปัญหาวิกฤตต่อการเมืองและเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร (disastrous term that pitched Britain deep into political and economic turmoil)
กรณีของลิซ ทรัสส์ ที่ตัดสินใจลาออกอย่างรวดเร็วเช่นนี้ นับว่าน่าสนใจมากในเชิงพฤติกรรมการเมือง เพราะถือได้ว่าหานักการเมือง โดยเฉพาะระดับนายกรัฐมนตรีที่ตัดสินใจสละตำแหน่งสูงสุดได้ในระยะเวลาที่ค่อนข้างรวดเร็วเช่นนี้ได้ยากมาก เพราะตามปกติผู้ที่ติดตามพฤติกรรมนักการเมืองทั่วโลกมักจะพบว่าบุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงจะพยายามยื้อหรือประวิงเวลาให้ตนเองอยู่บนเก้าอี้แห่งอำนาจให้นานที่สุด โดยไม่สนใจว่าบ้านเมืองจะเกิดความเสียหายหนักมากสักเพียงใด ซึ่งต้องบอกว่าเรื่องการประวิงเวลาอยู่ในอำนาจการเมืองนั้น คนไทยประจักษ์ชัดเป็นอย่างดี เพราะไม่เคยปรากฏว่านายกรัฐมนตรี แม้กระทั่งรัฐมนตรีของไทยจะยอมสละตำแหน่งโดยง่ายดาย ต่อให้ต้องคดีอาญาอย่างชัดเจนก็ยังหน้าทนอ้างว่ายังไม่ติดคุก เพราะฉะนั้นยังไม่ยอมลาออก
พฤติกรรมการเมืองของนักการเมืองอังกฤษต่างจากนักการเมืองไทยอย่างไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ แม้จะมีนายกรัฐมนตรีไทยหลายคนที่จบการศึกษามาจากประเทศอังกฤษก็ตาม ที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือมีนายกรัฐมนตรีไทยบางคนจบการศึกษามาจากประเทศอังกฤษ แต่ก็ยังอุตส่าห์กล้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยที่ตนเองไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง นี่คือเรื่องที่น่าตั้งคำถามว่าสรุปแล้วประเด็นการได้รับการศึกษาจากอังกฤษไม่ใช่เครื่องยืนยันว่าบุคคลดังกล่าวจะซึมซับความเป็นปัญญาชนตามแบบฉบับของอังกฤษ รวมถึงไม่เคยยืนยันได้ว่าบุคคลผู้นั้นมีจิตสำนึกแห่งความเป็นประชาธิปไตยโดยแท้จริง
สิ่งหนึ่งที่ทรัสส์กล่าวเมื่อเธอตัดสินใจประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคือ เธอไม่ได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยม ดังนั้น เมื่อไม่ได้รับการสนับสนุนก็ถือว่าคงจะทำงานต่อไปได้ยาก จึงขอตัดสินใจลาออก และเธอบอกด้วยว่าเธอได้เข้าเฝ้าฯ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เพื่อถวายรายงานเรื่องการตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง
สิ่งที่ทรัสส์ใช้เป็นเหตุผลของการตัดสินใจลาออกมาจากการไม่ได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมที่เธอเป็นหัวหน้าพรรค นี่คือการตัดสินใจของคนที่น่าจะได้รับการยกย่องว่าฟังเสียงของสมาชิกโดยแท้จริงโดยไม่จำเป็นต้องรอให้ประชาชนลุกขึ้นมาขับไล่
แต่สำหรับประเทศไทยแล้ว เราจะไม่มีวันได้พบได้เห็นนายกรัฐมนตรีที่มีลักษณะกล้าหาญทางจริยธรรมเช่นนี้อย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาเราได้พบได้เห็นแต่นายกรัฐมนตรีที่มีความด้านทนสูงเกินมนุษย์ปกติ นายกรัฐมนตรีหลายคนทำผิดกฎหมายทุจริตคอร์รัปชัน โกงบ้านกินเมือง ก็ยังไม่ยอมลาออก แถมยังอ้างอย่างหน้าทนอย่างที่สุดอีกว่า ถ้าไม่ชอบ ก็อย่าเลือกตนเองในการเลือกตั้งครั้งหน้า แถมบางรายยังโกหกโดยไร้ความละอายอีกว่าตนเองไม่ผิด ไม่โกง แถมบางรายหนีคดีอาญาแผ่นดินไปลอยล่องอยู่นอกประเทศยังอ้างอีกว่าตนเองไม่ผิด ไม่โกง ส่วนอีกหลายรายก็อ้างแบบไร้ยางอายว่า ต้องอยู่เพื่อรักษาประเทศไทย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นคำอ้างที่ไร้ยางอายอย่างที่สุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี