ในช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่มีการประชุมสำคัญเกิดขึ้นในพื้นที่อาเซียน รวมทั้งประเทศไทยด้วย นั่นคือการประชุมอาเซียนที่กัมพูชาเป็นเจ้าภาพ การประชุม G20ที่อินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพ และการประชุมเอเปกที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ และมีการประชุมที่ไล่เลียงกันต่อเนื่องกัน จึงทำให้ภูมิภาคอาเซียนของเรานี้ถูกจับตามองจากชาวโลกโดยทั่วไป
เขาจับตามองกันว่าการประชุมอาเซียนก็ดี การประชุม G20 ก็ดี มีเรื่องราวสำคัญอันใดที่จะบังเกิดประโยชน์สุขและผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศที่เป็นภาคีสมาชิกบ้าง และมีการจัดการประชุมที่สมศักดิ์ศรีเกียรติภูมิและอำนวยประโยชน์ในด้านอื่นๆ แก่ประเทศนั้นๆ มากและน้อยประการใด
ในการประชุมทั้งสามครั้งดังกล่าวนี้ ต้องถือว่าการประชุมเอเปกเป็นการประชุมใหญ่ที่สุดและมีความสำคัญมากที่สุด เพราะเป็นการประชุมเกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจการค้าเสรีของภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดคือเอเชีย-แปซิฟิก ครอบคลุมภูมิภาคเอเชียและพื้นที่อันเป็นมหาสมุทรทั้งหมด คือ มหาสมุทรอินเดียตลอดไปถึงมหาสมุทรแปซิฟิก
และการประชุมเอเปกนั้นส่งผลกระทบทั้งทางบวก ทางลบ ไม่เพียงแต่ประเทศที่เป็นภาคีสมาชิกจำนวน 21 ประเทศเท่านั้น แต่ย่อมบังเกิดผลกระทบต่อประเทศทั้งหลายในโลกด้วย
เหตุผลเกิดจากประชากรของประเทศภาคีสมาชิกเอเปกนั้นมีจำนวนกว่าครึ่งโลก มีขนาดเศรษฐกิจกว่า 90% ของโลก และเป็นภูมิภาคที่เกี่ยวข้องสำคัญต่อภูมิภาคทั้งหมดของโลกด้วย โดยเฉพาะคือเนื้อหาสาระอันเป็นวัตถุประสงค์ของการประชุมเอเปกนั้นเป็นเรื่องเศรษฐกิจ เป็นเรื่องการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ซึ่งเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของภาคีสมาชิกและทุกประเทศทั่วโลก
ส่วนการประชุมอาเซียนก็เป็นเรื่องของภาคีสมาชิก 10 ประเทศของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมีขอบเขตและขนาดเล็กกว่าเอเปกมาก
สำหรับการประชุม G20 นั้นก็เป็นการประชุมกลุ่มเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของโลกในปัจจุบัน เพราะภาคีสมาชิกของกลุ่มนี้คือผู้ถือดุลการค้าที่สำคัญที่สุดของโลก และอินโดนีเซียเป็นประธานหรือเจ้าภาพในการประชุมครั้งนี้
อินโดนีเซียได้เคลื่อนไหวเพื่อจุดพลุความโด่งดังและความสนใจในการประชุม G20 ในอินโดนีเซียมาเป็นปีแล้ว โดยประธานาธิบดีอินโดนีเซียตระเวนเดินทางไปยังประเทศภาคีทุกประเทศเพื่อเชื้อเชิญผู้นำให้มาร่วมประชุม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการยกฐานะอินโดนีเซียขึ้นสู่ประเทศนำในอาเซียน และเป็นหนึ่งในภูมิภาคนี้ด้วย และแน่นอนว่าย่อมบังเกิดประโยชน์ในด้านการท่องเที่ยว การค้าการลงทุน ทั้งโดยตรง โดยอ้อม แก่อินโดนีเซียเป็นส่วนรวม
ให้เป็นที่สังเกตว่าแม้เป็นการจัดประชุมของกลุ่มประเทศ แต่ในการให้เกียรติและให้การต้อนรับแก่ผู้นำประเทศต่างๆ ของทั้งอินโดนีเซียและกัมพูชานั้นเขาได้ตั้งและยกระดับการต้อนรับที่ให้เกียรติและให้ความสำคัญแก่ผู้นำประเทศสมาชิกอย่างสูงสุด หรือที่คนไทยเรียกกันว่าเป็น State Visit คือถือเป็นการจัดระดับรัฐหรือประเทศ โดยมีประมุขหรือผู้นำประเทศเป็นเจ้าภาพและอำนวยการประชุมนั้น
สำหรับประเทศที่มีการปกครองในระบอบอื่นที่ไม่ใช่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข การให้การต้อนรับที่เรียกว่าระดับ State Visit นั้นก็จะไม่มีปัญหา เพราะไม่ว่าจะเป็นการให้การต้อนรับแบบ Official Visit ซึ่งรัฐบาลเป็นเจ้าภาพ กับ State Visit ก็ไม่มีความแตกต่างกัน เพราะเป็นเรื่องของผู้นำหรือประมุขพบปะปฏิสันถารให้การต้อนรับแก่กัน
มาถึงการประชุมเอเปกของเรา แม้มีผู้จุดประเด็นให้ความสนใจและกระตุ้นให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญมาปีเศษแล้วก็หามีใครสนใจไม่ เพราะการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปกครั้งนี้เป็นครั้งถัดจากที่ประเทศไทยเคยเป็นเจ้าภาพในครั้งก่อนในปี 2546 ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และได้จัดการประชุมเอเปกที่ยิ่งใหญ่เลื่องชื่อระบือโลกให้ปรากฏมาแล้วอย่างชัดเจน
ดังนั้นเพื่อศักดิ์ศรีเกียรติภูมิและประโยชน์แห่งชาติจึงมีการเสนอแนะกระตุกกระตุ้นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบให้เร่งรีบดำเนินการเรื่องนี้เพื่อไม่ให้ด้อยค่าด้อยราคาประเทศชาติจากมาตรฐานเดิมที่ได้ทำไว้ แต่หามีใครสนใจไม่
จนมาถึงวันนี้เหลือเวลาอีกเพียง 6 วันก็จะถึงวันประชุมเอเปกแล้ว แต่สรรพสิ่งยังวิเวกวังเวงแว่วเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากการสั่งหยุดราชการตั้งแต่วันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งทำให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายแก่คนทั้งหลายทั้งปวง โดยเฉพาะพื้นที่ต่างๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่ใช้ในการประชุมเอเปก
ประมุขหรือผู้นำประเทศใดจะมาหรือไม่มาประชุมก็ยังไม่มีความชัดเจน แต่ที่แน่ชัดก็คือประมุขหรือผู้นำมหาอำนาจของโลกอย่างน้อย 2 ประเทศแล้วที่ไม่มาประชุม โดยเฉพาะคือวาระหรือหัวข้อประชุมที่จะอำนวยประโยชน์ให้แก่ภาคีสมาชิกอันเป็นเรื่องสำคัญนั้นมีเรื่องอะไรบ้างก็ไม่มีใครรู้ ซึ่งประเทศต่างๆ ก็ยังงุนงงสงสัยอยู่ว่าเขาจะประชุมเรื่องอะไรกัน
เพราะระดับประมุขหรือผู้นำประเทศทั้งหลายนั้น ถ้าจะมาประชุมเขาก็ต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่เกิดจากการประชุมนั้น จะไม่มีใครยอมมาเพื่อเป็นไม้ประดับเกียรติยศให้แก่ใครเป็นอันขาด ดังนั้นถ้าใครหวังจะได้ประโยชน์หรือได้แสงจากประมุขหรือผู้นำชาติอื่นแล้วก็คงต้องผิดหวังแน่
กำหนดกิจกรรมและกิจการทั้งหลายในการประชุมนั้นจะทำกันที่ไหนและเป็นประการใด คนไทยทั้งประเทศไม่มีโอกาสได้รับรู้ จะถามใครก็หาคำตอบมิได้ แม้ผู้ห่วงใยเรื่องความปลอดภัยของผู้มาประชุมก็หาความแน่นอนมั่นใจอันใดมิได้
ข้อน่าสังเกตอีกประการหนึ่งคือบรรดาประมุขและผู้นำที่จะมาประชุมครั้งนี้จะเป็นการมาประชุมในลักษณะ Official Visit คือไม่เกี่ยวกับองค์ประมุขแห่งรัฐ ยกเว้นบางประเทศที่ได้รับเชิญในลักษณะ State Visit ซึ่งจะได้รับการต้อนรับแบบ State Visit โดยเฉพาะการตั้งกองเกียรติยศต้อนรับและการเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นธรรมเนียมการต้อนรับทางการทูตของ State Visit
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี