เวลานี้บรรดากูรูทางการเมืองออกมาให้ความเห็นผ่านสื่อโดยเฉพาะวิทยุ ทีวี กันมากหน้าหลายตาและข่าวลุงตู่จะเป็นแคนดิเดตให้พรรคไหนกลายเป็นกระแสข่าวรายวัน
นักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล นักข่าวสายการเมือง ตามจี้ตามไช ลุงป้อม ลุงตู่ว่าลุงตู่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯพรรคไหน ระหว่างพรรคพลังประชารัฐ ที่มีข้อครหารับเงินจากหุ้นส่วนสถานบันเทิงผิดกฎหมายสามล้านบาท กับพรรคที่กำลังฮือฮาขึ้นมาเหมือนปั่นราคากล้วยด่าง ที่ตอนแรกฮือฮาลือกันว่าราคาเป็นแสนเป็นล้าน แต่สองอาทิตย์ผ่านไปกล้วยด่างไม่มีค่ากลายเป็นอาหารหมู ดังนั้น หากมีคำถามว่าลุงตู่จะไปต่อไหม? ถ้าลุงตู่ไปต่อ จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้พรรคไหน?
คำตอบแบบกำปั้นทุบดินของคอลัมน์นี้ คือลุงตู่มีพระสยามเทวาธิราชดลใจให้ได้ไปต่อแน่นอน กับผลงานแปดปีที่ผ่านมาที่ฝ่ายต่อต้าน ฝ่ายค้านหยามหน้าว่าไม่มีผลงานอะไร ลุงตู่มีแต่ทำให้เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะตกต่ำลงไป ประเทศชาติไม่พัฒนา # แต่โบราณกล่าวว่า “คนทำดีมีเทวดาคุ้มครอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์มองเห็น” แปดปีที่ผ่านมาประเทศไทยพัฒนาไปไกลในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งด้านคมนาคมและการสื่อสาร ทางด้านเศรษฐกิจประเทศจัดอยู่อันดับสิบสี่ที่มีฐานเศรษฐกิจมั่นคงจากการประเมินของไอเอ็มเอฟและธนาคารโลก โดยการประเมินจากกว่าสองร้อยประเทศ และ เขตเศรษฐกิจทั่วโลก
ด้านการท่องเที่ยวประเทศไทย เริ่มต้นรับนักท่องเที่ยวแบบมีข้อจำกัดก่อนประเทศใดๆ ในเอเชีย โดยการใช้โมเดลโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ที่สิบเดือนผ่านไปประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้มากขึ้นๆ
“ตั้งแต่เริ่ม โครงการ ภูเก็ตแซนด์บอกซ์ถึงวันที่ 30 ตุลาคม มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยแล้วถึง 7.6 ล้านคน และประมาณการณ์ว่าถึงสิ้นปีนี้เราจะมีนักท่องเที่ยวเกิน10 ล้านคน เวลานี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเดือนละ 1.5 ล้านคน และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประเมินว่า ปีหน้า (2566) จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 18 ล้านคนและคาดการณ์ว่าปีหน้าประเทศไทยจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ#เก้าแสนเจ็ดหมื่นล้านบาท” นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าว โดยอ้างอิงจากเอกสารของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
“ประเทศไทยยังเป็นที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวที่มีศิลปวัฒนธรรมสวยงามหลากหลายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้” นายอนุชา กล่าว
เมื่อพิเคราะห์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่มีรายได้จากการท่องเที่ยว ฟื้นตัวการส่งออกสินค้า และโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่กำลังคืบหน้าอย่างรวดเร็ว จึงประเมินว่าลุงตู่น่าจะไปต่อ เมื่อลุงตู่ไปต่อ ในขณะที่มีเวลาเพียงสองปีกว่าแล้วรัฐบาลที่ต่อเนื่องนำโดยพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา จะพัฒนาประเทศไปได้ไหม?
หากดูจากสถิติที่ผ่านมารัฐบาลผสมของประเทศไทยส่วนใหญ่อยู่ได้ไม่เกินสองปี และหากเปรียบเทียบกับต่างชาติในประเทศอังกฤษเปลี่ยนนายกฯมาแล้วสี่คนในห้วงเวลาสามปี ประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจมีสถิติเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเกือบทุกๆ สองปี ประเทศมาเลเซียเพื่อนบ้านของไทยในห้วงเวลาสามปีมีนายกรัฐมนตรีสองคน และกำลังจะมีนายกรัฐมนตรีคนที่สามเพราะมาเลเซียยุบสภาก่อนหมดวาระและจัดเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้
อย่างไรก็ตาม สองปีกว่าวาระที่เหลือของลุงตู่มีความแตกต่างจากสองปีของผู้นำประเทศอื่นๆเพราะสองปีกว่าของลุงตู่เป็นการต่อยอดพัฒนาที่ทำมาแล้วกว่าแปดปี ดังนั้นสองปีกว่าข้างหน้าลุงตู่คือกำไรของประเทศไทยที่รัฐบาลไม่ต้องนับหนึ่งใหม่ ไม่ต้องใช้เวลาศึกษางานหรือวางแผนโครงการใหม่ เป็นการต่อเนื่องงานพัฒนาให้คืบหน้าสำเร็จตามแผนงานตามโครงการที่วางไว้
จากเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมาจึงเชื่อว่า ลุงตู่ต้องไปต่อแต่ยังมีคำถามค้างคาใจว่า ลุงตู่จะไปต่อกับพรรคไหนจะร่วมหัวจมท้ายกับพรรคพลังประชารัฐ หรือ ไปเป็นแคนดิเดตให้พรรคสำรองที่ตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับลุงตู่โดยเฉพาะ แต่หากพิเคราะห์จากประวัติลุงตู่ ที่เป็นคนเรียนเก่ง และผ่านโรงเรียนเสนาธิการทหารมาแล้ว เคยเป็นผู้บัญชาการทหารบกที่คุมกำลังพลสี่แสนกว่าคน จึงเชื่อว่าลุงตู่คงไม่เลือกเป็นแคนดิเดตให้ พปชร. สาเหตุเพราะ พปชร.กำลังเสื่อมศรัทธาจากประชาชน เนื่องจากในพรรค มีคนเล่นการเมืองใต้ดิน บนดินมากเกินไป สุดท้ายเรื่องแดงขึ้นมาทำให้พรรคมีปัญหาทางกฎหมาย และอาจถึงขั้นถูกยุบพรรคได้ หรือ หากไม่ถูกยุบพรรค ก็มีมลทินส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วเมือง
ในกรณีรับเงินบริจาคสามล้านบาทจากนักธุรกิจสีเทาชาวต่างชาติ ที่ได้สัญชาติไทยอย่างน่าเคลือบแคลงสงสัยว่า ได้สัญชาติไทยมาอย่างไร ใครเป็นตัวประสานให้เงินสามล้านบาทเข้ามาถึงพรรคได้ คนที่คบค้ากับนักธุรกิจสีเทาต้องเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน ถึงแม้ คนใน พปชร.จะประสานเสียงว่าเงินบริจาคถูกต้องตามกฎหมาย แต่คนนอกพรรคส่วนใหญ่หาได้คิดเช่นนั้นไม่
สังเกตจากพฤติกรรมอดีตขาใหญ่ พปชร.ที่หายหน้าไปจากสังคมไทย ตั้งแต่มีเรื่องฉาวโฉ่กรณีชาวต่างชาติเสียชีวิต เพราะยาเสพติดในสถานบันเทิงและกรณีสถานบริการ ที่เปิดให้บริการเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติได้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและการพนัน โดยเจ้าของกิจการหรือสถานบริการล้วนเป็นนักลงทุนต่างชาติ มีการตรวจค้น ขยายผลหาเส้นทางการเงิน และความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงเพื่อหาหลักฐานนำผู้ที่กระทำผิดมาดำเนินคดี
ที่น่าสนใจคือ ในการตรวจสอบครั้งนี้ ได้พัวพันถึงอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าอดีตรัฐมนตรีคนนั้น เคยเป็นมือขวาใคร แม้ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.จะระบุว่าได้เข้าค้นอาคารของอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่ง ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่ถึงอย่างไรต้องไล่ตรวจสอบทั้งเส้นทางการเงิน และความเชื่อมโยงทั้งหมด เพื่อตอบคำถามของสังคม และ ผบ.ตร.ให้ได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าพบความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มทุนจีนกับอดีตรัฐมนตรีหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า “ยังไม่พบความเชื่อมโยง พบเพียงแต่ว่ามีบริษัทที่ไปเกี่ยวข้อง ยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมายถ้ามีความเชื่อมโยงแล้วมีพยานหลักฐานก็ดำเนินคดีทั้งหมด หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงถึงอดีตรัฐมนตรี ก็ไม่ละเว้น”
ถึงแม้“บิ๊กโจ๊ก”จะปากกล้าขาสั่น แต่เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตำรวจไทย ถึงแม้เจอตอใหญ่“บิ๊กโจ๊ก”ต้องสืบสวนต่อให้ได้ว่า อดีตรัฐมนตรีที่ว่า มีส่วนช่วยเหลือให้เปิดสถานบันเทิงผิดกฎหมายหรือไม่ และเพราะอะไรหุ้นส่วนของสถานบันเทิงผิดกฎหมายถึงบริจาคเงินให้พรรคการเมืองถึงสามล้านบาท นอกจากตำรวจที่มีหน้าที่สอบสวนเส้นทางเงินส่วนนี้แล้ว คณะกรรมการการเลือกตั้งต้องสอบสวนเส้นทางการเงินที่บริจาคให้พรรคการเมืองว่า เป็นเงินจากธุรกิจสีเทาหรือไม่ ถ้าทั้งตำรวจและกกต.ไม่ทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน ก็ฟันธงว่า “ลุงตู่ไม่ร่วมหัวจมท้ายกับพรรคที่ได้เงินมาอย่างไม่โปร่งใส” ที่สำคัญเงินก้อนนั้น เข้าพรรคเพราะใคร คนที่เป็นศัตรูของลุงตู่ชักนำเงินดำเข้าพรรคหรือไม่
ส่วนพรรคสำรองที่ตั้งขึ้นมาท่ามกลางเสียงฮือฮาเหมือนเห่อกล้วยด่าง ที่มีคนตั้งราคาเป็นแสนเป็นล้านเมื่อปั่นกระแสใหม่ๆ แต่โก่งราคาอยู่ได้ไม่ถึงสองอาทิตย์กล้วยด่างที่ว่าหมดราคากลายเป็นอาหารหมู การตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเพื่อรองรับใครคนใดคนหนึ่ง หรือเพื่อเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งแรกๆ ก็ฮือฮาเหมือนราคากล้วยด่าง ราคาบอนสี เป็นการทำงานการเมืองเฉพาะกิจที่ไม่ยั่งยืน พรรคประเภทนี้มีอายุอยู่ได้ไม่เกินการเลือกตั้งสองสมัย แต่ส่วนใหญ่อยู่ได้สมัยเดียว
จากประสบการณ์ทำข่าวมานานปี จึงกล้าฟันธงว่า ลุงตู่ไม่เป็นแคนดิเดตให้พรรคที่มีข้อครหาเรื่องเงินบริจาคและก็ไม่เป็นแคนดิเดตให้พรรคที่ฮือฮา เหมือนราคากล้วยด่าง
ลุงตู่อาจเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปจนถึงวันที่ 5 เมษายน 2568 โดยไม่ต้องสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคใด เพราะบทเฉพาะกาลห้าปี เปิดทางให้ลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรี นอกบัญชีพรรคการเมืองได้โดยไม่ต้องเปลืองตัว
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี