“สถิติรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับยาเถื่อน ในปี 2565 ปรากฏว่า มีเรื่องร้องเรียนประมาณ 155 เรื่องจาก 3,000 กว่าเรื่อง หรือสัดส่วนประมาณร้อยละ 4.9 เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่รับเรื่องร้องเรียนถือว่าไม่เยอะ แต่ก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่อันตรายเช่นกัน ซึ่งจะโยงกับคนที่ใช้ที่เป็นหมอเถื่อนด้วย”
ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวในวงเสวนา “หมอเถื่อน...ปัญหาที่ควรหมดไปจากสังคม” ซึ่งจัดโดย สมาคมคลินิกไทย ร่วมกับ ทีมแพทย์ไทยร่วมใจพัฒนา เมื่อเร็วๆ นี้ ถึงความเชื่อมโยงระหว่างปัญหายาเถื่อนกับหมอเถื่อน
สำหรับแพทย์ที่มีการรับรอง แม้จะใช้ยาเถื่อนค่อนข้างน้อยแต่ก็มีใช้บ้าง โดยยาเถื่อนดังกล่าวอาจเป็นยาที่ถูกกฎหมายในต่างประเทศแต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาในไทย เมื่อนำเข้ามาจึงกลายเป็นยาที่ผิดกฎหมาย และเป็นยาที่ผลิตไม่ได้มาตรฐาน นอกจากนั้นยังไม่ได้การันตีว่าผลิตภัณฑ์ที่นำเข้ามาเป็นของแท้หรือไม่ ต่อให้อ้างว่านำเข้าจากต่างประเทศใหม่ล่าสุดก็ตาม
อย่างไรก็ตาม หลายคนยังเลือกใช้บริการยาเถื่อนหรือหมอเถื่อนแม้จะรู้ว่ามีความเสี่ยง เนื่องจาก 1.หมดหนทางรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบัน จึงไปหาหมอเถื่อนที่ลือกันว่ารักษาได้ ซึ่งเป็นเรื่องของความเชื่อด้วย 2.เห็นแก่ผลิตภัณฑ์ราคาถูก เช่น เลือกคอร์สรักษาราคาถูก และ 3.ความกลัวตายและความเชื่อ บางทีอาจจะไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่เลือกเชื่อว่าคนคนนั้นจะรักษาโรคได้ แต่บางทีคนไข้ที่ใช้บริการอาจจะไม่มีทางเลือกในการรักษา
“ในส่วนเรื่องร้องเรียนที่เข้ามา กลุ่มคนไข้ที่ใช้บริการที่คลินิกจะมีการร้องเรียนที่ อย. เช่นกัน เนื่องจากคนไข้ต้องการตรวจสอบความถูกต้องของคลินิก ถึงแม้จะเป็นคลินิกที่เป็นอย่างถูกต้องก็ตาม ซึ่งทาง อย. ได้มีระบบสืบค้นข้อมูลการอนุญาตผลิตภัณฑ์ โดยการคีย์ข้อมูลชื่อและเลขผลิตภัณฑ์ที่ต้องการตรวจสอบ ถ้าหากเป็นยาที่ถูกต้องตามกฎหมายจะต้องมีเลขตำรับยา แต่ถ้าเป็นประเภทยาหิ้วจะไม่มีเลขตำรับยาในระบบ ตัวอย่างล่าสุดที่ได้ร่วมงานกับ บก.ปคบ. จะเห็นได้ชัดว่าเวลาค้นข้อมูลของยาปลอมที่เป็นยาแก้ไอ ค้นทะเบียนที่ปลอมพบว่าทะเบียนนั้นได้ยกเลิกไปนานแล้ว ซึ่งประชาชนทั่วไปก็สามารถเข้าไปสืบค้นได้” ภญ.อรัญญา ระบุ
อนุพงศ์ เจริญเวช ผู้อำนวยการฝ่ายรับเรื่องราวร้องทุกข์กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านโฆษณา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า ในส่วนของสถานประกอบการเถื่อนและผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการ ที่ไม่ถูกต้องและผิดกฎหมายก็มีร้องเรียนเข้ามาบ้าง อย่างเช่นกรณี เข้ารับบริการกับสถานพยาบาลแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท ปรากฏว่าพอเข้ารับบริการคนที่รักษาไม่ใช่แพทย์ ถึงแม้จะตรวจสอบก่อนเข้ารับบริการก็ตาม เนื่องจากแพทย์จริงๆ ติดคุกอยู่จึงนำพนักงานมาสวมรอยเป็นแพทย์
อีกกรณีเกิดขึ้นที่จังหวัดสมุทรปราการที่ผู้รับบริการมีความรอบคอบ จึงตรวจสอบสถานบริการแห่งหนึ่ง เนื่องจากไม่มีเลขและไม่มีป้ายแต่เปิดให้คนเข้ารับบริการ ดังนั้น ในส่วนภาคเอกชนสามารถทำธุรกิจที่ถูกกฎหมายได้ แต่ถ้าเป็นธุรกิจเสริมความงามจะมีกฎหมายควบคุมเฉพาะ ผู้ดำเนินการต้องเป็นแพทย์เท่านั้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้ความรู้และเตือนภัย
“การป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งภาคประกอบการสามารถช่วยสอดส่องได้ อีกส่วนควรให้ความรู้กับผู้บริโภคด้วย เนื่องจากปัจจุบันทุกคนอยากสวยและดูดี จึงทำให้เกิดช่องทางของผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่สุจริต ถ้าหากผู้ประกอบการพบเจอแหล่งข้อมูลของคลินิกและหมอเถื่อน สามารถแจ้งกับทางหน่วยงานราชการได้ และภาคประชาชนควรตระหนักไม่เห็นแก่ของราคาถูก” อนุพงศ์ กล่าว
พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) กล่าวว่าเมื่อพูดถึงเรื่องคลินิกเมื่อตรวจค้นมักพบเจอหมอปลอมและยาปลอมควบคู่กันไป ซึ่งแต่ละกรณีมองว่าควรแยกหมอปลอมแบบไหนและร้ายแรงขนาดไหน เช่น คลินิกขออนุญาตถูกต้องแต่ทำเกินช่วงเวลาที่ขออนุญาต จะถูกตีความหมายว่าเป็นคลินิกเถื่อนและหมอเถื่อนอีกประเภทหนึ่งคือหมอกระเป๋าที่ไปทำนอกสถานที่
“ปัญหาหมอเถื่อนและยาเถื่อนไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัว ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญที่ได้รับเรื่องร้องเรียนเป็นประจำ ตัวอย่างกรณีหมอแนนที่เคยเป็นข่าวที่ผ่านมาซึ่งถูกดำเนินคดีเป็น 10 คดี แต่หลังที่พ้นโทษจึงได้อายัดตัวไว้เนื่องจากอาจจะกระทำผิดอีก โดยใช้ข้อกฎหมายเกี่ยวกับนำไปเสียซึ่งเอกสารซึ่งเป็นการป้องกันเหตุก่อนที่จะเกิดขึ้น โดยเรื่องหมอเถื่อนไม่ใช่เรื่องไกลตัวเป็นปัญหาที่สำคัญ และทำให้มีปัญหาครอบครัวตามมา” พ.ต.อ.เนติ กล่าว
ชาตรี พินใย รักษาการผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ทุกปัญหาที่เกิดขึ้นไม่สามารถที่จะอาศัยภาครัฐเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยประชาชนทุกคนช่วยกันสอดส่องด้วย ซึ่งผู้ประกอบการเป็นได้ทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา ส่วนผู้ดำเนินการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพสามารถตรวจสอบได้ที่แพทย์สภา ส่วนวิธีสังเกตว่าคลินิกถูกต้องหรือไม่ ให้สังเกตที่ป้ายหน้าร้านจะมีเลข 11 หลักที่กำหนดไว้
“ถ้าเป็นสีเขียวคือคลินิกเวชกรรมและสีม่วงคือทันตแพทย์ เมื่อเข้าไปในคลินิกให้สังเกตป้ายสีฟ้าที่จะบอกว่าแพทย์ชื่ออะไร และเลข ว. เท่าไร ในส่วนเรื่องของกฎหมายโดยกฎหมายไหนที่เกี่ยวข้อง ผู้กระทำผิดจะถูกดำเนินคดีในข้อหาอื่นๆ ด้วย เช่น ถ้ามีการฟอกเงินก็ดำเนินคดีด้วย ตัวอย่างคดีอุ้มบุญ ที่ให้ ปปง. เข้ามายึดทรัพย์สินทั้งหมด เนื่องจากถือว่าเป็นการฟอกเงิน” รักษาการ ผอ.กองกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี