แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
nn ฉะนั้นที่พูดเริ่ม เริ่มต้นนี้ดูท่าทางเหมือนว่าน้อยใจว่าอายุมาก แต่ว่าถ้าอายุมากขึ้น มันก็เป็นประโยชน์ ได้เปรียบ คนไหนที่อายุน้อยๆ เสียเปรียบ เพราะไม่มีความรู้ เรียกว่าคนที่อายุน้อยๆ เป็นคนที่เซ่อ เป็นคนที่ไม่มีความสามารถ ฉะนั้นคนที่อายุมากๆ เป็นคนที่ได้เปรียบ เพราะว่าถ้าใช้คุณสมบัติของคนที่มีอายุ เรียกว่ามีประสบการณ์ ก็ต้องถือว่าเป็นคนที่ได้เปรียบ แล้วก็คนที่อายุน้อยอาจจะดูถูกคนที่อายุมาก เพราะมีปมด้อยนั่นเอง คนที่อายุน้อยๆ นึกว่าไม่มีความสามารถ เลยต้องดูถูกคนที่อายุมาก แต่ก็ขอบอกว่าคนที่อายุมาก ถ้ารักษาความดี รักษาคุณสมบัติ คุณธรรม ก็ได้เปรียบคนที่อายุน้อย และในประเทศชาติ ถ้ามีคนที่มีอายุมาก และได้เปรียบ ชาติบ้านเมืองจะก้าวหน้าได้ ถ้ามีแต่คนเด็กๆ ที่ไม่ถือว่ามีความสามารถแล้ว ชาติบ้านเมืองไม่ก้าวหน้า จะต้องพูดอย่างนี้ ท่านผู้ใหญ่ก็อาจจะบอกว่า นี่แหละ คนที่อายุมากนี่ มีประโยชน์... (ความตอนหนึ่งจากพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2549 ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน) ...
nn ดูชื่อพรรคการเมืองไทยที่เกิดใหม่แต่ละพรรคแล้ว น่าสงสัยว่า ทำไมต้องตั้งชื่อพรรคเช่นนั้น ยกตัวอย่างเช่น รวมไทยสร้างชาติ สร้างอนาคตไทย ไทยสร้างไทย รวมแผ่นดิน เป็นต้น อันที่จริงยังมีชื่อพรรคประหลาดๆ อีกมิใช่น้อย แต่ทว่าประหลาดเสียจนไม่น่าจะมีใครให้ความสนใจ เพราะประหลาดแบบไม่ชวนให้จดจำ และไม่มีอะไรให้น่าติดตาม...
nn กลับไปดูคำว่า รวมกับสร้าง ที่ปรากฏอยู่ในชื่อพรรคการเมืองใหม่ๆ แต่ทว่ามีแต่นักการเมืองหน้าเก่าๆ ไปรวมตัว (บางคนบอกว่าสุมหัว) กันมากมาย ก็เลยมีคำถามจากสาธารณชนว่า ทำไมต้องตั้งชื่อพรรคว่ารวมหรือสร้าง ใครทำให้ประเทศไทยแตกแยก หรือใครทำลายประเทศไทย...
nn หากจะพูดกันตรงๆ แล้ว นักการเมืองที่ไปตั้งพรรคใหม่ก็ล้วนแล้วแต่เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวงการเมืองไทยมาอย่างน้อยๆ ก็ 30 ปี แต่บางรายก็มากถึง 40 ปี เพราะฉะนั้นการที่ประเทศไทยแตกแยก หรือถูกทำลาย ก็น่าจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับนักการเมืองหน้าเก่าๆจำนวนหนึ่งด้วย เพราะฉะนั้นก็จึงทำให้เกิดคำถามอีกว่า สรุปว่านักการเมืองหน้าเก่า ที่อาจมีส่วนทำให้บ้านเมืองแตกแยก หรือถูกทำลายไปแล้ว ยังมีหน้าจะมาอ้างว่าสร้างชาติ รวมชาติ ได้อีกหรือ เคยมีคนทำลายชาติกลับมาสร้างชาติได้หรือ...
nn นักการเมืองไทยนี่หนาแสนประหลาด เมื่อได้เสพอำนาจรัฐมาสักระยะหนึ่ง ก็จะเสพติดอำนาจรัฐแบบถอนตัวไม่ขึ้น บางรายหวังจะเกาะตำแหน่ง สส. ไปจนตายบางรายเกิดอาการคล้ายคนเสียสติ เมื่อพรรคที่สังกัดประกาศไม่ส่งลงสมัครแข่งขันชิงตำแหน่ง สส. ก็โวยวายสารพัด อ้างบุญคุณต่างๆ นานาสารพัน เช่น อ้างว่าปราบทุจริตคอร์รัปชั่นมาตลอด อ้างว่าทำความสะอาดเอี่ยมให้แผ่นดินมาแสนนาน บางรายก็อ้างว่าจงรักภักดีกับพรรคที่สังกัดมาทั้งชีวิต แต่เหตุไฉนพรรคจึงมาหักหลังตนเองได้ บางรายก็อ้างว่าถ้าไม่ได้ลงชิงตำแหน่ง สส. ในนามพรรคเดิมที่เคยสังกัด ก็จะไปเคลื่อนไหวนอกสภา บางรายอ้างว่าเคยเป็นนักข่าวมาก่อน สารพัดจะอ้าง แต่คนอ้างแบบนั้นคงลืมเบื้องหลังของตนไปแล้วว่า สมัยเป็นนักข่าวนั้นเคยก่อวีรกรรม วีรเวรที่แสบสันเอาไว้บ้าง น่าตลกขบขันมากที่วันหนึ่งเมื่อจับพลัดจับผลูไปเป็น สส. ก็เลยนึกว่าตนเองเป็นที่รักใคร่ของประชาชน แล้วทำเป็นลืมอดีตที่มีสีเทาๆ ของตนไป ถามจริงๆ เถอะที่ได้เป็น สส. นั้น ชาวบ้านเขารักจริงๆ เขาเลือกโดยไม่มีอะไรให้กับชาวบ้านเป็นเครื่องตอบแทนจริงๆ หรือ แน่ใจหรือว่าจริง...
nn ถ้าคนได้เป็น สส. ส่วนหนึ่งของไทยเป็นคนขาวสะอาดจริงๆ แล้ว รับรองว่าโจรในบ้านเมืองนี้ก็น่าจะสะอาดประมาณเดียวกันกับ สส. จำพวกที่ว่านั้น เพราะโจรไม่เคยยอมรับว่าตนเองเป็นโจร ส่วน สส. จำนวนไม่น้อยก็ไม่เคยยอมรับว่าตนเองซื้อเสียง และทุจริตเลือกตั้ง สส. บางรายถูกจับว่าทุจริต ยังลอยหน้าเถียงว่า ตนเองยังบริสุทธิ์ เพราะยังไม่ได้เข้าคุก เออ! เอากับพ่อสิ แสนจะทนจนเกินบรรยาย...
nn กล่าวถึง สส. มาก็เยอะแล้ว ก็ขอกล่าวไปถึงคนที่บอกว่ารังเกียจการรัฐประหารบ้าง คนพรรค์อย่างว่านี้น่าสมเพชมิใช่น้อย ปากบอกว่าเกลียดรัฐประหาร ไม่สนับสนุนรัฐประหาร แต่กลับรับตำแหน่งที่คณะรัฐประหารมอบให้หน้าตาเฉย แล้วก็ยังอ้างอีกว่าเข้าไปทำการเปลี่ยนแปลงให้บ้านให้เมืองมากมาย แต่ปากก็บอกว่าไม่สนับสนุนรัฐประหาร ขอถามตรงๆ ว่า คนที่ไม่สนับสนุนรัฐประหารจริงๆ จะเข้าไปทำงานร่วมกับคณะรัฐประหารได้อย่างไร ส่วนสื่อมวลชนบางจำพวกก็บอกว่าไม่สนับสนุนรัฐประหาร แต่ก็สรรเสริญคนที่คณะรัฐประหารมอบตำแหน่งสำคัญให้ สรุปว่าไม่สนับสนุนรัฐประหาร จริงหรือ หรือว่าเป็นพวกเกลียดตัว (แต่) กินไข่ เกลียดปลาไหล (แต่) กินน้ำแกงหรือปากว่าตาขยิบ ปากอย่างใจอย่าง มือถือสากปากถือศีล...
nn ผู้อ่านแนวหน้าที่เคยติดตามการนำเสนอเรื่องราวแสนประหลาดสารพัดชนิดในไทยพีบีเอส หรือชื่อทางการอย่างเต็มๆ ว่า องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ซึ่งแนวหน้านำเสนอให้ทราบมาเป็นระยะๆ ถามมาว่า รู้สึกอย่างไรกับการที่ผู้บริหารไทยพีบีเอสบางคนแสดงความรับผิดชอบหลังจากถูกสังคมกดดันอย่างหนักเรื่องการนำเสนอข่าวผิดพลาดเป็นประจำ โดยผู้บริหารระดับสูงรายหนึ่งลาออก ส่วนผู้บริหารระดับเกือบสูง แต่อยู่มานาน แล้วก็ผิดพลาดมาเป็นระยะๆ รับผิดชอบด้วยการยอมให้ตัดเงินเดือนหลักแสน ด้วยการตัดเงินเดือน 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นระยะเวลายาวนานมาก คือตั้ง 1 เดือน (อ่านว่าหนึ่งเดือน) ส่วนผู้อำนวยการขององค์การฯ ก็บอกอีกแล้วว่าตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยผู้เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นอีก แล้วยังบอกอีกว่าองค์การฯ มีความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดทุกครั้งที่เกิดขึ้น และปรับปรุงการทำงานมาโดยตลอด เพื่อรักษามาตรฐานสื่อสาธารณะ...
nn คำถามที่ตามมาคือ ไทยพีบีเอสทำงานผิดพลาดมาแล้วกี่ครั้ง แล้วรับผิดชอบความผิดพลาดครั้งก่อนๆ อย่างไรบ้าง แล้วที่บอกว่าตั้งคณะกรรมการสอบวินัยนั้น ความผิดก่อนๆ ตั้งหลายครั้งได้ข้อสรุปอย่างไรบ้าง มีการลงโทษใครบ้าง หรือลงโทษแค่เพียงพนักงานระดับปลาซิวปลาสร้อยเท่านั้น แต่เท่าที่ทราบนั้น การตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบหาความจริงในเรื่องที่ถูกร้องเรียนมากมาย ไม่เคยปรากฏสู่สาธารณชนแม้แต่น้อย คนในไทยพีบีเอสรู้เรื่องนี้ดี จนกล่าวกันว่า ตั้งคณะกรรมการก็เพื่อแก้เกี้ยวเท่านั้น แต่ไม่เคยแก้ปัญหาได้อย่างจริงๆ จังๆ ตั้งแล้วก็ตั้งอีกซ้ำกันไปซ้อนกันมา หาข้อสรุปไม่เจอ...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี