เมื่อปี ค.ศ. 1904-1905 ราชอาณาจักรรัสเซียได้ส่งกองเรือรบฝูงใหญ่ เคลื่อนจากทางตะวันออกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก ลงสู่ทางตอนใต้ เข้าสู่มหาสมุทรอินเดีย ผ่านตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันออกเฉียงใต้และมุ่งเหนือไปสู่ราชอาณาจักรญี่ปุ่น เพื่อทำการสงครามและปราบปรามญี่ปุ่น แต่เมื่อกองเรือรบทั้งสองเผชิญหน้าและเข้าต่อกรกันภายในเวลาอันสั้น กองเรือรบรัสเซียกลับถูกกองเรือรบญี่ปุ่นทำลายลงอย่างสิ้นเชิง สร้างความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงแก่กองทัพรัสเซีย โดยเฉพาะในด้านเกียรติภูมิและหน้าตา
หลังจากนั้นก็มีการวิเคราะห์และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่า ทำไมฝ่ายกองเรือรบรัสเซียที่ดูจะมีแต้มต่ออย่างมาก ถึงได้พ่ายแพ้ต่อญี่ปุ่นอย่างง่ายดายเพียงนั้น ผลสรุปออกมาว่า ฝ่ายรัสเซียนั้นขาดการเตรียมการอย่างรัดกุม ไม่ได้รู้เขารู้เรา โดยเฉพาะบรรดาผู้บังคับการเรือรัสเซียนั้น ขาดซึ่งความเป็นเอกภาพ และความคล่องตัวทางด้านยุทธวิธี
มาถึงวันนี้ หนึ่งร้อยกว่าปีต่อมา กำลังทัพบกรัสเซียได้เคลื่อนตัวเข้าสู่อาณาเขตของยูเครน ซึ่งทั้งชาวรัสเซียและชาวโลกล้วนต่างก็คิด และก็เชื่อว่า ฝ่ายกองทัพรัสเซียนั้นคงจะพิชิตศึกยูเครนได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่การณ์กลับปรากฏว่า สงครามรุกรานยูเครนนั้นกลับกินเวลาถึง 9 เดือนกว่าแล้ว และยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด ทุกคนก็เกิดคำถามเช่นเดียวกับครั้งยุทธการเรือรัสเซีย-ญี่ปุ่นว่า เหตุที่กองทัพรัสเซียซึ่งดูแสนจะเกรียงไกรน่าเกรงขาม ถึงอ่อนศึกสงครามถึงเพียงนี้
ซึ่งก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่า เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะ
1.ฝ่ายกองทัพรัสเซียขาดการฝึกฝนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยเฉพาะการสงครามสมัยใหม่ที่เทคโนโลยีการสื่อสารมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
2.ฝ่ายกองทัพรัสเซียมิได้ศึกษาและประเมินขีดความสามารถของยูเครนอย่างถี่ถ้วนถ่องแท้ โดยเฉพาะการที่ฝ่ายกองทัพยูเครนได้รับการฝึกฝนการสู้รบและการใช้อาวุธที่ทันสมัยจากฝ่ายสหรัฐอเมริกาและอังกฤษเป็นสำคัญ
3.ฝ่ายกองทัพรัสเซียด้อยพัฒนาทางเทคนิคกว่าฝ่ายสหรัฐฯ และอังกฤษ รวมทั้งเยอรมนีและโปแลนด์ โดยเฉพาะเรื่องการข่าวกรอง ที่อาศัยดาวเทียมอำนวยข้อมูล ทำให้ฝ่ายยูเครนสามารถรู้ที่ตั้งและการเคลื่อนไหวต่างๆ ของฝ่ายรัสเซียได้ชัดเจนและแม่นยำ ฝ่ายสหรัฐฯ และพันธมิตรยุโรปของยูเครน มีอาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งจรวดขีปนาวุธ ปืนใหญ่ และปืนรถถัง ที่มีวิถีกระสุนยาวไกลกว่าของรัสเซีย และมีความแม่นยำกว่ามาก
4.ฝ่ายกองทัพรัสเซียมีประเด็นปัญหาของการส่งกำลังบำรุง และการปกป้องคุ้มครองความปลอดภัย
5.โครงสร้างการบังคับบัญชาของฝ่ายกองทัพรัสเซีย เน้นหนักไปทางด้านการรวมศูนย์บัญชาการ ขาดความยืดหยุ่นในยุทธวิธี และการปล่อยให้ผู้นำการสู้รบทำการตัดสินใจได้ด้วยตนเอง จึงขาดความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนยุทธวิธีเฉพาะหน้า ทั้งนี้ก็สะท้อนด้วยว่า แม่ทัพนายกองของรัสเซียในระดับสูงไร้ประสิทธิภาพ อีกทั้งก็ยังมีข่าวคราวของการทุจริตคอร์รัปชั่นอีกด้วย
6.ฝ่ายทหารยูเครนเข้าต่อสู้ด้วยกำลังใจเต็มเปี่ยม เพราะเป็นเรื่องความอยู่รอดของประเทศ ส่วนฝ่ายทหารรัสเซียมาในฐานะผู้บุกรุก โดยไม่รู้สาเหตุแน่ชัดว่า ทำไมถึงเป็นผู้บุกรุก และฉะนั้นก็ขาดแรงบันดาลใจและความมุ่งมั่น ก็ทำการสู้รบไปตาม
คำสั่งเท่านั้น
ในที่สุดวันนี้ ฝ่ายกองทัพรัสเซียได้ถอยร่นจากกลางประเทศยูเครนโดยประมาณ กลับมาตั้งมั่นอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน และยันทัพฝ่ายยูเครนไว้ เท่ากับเป็นการหลีกเลี่ยงการปะทะแบบหนักหน่วง และหันมาใช้วิธีการอื่นในการกดดันฝ่ายยูเครน และสร้างความอ่อนแอให้กับยูเครน คือการใช้จรวดขีปนาวุธระดมยิงทำลายโครงสร้างพื้นฐานของการคมนาคม ทำลายสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา และท่อแก๊ส เพื่อตัดความสะดวกในชีวิตประจำวันและเพิ่มความเดือดร้อน โดยมุ่งหวังว่าชาวยูเครนจะออกมาเรียกร้องให้ฝ่ายรัฐบาลเปิดการเจรจากับฝ่ายรัสเซีย เพื่อหาข้อยุติร่วมกัน หรือให้ฝ่ายรัฐบาลยูเครนได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนพลเมืองเป็นสำคัญ มากกว่าการสู้รบเพื่อเอาแพ้เอาชนะ และฉะนั้นก็จะตัดสินใจขอเปิดการเจรจากับฝ่ายรัสเซีย
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็หมายความว่า ฝ่ายรัสเซียได้ใช้การทำลายล้างโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค เป็นการทำสงครามในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มีผลกระทบต่อฝ่ายประชาชนที่มิได้เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพยูเครน ทั้งนี้ฝ่ายผู้นำยูเครนก็ตกอยู่ในสถานะที่จะเลือกมุ่งเอาชัยชนะในสนามรบ หรือจะเลือกสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวยูเครนเป็นที่ตั้งดังกล่าว
ในการณ์เช่นนี้ก็คงจะไม่ผิดนัก หากจะกล่าวว่า กองทัพรัสเซียนั้นเกรียงไกร แต่ก็กลวงภายใน ไม่มีขีดความสามารถที่จะเอาชนะด้วยกำลังรบ จนต้องหันไปใช้ยุทธวิธีกดดันพลเรือนชาวยูเครน ผ่านทางการทำลายเครือข่ายสาธารณูปโภคพื้นฐาน ให้ประชาชนชาวยูเครนต้องประสบความลำบาก เสมือนใช้ความทุกข์ยากของชาวยูเครนเป็นเครื่องมือบีบรัฐบาล และกองทัพยูเครนให้หันมาเจรจา
ยิ่งปล่อยให้สงครามยืดเยื้อนานวัน ความหายนะของชาวยูเครนก็จะยิ่งมากขึ้น และฉะนั้นชาวโลกก็คงจะอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ ต้องกระทำการหนึ่งใดเพื่อช่วยเหลือชาวยูเครนที่สิ้นไร้ไม้ตอก เช่น การเรียกร้องให้มีการหยุดยิง การช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม การฟื้นฟูสาธารณูปโภค ควบคู่ไปกับการกลับสู่โต๊ะเจรจา และก็มีความเป็นไปได้ว่ากองทัพรัสเซียผู้บุกรุกจะกลายสภาพเป็นกำลังพล เพื่อช่วยบูรณะฟื้นฟูยูเครนภายในกรอบขององค์การสหประชาชาติ
หากกองทัพรัสเซียหยุดรุกไล่ประชาชนชาวยูเครน แล้วหันมาให้ความช่วยเหลือดังที่ว่าได้ ก็น่าจะยังพอสืบสานความเกรียงไกรของตนเองไว้ได้ในระดับหนึ่ง และสภาวะสันติภาพของโลกก็พอมีโอกาสจะเกิดขึ้นได้
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี