ในช่วงเทศกาลอำลาปีเก่า และการเฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่นี้ พวกเราชาวพุทธส่วนใหญ่ก็มักจะไปทำบุญ ตักบาตร สวดมนต์ขอพรข้ามปี ทำทาน บ้างก็ออกไปตระเวนไหว้พระ 9 วัด บ้างก็มีการจัดเลี้ยงสังสรรค์กันในหมู่มิตรสหาย และกิจกรรมที่สำคัญก็คือ การไปกราบไหว้ผู้ใหญ่เพื่อขอพร ซึ่งทั้งหมดก็เป็นเรื่องการปฏิบัติตามประเพณีวัฒนธรรม ที่มีมายาวนานในสังคมไทยพุทธ
การทำบุญทำทานต่างๆ เหล่านี้ ก็นำมาซึ่งความเบิกบานใจ และการเสริมสร้างความปีติและความมั่นอกมั่นใจให้กับชีวิตในช่วงตลอดปีใหม่นี้นอกจากนั้นหลายๆ คนก็ยังตั้งมั่นอธิษฐานที่มุ่งจะกระทำแต่ความดีงาม และไหว้ขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้โปรดคุ้มครองและสนับสนุนส่งเสริม ซึ่งก็จัดได้ว่าเป็นปฏิบัติทางกายภาพเป็นหลัก
แต่จะมีกี่คนเล่าที่จะให้เวลากับตนเองในการพินิจพิจารณาซึ่งสภาวะจิตใจ เพื่อหาความสงบ เพื่อมุ่งมั่นมิให้สิ่งยั่วยวน และความคิดอ่านที่ไม่เป็นกุศลได้เข้ามาบ่อนทำลายหรือคุกคามสภาวะจิตใจ อีกทั้งก็จะตั้งจิตใจให้มั่นคงเพื่อยืนหยัดอยู่กับความดีงามทั้งหลายทั้งโดยทางกาย วาจาและใจ
ซึ่งหากแต่ละคนสามารถให้เวลาดังกล่าวกับตนเองได้ ก็จะเป็นการให้รางวัล ให้ของขวัญ แก่ตัวเราเองในช่วงปีใหม่นี้ เพราะเราจะได้มีเวลาที่จะอยู่กับตนเอง ทบทวนตนเอง และตั้งเข็มทิศที่จะใช้ชีวิตในช่วงปีใหม่นี้ ไปในทิศทางของศีล สมาธิ และปัญญา
ในช่วงปีที่ผ่านมา เราต่างก็สาละวนกับเรื่องการงาน กับเรื่องครอบครัวและญาติมิตร และเราก็ได้ตกอยู่ท่ามกลางข่าวคราวของบ้านเมืองและสังคมที่มักจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นมงคล เพราะเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงสับสน โหดเหี้ยม โหดร้าย และพฤติกรรมต่างๆ ไร้ซึ่งความเป็นเพื่อนมนุษย์และเอื้ออาทรต่อกันและกัน เท่ากับว่าเราต่างตกอยู่ท่ามกลางของความไม่ดีไม่งามต่างๆ มากมายทุกวี่ทุกวัน และหากเราคิดที่จะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อแก้ไขหรือยุติปัญหาต่างๆ นานา นั้น ก็เกินความสามารถ ซึ่งจะหาผู้ใดที่จะพึ่งพาก็แสนจะยากลำบาก เพราะต่างก็ตกอยู่ในสภาวะความสับสนเช่นกัน หรือไม่ก็ได้ทำตนให้เป็นต้นเหตุและเป็นตัวปัญหาเสียเอง
เราต่างก็ได้มองข้ามการหาและให้เวลาให้กับตัวเอง เพื่อหาความสงบภายใน แต่เมื่อปีเก่านี้กำลังผ่านพ้นไป ก็ควรต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้นโดยในปีใหม่ที่จะถึงนี้ เราต่างอยู่ในฐานะที่จะตั้งหลักได้จึงถือเป็นภาระหน้าที่ของทุกคนที่จะให้เวลากับตนเอง พินิจพิจารณาจิตใจภายในของเราเอง เพื่อให้สามารถเป็นพลเมืองและเพื่อนมนุษย์ที่ดีต่อกันและกันได้
ยิ่งเราแต่ละคนปรับปรุงตัวเราเองได้เท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นการช่วยสังคมโดยรวมเท่านั้น เพราะเราจะสามารถร่วมเป็นพลังแห่งความดีงามได้ และเมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็จะสามารถต้านทาน ปราม และขจัดผู้ที่ยังหลงระเริงไปกับอำนาจวาสนาที่มิชอบ และการใช้ชีวิตที่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น เมื่อพลเมืองส่วนใหญ่เป็นคนดี พลเมืองส่วนน้อยที่ไม่ดีก็ไม่สามารถที่จะผงาด หรือยืนอย่างทะนง ไม่กลัวฟ้ากลัวดินอีกต่อไปได้
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี