“วิวาทะออนไลน์” ระหว่าง “นักวิเคราะห์การเมือง” ชื่อ “ไพศาล พืชมงคล” กับองครักษ์เสื้อทองพิทักษ์ “ลุงตู่” ชื่อ “ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์” นั้น นับว่าเป็น “สีสัน” และเป็น “รอยเท้าทางการเมือง” ที่น่าสนใจ ว่า สิ่งที่ทั้งสองพยายามสื่อสารและหักล้างกันอยู่ในทีนั้น สะท้อนอะไรใน “ความเป็นจริง” ทางการเมือง ในช่วง “หัวเลี้ยวหัวต่อ” ของอนาคต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถึงเวลา “เปลี่ยนนั่งร้าน” จากพรรคพลังประชารัฐ มาเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นพรรคที่องครักษ์เสื้อทองเป็นคน “ตอกเสาเข็ม” และต้องเซ้งให้ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ขึ้นนั่งบัญชาการบนตึกแทนในเวลาต่อมา
1) นายไพศาล พืชมงคล โพสต์เฟซบุ๊กว่า...#นับถอยหลังการเลือกตั้ง “โห่ทางเหนือ แต่เข้าตีทางใต้”
1.พรรครวมไทยสร้างชาติ ขยับตัวให้เป็นที่สนใจมาตั้งแต่ครั้งท่านปลัดฉิ่งเรืองอำนาจในมหาดไทย ทำให้เข้าใจว่าเป็นพรรคหลัก ที่จะเสนอชื่อนายกในสมรภูมิเลือกตั้ง แต่จนถึงวันนี้ก็ยังเป็นเช่นที่รู้กันอยู่ ที่แท้พรรคเทิดไทย ของท่าน ดร.แรมโบ้ศิษย์เก่าสำนักเม้งก่าของลุงจิ๋ว ต่างหากที่จะเป็นของจริง!!!!
2.พรรคเทิดไทยเคลื่อนไหวเปิดหมู่บ้าน “เทิดไท้องค์ราชัน” เกือบ 30,000 แห่งทั่วประเทศ ไม่ใช่การเคลื่อนไหวแบบโจรโพกผ้าเหลือง แต่ใช้เสื้อเหลืองเป็นสัญลักษณ์ “ชูธงเทิดไท้องค์ราชัน” ทำให้สะดุดตาแก่มวลสมาชิกจิตอาสา 7 ล้านคนรวมครอบครัวด้วยก็จะเป็น 10 ล้านคน คำนวณเป็น สส.ปาร์ตี้ลิสต์ได้ ร่วม 25 คน และอาจได้ สส.เขต 20 คน รวมเป็น 45 คน ฝ่าด่านหินสส. 25 คนสบายใจเฉิบยอดมาก!!!
3.ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นแบบปุบปับฉับไว หลังการขยับฝ่ามือพระยูไลของหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล
• เกิดการเปลี่ยนชื่อพรรคเป็นพรรคราษฎร์วิถี
• ดร.แรมโบ้ลาออกจากหัวหน้าพรรคราษฎร์วิถี กลับมาพรรครวมไทยสร้างชาติ
• ลุงตู่ขวัญใจของ 2 ดอกเตอร์แสดงท่าทีจะสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ กองเชียร์โหมกระแสตัดไม้ข่มนาม ว่ากำลังใช้ตำราล้านนาเลือกหาฤกษ์ วันราชาโชคหรือวันอมฤตโชค!!!ว้าวๆๆๆ
4.หรือว่าแผน “ตีทางใต้” แก้ปัญหาด่านหิน สส. 25 คนพังพาบเสียแล้ว จึงต้องหันมา “โห่ทางเหนือ” เข้ารวมไทยสร้างชาติออกศึก????
ทว่าขณะนี้ ที่ปรากฏตัวก็มีนักการเมืองปาร์ตี้ลิสต์ คือ ท่าน 4 ดอกเตอร์ และท่านเลขาธิการขิง สิริรวมแล้ว 5 ท่านโดยยังไม่เห็นนักการเมืองเขตเลือกตั้ง แม้แต่สักคนเดียว
ดังนี้จะฝ่าด่านหินส.ส 25 คนได้หรือ?
1) โพสต์นี้ เล่นเอา ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ ท่านแรมโบ้อีสาน ผู้รับใช้มาแล้วทุกขั้ว ทั้งขั้วทุนนิยมสามานย์ แกนนำม็อบเผาบ้านเผาเมือง และฝ่ายเสนา
ธิปไตยลายพราง ร้อนอาสน์ ออกมาฟาดคุณไพศาลอย่าง“มีอารมณ์” ว่า...
“...พรรครวมไทยสร้างชาติจะสามารถฝ่าด่าน สส. 25 คนหรือไม่ ก็ขอให้รอดูหลังการเลือกตั้ง และไม่ควรออกมาวิจารณ์ซ้ำๆ เช่นนี้ นอกจากนี้ ตนเองยังมองว่านายไพศาลไม่ควรไปพาดพิง หรือวุ่นวายกับพรรคการเมืองอื่นในลักษณะนี้ เหมือนมีธงในใจว่า สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจนออกหน้าชัดเจนเกินไปตนก็อยากให้ประกาศให้ชัดเจนว่า สนับสนุนพรรคไหนกันแน่ จะได้ไม่สงสัยอีกต่อไป
...ส่วนการเตรียมว่าที่ผู้สมัครนั้น นายไพศาลไม่ต้องเป็นห่วง เพราะแกนนำพรรคยืนยันมาแล้วว่าจะส่งครบทุกเขต ที่ผ่านมาแกนนำพรรคได้ลงพื้นที่หลายจังหวัดทยอยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครแล้ว และตนเองมั่นใจว่า ว่าที่ผู้สมัครของพรรคในแต่ละพื้นที่ทั้งเป็นอดีต สส.หรือผู้สมัครหน้าใหม่ เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ มีโอกาสสูงที่จะได้รับการสนับสนุนไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนมากที่สุด
...การที่นายไพศาลออกมาพูดเรื่องพรรครวมไทยสร้างชาติจะฝ่าด่าน สส.25 คนหรือไม่ นั้น ตนเองมองว่าเหมือนเป็นการพูดดูถูกดูแคลนพรรคมากกว่า และที่ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กในลักษณะนี้ซ้ำๆ ก็อาจจะเป็นเพราะว่า นายไพศาลกลัวหรือว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะได้ที่นั่งในสภาฯ แบบถล่มทลาย ตนก็บอกไปตรงๆ เลยว่า ยังไง พล.อ.ประยุทธ์มีโอกาสกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งมากกว่าทุกคนอย่างแน่นอน
...ทั้งนี้ ตนเริ่มชักสงสัยว่า ช่วงนี้นายไพศาลออกมาโพสต์แขวะนายกฯ และพรรครวมไทยสร้างชาติ แบบรายวัน ตนมองว่า นายไพศาลคงมีคำถามที่น่าสงสัย 5 ประการ ดังนี้
1.ทำไม่พุ่งเป้ามาที่ พล.อ.ประยุทธ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ เท่านั้น
2.กลัวกระแส พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีผลงานมากมายตลอด 8 ปี จะทำให้กระแสถล่มทลาย เหนือกว่าพรรคชอบขี้โม้แลนด์สไลด์จึงต้องออกมาเตะสกัดไว้ก่อน
3.ถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติชนะเลือกตั้งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะทำให้โหรอย่างนายไพศาลหมดความเชื่อถือไปอย่างสิ้นเชิง
4.ถ้ารวมไทยสร้างชาติชนะถล่มทลาย ดีลจับมือตั้งรัฐบาลที่นายไพศาลวิเคราะห์ไว้ จะอกหักชอกช้ำกันเป็นแถวๆ เพราะไปเชื่อคำแนะนำจากนายไพศาล
และ 5.สุดท้ายกลัวพรรคเพื่อไทยน้องอุ๊งอิ๊งจะไม่ได้เป็นนายกฯ และพาพ่อทักษิณกับอายิ่งลักษณ์ กลับบ้านไม่ได้เช่นนั้นใช่ไหม หรือนายไพศาลปรารถนาอยากให้รัฐบาลเพื่อไทยออกกฎหมายนิรโทษสุดซอยช่วยให้คนโกงกลับประเทศอีกเหมือนรัฐบาลเพื่อไทยที่เคยทำมาแล้ว จนบ้านเมืองวุ่นวายอย่างนั้นใช่ไหม
“ก็เป็นคำถามที่ไม่ฉลาดมากนักจาก ดอกเตอร์บ้านนอกอย่าง ดร.แรมโบ้ เพราะเป็นข้อคิด ชวนน่าสงสัยที่ตนมีสิทธิ์คิดได้ เพราะนายไพศาลออกมาโพสต์รายวัน ทำตัวเป็นโหรทำนายทายทัก ถี่เหลือเกิน จ้องแต่จะแขวะนายกฯ ประยุทธ์ และพรรค รทสช.เท่านั้น ไม่รู้พี่แกมีอคติอะไรกันนักกันหนาหรือกินยาผิดขนานหรือเปล่าก็ไม่รู้”นายเสกสกล กล่าว
2) ก่อนหน้านี้ นายไพศาลเคยโพสต์ข้อความว่า...
1.เสียงของประธานวุฒิสภาก่อนสิ้นปี ที่แถลงว่า สว.มีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าจะสนับสนุนใครเป็นนายก เป็นครั้งแรกที่คนระดับประธาน สว. เปิดเผยชัดว่า สว.แบ่งออกเป็น2 กลุ่มแล้ว!!!
แต่ความจริงยังมีมากกลุ่มกว่านั้นคือ
• กลุ่ม สว.เลือกตั้ง 50 คน ที่อาศัยเครือข่ายบ้านใหญ่ ก็ถูกนักการเมืองบ้านใหญ่ดึงไปเป็นพวกโดยเฉพาะเพื่อไทยและภูมิใจไทย
• กลุ่มแป๊ะ อีกราว 20 กว่าคนที่แบ่งเลือกข้างกันแล้ว
• กลุ่มข้าราชการประจำ ประเภทผู้บัญชาการเหล่าทัพ อีก 6 คน ถ้าพูดอะไรในวันไหนเสียงก็จะดังกว่าใครในวันนั้น!!!
2.ฐานสว. ที่เป็นตัวตั้ง 250 คน ในการเลือกนายกรัฐมนตรีจึงไม่เหมือนปี 2562 อีกแล้ว ทำให้อำนาจต่อรองที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ของพลเอกประยุทธ์ฮวบลงทันที!!!!
3.ฐาน สว.ของพลเอกประยุทธ์อยู่ที่กลุ่ม วปอ.50 และรุ่นพี่รุ่นน้องรวมทั้งสายป๋าเปรมบางส่วน มีจำนวนน้อยกว่าฐาน สว.สายลุงป้อม ซึ่งมีฐานระดับ 100 คน มาก
จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศจึงแห่กันเข้าเยี่ยมอวยพรลุงป้อมชนิดหัวบันไดไม่แห้ง!!!
4.การประกาศจุดยืนของประมุขบ้านใหญ่บุรีรัมย์ ที่พร้อมจับมือกับพรรคเพื่อไทย เป็นท่าทีที่ชัดเจนว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ใช่ของตายของใครอีกแล้ว!!!!
รูปการณ์ก่อเค้า รัฐบาลผสม 3 พรรคใหญ่“เพื่อไทย-ภูมิใจไทยและพลังประชารัฐ” ในขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติยังเผชิญกับด่านหิน สส. 25 คน หนักหน่วงมากขึ้นอีก!!!
5.กระแสกดดันให้ยุบสภากระหึ่มทั้งนอกและในสภา ผสมกับข่าวการปล่อยบัญชีกังฉินของ คตส. ให้ออกมาอาละวาดจนวุ่นวายไปทั้งบ้านทั้งเมือง เขย่าอำนาจการเมืองไปอีกยาว ก็ยิ่งทำให้กระแสกดดันยุบสภาหนักหน่วงมากขึ้น
ปีใหม่แล้ว ต้องติดตามจับตาเรื่องการยุบสภา การยุบพรรค และการสลายฐานอำนาจเดิมที่กำลังขยายวงและรุนแรงมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเร็วกว่าที่คาดก็ได้!!!!
3) ดร.เสกสกล หรือท่านแรมโบ้ ก็โต้นายไพศาลว่า...
ยังไม่ถึงเวลาที่นายไพศาลจะออกมาวิจารณ์พรรครวมไทยสร้างชาติว่าจะได้กี่ที่นั่ง ซึ่งตนเองมั่นใจว่า บรรดาผู้สมัครของพรรคมีคุณสมบัติที่ดีเหมาะสมที่จะเป็นตัวเลือกให้กับประชาชนเลือกเข้ามาเป็นตัวแทนได้และบรรดาสมาชิกพรรคที่ย้ายมาจากหลายพรรคการเมือง ก็เป็นอดีต สส.ในพื้นที่ที่ประชาชนให้การยอมรับ จะสามารถเข้าไปนั่งในสภาฯได้เกิน25 คน อย่างแน่นอน และสามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรคได้ ซึ่งตนมั่นใจอาจแตะถึง 100 เสียงเหมือนเลขาธิการพรรคให้สัมภาษณ์ไว้
นายไพศาลอย่าได้ออกมาดูหมิ่นดูแคลนพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะคำพูดมันเป็นความต้องการดิสเครดิตพรรคมากกว่า นายไพศาลอาจจะมีเป้าหมายอะไรอยู่ในใจหรือรับงานใครมาใส่ความหรือไม่
นอกจากนี้นายไพศาลไม่ควรที่จะออกมาพูดว่า สว.แต่ละกลุ่มอยู่ฝั่งนายกฯประยุทธ์ หรือ พลเอกประวิตรเพราะจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนในตัวของสว.อีกทั้งการออกมาพูดลักษณะนี้ยังเป็นการไม่ให้เกียรติ สว.อีกด้วย ทั้งนี้สว.มีวิจารณญาณเป็นของตัวเองว่าจะเลือกใครเป็นนายกฯ
“บรรดา สว.ทุกท่านรู้ดีว่าควรเลือกใครเป็นนายกฯ ซึ่งเขาอาจไม่ได้เลือกที่ตัวบุคคล แม้ว่าจะอยู่กลุ่มไหนก็ตาม และเมื่อถึงเวลาก็จะรู้เองว่า สว.คนใดเลือกใคร ดังนั้น
นายไพศาล ไม่ต้องไปชี้นำ สว. และควรให้เกียรติสว.มากกว่านี้
เช่นเดียวกับที่วิจารณ์พรรครวมไทยสร้างชาติในลักษณะว่าจะได้ สส. ถึง 25 คนหรือไม่ เรื่องนี้ก็ควรให้เกียรติพรรคด้วยเช่นกัน ซึ่งหากผลออกมาแล้วหากพรรครวมไทยสร้างชาติได้ สส.แบบถล่มทลาย นายไพศาลจะเสียหน้าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน สุดท้ายต้องเอาปี๊บมาคลุมหัวเดินถนน ไม่คิดถึงจุดนี้บ้างเชียวหรือ
“นายไพศาลเองก็ผ่านการเมืองมามาก ควรจะรู้มารยาททางการเมือง การเอาแนวคิดหรืออคติการชอบหรือไม่ชอบส่วนตัว มาวิจารณ์แบบนั่งเทียนมันเหมาะสมหรือไม่
จะเข้าทางสื่อที่ชอบเอาไปตีข่าวเอาไปประโคมให้อีกฝ่ายเสียหายได้ ข้อมูลบิดเบือนบางครั้งไม่ใช่ข้อมูล ข้อเท็จจริงทุกเรื่องที่นายไพศาลวิจารณ์ออกมา นายไพศาลจึงไม่ควรที่จะทำตัวเป็นโหรหรือหมอดู ออกมาเดารายวันไปทั่ว อาจจะทำให้คอการเมืองขาดความเชื่อถือหรือเสื่อมศรัทธาไปเปล่าๆ ตนเตือนมาด้วยความหวังดี อย่าใช้วิธีทำลายคนอื่นเพราะความมีอคติอีกเลย” นายเสกสกล กล่าว
วิเคราะห์วิวาทะ :
1.เสกสกล ควรรู้ว่า นายไพศาลไม่มีความหวั่นเกรงใดๆ ต่อ “องครักษ์” แบบ “แรมโบ้” เลย กลับชอบเสียด้วยซ้ำที่เป็นคนธาตุไฟ จุดเดือดต่ำ จุดติดง่ายเหมือน “เจ้านาย”ที่แรมโบ้กำลังปกป้อง ที่ก็มักกลายร่างจาก “ลุงนะจ๊ะ” เป็น “ลุงฉุน” ได้อย่างง่ายดาย เจอคนแบบนี้ คุณไพศาลจี้เหมือนเจอคนบ้าจี้สนุกมือแน่
2.สิ่งที่แรมโบ้ “หักล้าง” ไม่ได้ หรือพูด “ให้น่าเชื่อถือ”กว่าคุณไพศาลไม่ได้มีอยู่ 2 ประเด็นใหญ่ๆ
หนึ่ง – การเปลี่ยนชื่อพรรคเทิดไทเป็นพรรคราษฎร์วิถี
สอง - หรือว่าแผน “ตีทางใต้” แก้ปัญหาด่านหิน สส.25 คน พังพาบเสียแล้ว จึงต้องหันมา “โห่ทางเหนือ”
แน่นอนว่า หลังจากสะดุดเรื่อง “เสียงคุยโทรศัพท์หลุดเรื่องโควตาหวย” ทำเอา ดร.เสกสกล หัวทิ่ม ตกจากเก้าอี้ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ จนต้องลาออกจากทุกตำแหน่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยประเคนให้ ไปรวมกับอานนท์ แสนน่าน และนักสู้ปอสี่ทำ “หมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน” และตั้งพรรคเทิดไทขึ้นมา เพื่อสร้าง “สถานะ” ทางการเมืองให้ตัวเอง ขณะที่อานนท์ก็ได้เก้าอี้ “ข้าราชการการเมือง” จาก พล.อ.ประยุทธ์เป็นยาโด๊ป โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ทำให้เรื่องโควตาหวยที่พูดกันใน “คลิปเสียงหลุด” นั้นกระจ่างเลย
หลังเปิดตัว พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เสียงตอบรับก็ไม่ได้หวือหวาอะไร เพราะเป็นไปตามคาด ทุกสนาม ทุกเวลา ทุกสำนักข่าว “มองข้ามพีระพันธุ์” ราวกับเป็น “อากาศธาตุทางการเมือง” ทั้งๆ ที่เป็นนักการเมืองใจซื่อมือสะอาด มีความรู้ มีหลักการ และมีชาติตระกูลที่ไม่ด่างพร้อยใดๆ เฝ้ารอแต่ว่า เมื่อไร พล.อ.ประยุทธ์จะมาเปิดตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคนี้เสียที
ก็น่าจะเช่นเดียวกับ สส.ที่รอย้ายพรรคนั่นแหละ ต่างก็ไม่แน่ใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมาจริงไหม และถ้าไม่มาการลงเลือกตั้งในชื่อ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” จะมีแรงหนุนพอให้พวกเขา “ชนะการเลือกตั้ง” ได้อย่างไร
คะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ ในโพลล์ ดีที่สุดคือพื้นที่ภาคใต้ แต่จนบัดนี้ นอกจากลูกช้าง สุพล จุลใส แห่งจุลใสแฟมิลี่เมืองชุมพรแล้ว นักวิเคราะห์ข่าวล้วนถามหา
“ตัวแข็งๆ” ทางการเมือง ที่การันตีได้ว่า กลับเข้าสภา มาเป็น สส.มารอยกมือให้ “ลุงตู่” ได้เป็นนายกฯแน่ มีใครบ้าง เพราะ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี คงไม่ลง สส.เขต คงเป็นมือปราศรัยหาคะแนนจาก “คนปักษ์ใต้” ให้ เพราะต้องสู้กับกระแสพรรคประชาธิปัตย์ที่ก็ยังดีที่สุดเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้เท่านั้น เท่าที่เห็นก็น่าจะมี “พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล” นครศรีธรรมราช ที่ยังไม่ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่เรียนกับเลขาธิการพรรคชัดเจนว่า “ไม่ต้องเปิดตัวปุ้ยเป็นผู้สมัครของพรรคนะคะ”อย่างคนดีมีมารยาท น่ารัก เพราะปุ้ยเป็น สส.ที่เข้าถึงพื้นที่และทำงานดีในสภา
คำถามของคุณไพศาลจึงชวนให้คิดว่า พอนักรบปักษ์ใต้ไม่มา ความฮือฮาไม่เกิด จึงต้องดึงเอา “แรมโบ้”ที่อวดเสมอว่ามีมวลชนเรือนล้านในเครือข่ายกลับมาสู่พรรครวมไทยสร้างชาติมาเป็น “กำลังใหม่” ใช่หรือเปล่า
ถึงที่สุด ถ้าทำใจกลางๆ ปล่อยวาง และคิดอย่างปลอดโปร่ง ก็น่าเป็นห่วงจริงๆ ว่า ขั้นต้น พรรครวมไทยสร้างชาติจะหา สส. ที่แข็งพอรับประกัน 25 เก้าอี้ เพื่อมีสิทธิเสนอชื่อนายกฯ ในสภา ได้จริงแค่ไหน
บุคลิกของ พล.อ.ประยุทธ์ กับคุณพีระพันธุ์ ค่อนข้างเหมือนกัน คือ “แข็ง” และ “ไม่ผ่อนคลาย”
มาเจอองครักษ์เสื้อทองที่ “กระด้าง” เข้าอีก จะไปพิชิตใจชาวบ้านที่เป็นประชากรก้อนกลุ่มใหญ่ที่สุดในการกาบัตรได้อย่างไร
และหากมัวแต่ชิงคน ชิงคะแนน และตอบโต้ “คนข้างเดียวกัน” ไปเรื่อยๆ “ขั้วตรงข้าม” จะอ่อนแอลงตรงไหน
ไม่ต้องตอบผมหรอกครับ เอากลับไปคิด และตอบกันเองเป็นการภายในให้เร็วที่สุด!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี