แนวโน้มโลกในปี พ.ศ. 2566 ดูจะไม่สดชื่น สบอารมณ์ เพราะสถานการณ์นั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียด วิตกกังวล ซึ่งก็มีสาเหตุใหญ่จากการแข่งขันชิงดีชิงเด่นกันและการเผชิญหน้า ไปจนถึงสงครามตัวแทนระหว่างสองฝ่าย ได้แก่ สหรัฐอเมริกาพร้อมพันธมิตร เช่น ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และอินเดีย ไปจนถึงเวียดนามและสิงคโปร์ กับอีกฝ่ายหนึ่งที่มีจีนและรัสเซียเป็นแกนนำ พร้อมด้วยพันธมิตร เช่น เกาหลีเหนือ อิหร่าน คิวบา และเวเนซุเอลา โดยพื้นฐานความขัดแย้งตึงเครียดใหญ่ๆ ก็เกิดขึ้นจากการที่จีนและรัสเซียไม่ต้องการ ไม่ยินยอม และไม่อดทนต่อการเป็นเจ้าโลกของสหรัฐอเมริกา และประสงค์จะทัดทาน ขัดขวาง และต้านทานให้มากที่สุด โดยเฉพาะจีนที่ต้องการขึ้นมาชิงตำแหน่งเจ้าโลกแทนสหรัฐอเมริกา
ความตึงเครียดทางด้านการเมือง รวมไปถึงการต่อต้านการรุกรานของรัสเซียต่อยูเครน ของฝ่ายสหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตก ขยายไปถึงการคว่ำบาตรทางด้านเศรษฐกิจการเงินและพลังงาน ก่อให้เกิดผลกระทบไปทั่วโลก ทั้งในเรื่องราคาพลังงาน และราคาธัญพืชรวมทั้งปุ๋ย มีผลให้โลกทั้งโลกได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนกันอย่างทั่วถึง
สภาพการณ์ดูแล้วน่าจะไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดลดราวาศอก ต่างฝ่ายต่างคิดที่จะมีชัยชนะเหนืออีกฝ่ายหนึ่งได้
และต่างเร่งรีบพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์และองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่อยู่ในสถานะที่เหนือกว่า
และได้เปรียบ
ทั้งนี้คู่กรณีอันได้แก่ สหรัฐฯ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส ต่างก็เป็นประเทศสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ ที่มีภาระหน้าที่ในการจรรโลงสันติภาพ ความมั่นคง และความเจริญก้าวหน้าของโลก ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ที่ชอบธรรมและชอบด้วยกฎหมาย แต่ต่างก็ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แล้วยังมาทำตัวเป็นตัวปัญหากันเสียเอง โลกจึงดูจะหวังพึ่งพาใครมิได้ เพราะผู้ที่น่าจะพอพึ่งพาได้ กลับทำตัวเป็นชนวนปัญหากันเสียเอง
อย่างไรก็ดี ประชาคมโลกก็ต้องคิดหาหนทางที่จะช่วยตนเองเป็นสำคัญเท่าที่พละกำลังจะอำนวยให้ได้ และการใดก็ต้องเริ่มแต่ละน้อยนิด แล้วค่อยๆ ทวีความเพิ่มพูน ซึ่งหากคิดได้ดังนี้ โลกก็จะไม่มืดมนไปเสียหมด เพราะทั้งโลกต่างช่วยกันคิดที่จะหาทางช่วยตนเองเป็นสำคัญ
ในการนี้ก็มีข่าวคราวออกมาว่า มีกลุ่มผู้คนในหลายๆ จุดของโลก กำลังคิดค้นคว้าหาวิธีการที่จะช่วยกันจรรโลงเสริมสร้างสันติภาพให้กับโลกกว้าง โดยพยายามที่จะชี้ให้เห็นกันว่าการสงครามนั้นมิใช่ทางออก และการกุมชัยชนะสงครามมิได้นำไปสู่สภาวะและความยั่งยืนของสันติภาพ เพราะฝ่ายผู้แพ้ก็จะจดจำ จะหาเรื่อง หาทางรื้อฟื้น และหาทางตีกลับ
ฉะนั้นโลกจะต้องเอาเรื่องสันติภาพเป็นตัวตั้งและเป็นจุดเป้าหมาย ซึ่งจะต้องเริ่มกันด้วยการเพียรพยายามที่จะหันหน้าเข้าหากัน พูดจากัน และหาจุดร่วมที่จะถ้อยทีถ้อยอาศัย ยอมรับซึ่งกันและกันได้ แต่มนุษย์ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรอให้เกิดปัญหา เกิดสงครามสู้รบ แล้วถึงจะหาวิธีเสริมสร้างสันติภาพ ในช่วงยามเวลาปกติมนุษย์ก็สามารถที่จะเตรียมและเสริมสร้างสันติภาพไว้ได้เพื่อเป็นการป้องกันมิให้ปัญหานั้นเกิดขึ้นได้ หรือนัยหนึ่งมนุษย์ต้องคิดอ่านที่จะอยู่กับสันติภาพ และ “เพาะ” สันติภาพไปเรื่อยๆ ตลอดเวลา
ในการนี้ก็มีกลุ่มนักคิด นักสันติภาพกลุ่มหนึ่ง ก็เริ่มกลับเข้าไปศึกษาคำสั่งสอนของนักคิด นักปรัชญา ผู้นำทางศาสนาต่างๆ เพื่อค้นหาข้อคิด หลักปรัชญา หรือหลักคำสั่งสอนที่มีความคล้ายคลึงกัน ที่มีนัยของการบอกกล่าวแนะนำให้มวลมนุษยชาติอยู่ร่วมกันแบบคิดคำนึงและรับผิดชอบต่อกันและกัน แบบออมชอมถ้อยทีถ้อยอาศัย โอนอ่อนต่อกันและกัน แบบมีความสมดุล นั่นคือไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบ หรือนัยหนึ่งให้มีการดำรงชีวิตและปฏิบัติต่อกันและกันเป็นเส้นทางสายกลาง ไม่เอียงไปเอียงมา และไม่สุดโต่งไปข้างหนึ่งข้างใดทั้งสิ้น
ซึ่งหากข้อคิดและคำสั่งสอนของเส้นทางสายกลางโดยองค์รวมเป็นที่ยอมรับของมวลมนุษยชาติ ซึ่งประกอบด้วยผู้นำประเทศและประชาชนพลเมืองแล้ว โลกก็จะสามารถที่จะหลีกเลี่ยงการกระทำการใดๆ ที่สุดโต่ง เอาประโยชน์เข้าตนไม่คิดถึงผู้อื่นได้ หรือจะเป็นการดำเนินการด้วยสติ และด้วยความพอดีพองามที่ทุกหมู่เหล่ามีความรู้สึกว่า ผู้ร่วมรับประโยชน์ไม่ถูกลิดรอนและไม่ถูกเอาเปรียบ
นอกจากนั้น หลักหรือปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่มีหลักและพื้นฐานมาจากหลักเส้นทางสายกลางของพระพุทธศาสนานั้น ก็จัดได้ว่าเป็นหลักสากลที่จะเอื้ออำนวยประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติในการเป็นจุดเริ่มต้นของการปลูกฝังและเสริมสร้างสันติภาพให้กับมวลมนุษย์ได้และในการนี้เรื่องเพิกเฉยก็ไม่เกิดขึ้นเพราะมวลมนุษยชาติจะร่วมกัน ร่วมแรงร่วมใจกันคนละเล็กคนละน้อยได้
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี