วันนี้เป็นวันเด็กแห่งชาติของประเทศไทย ส่วนคำขวัญวันเด็กที่นายกรัฐมนตรีไทยทุกยุคขยันให้ จะมีข้อความอย่างไร ขออนุญาตมองข้ามไป เพราะไม่อยากกล่าวถึง เนื่องจากให้กันทุกปี แต่ก็ไม่มีใครสนใจจำ แม้กระทั่งคนให้คำขวัญเองก็ยังไม่สามารถจดจำได้
ก่อนอื่นต้องยอมรับว่าคนแก่ในวันนี้ก็คือเด็กเมื่อวันวาน ส่วนเด็กในวันนี้ก็จะกลายเป็นคนแก่ในวันหน้า หากเด็กคนนั้นสามารถรักษาชีวิตให้ยืนยาวไว้จนกลายเป็นคนแก่ได้ ดังนั้นทุกสังคมจึงมีเด็กกับคนแก่อยู่ร่วมกันเป็นธรรมดา แต่สำหรับสังคมไทยในยุคนี้ กลายเป็นยุคคนแก่มีจำนวนมากกว่าเด็ก แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีเด็กอยู่ในสังคมไทยอีกมากมายหลายล้านคน
หากวันนี้ คุณคือคนแก่ ขอให้คุณลองย้อนกลับไปพินิจตัวเองดูว่า เมื่อครั้งคุณเป็นเด็ก คุณมีความคิดอย่างไรกับคนแก่ในยุคนั้น แล้ววันนี้คุณมีความคิดอย่างไรกับเด็กในยุคนี้ แน่นอนว่า เมื่อวันที่คุณเป็นเด็ก คุณมักจะมองว่าผู้ใหญ่ในยุคนั้นแสนจะเชย เฉิ่ม ล้าสมัย เจ้ากี้เจ้าการไปเสียทุกเรื่อง ไม่ให้อิสระกับเด็ก ไม่ยอมให้เด็กได้แสดงความคิด และความเป็นตัวของตัวเอง ฯลฯ
แต่แล้วเมื่อวันที่คุณเป็นคนแก่ คุณมองลูก มองหลานของคุณอย่างไร คนแก่บางคนมองว่าเด็กยุคนี้ไม่มีสัมมาคารวะ ไม่เห็นคุณค่าของคนแก่ ไม่ฟังคำสอน
ที่เต็มไปด้วยความหวังดีของคนแก่ ฯลฯ
ความเห็นไม่ลงรอยกันระหว่างคนแก่กับเด็กเกิดขึ้นมาตลอดทุกยุค ยิ่งในสังคมหรือครอบครัวที่คนแก่กับเด็กต่างคนต่างอยู่ ปราศจากปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน มองว่าต่างฝ่ายต่างไม่เข้าใจตนเอง เช่น คนแก่มองว่าเด็กไม่เข้าใจคนแก่ ส่วนเด็กก็มองว่าคนแก่ไม่เข้าใจเด็ก สรุปคือต่างฝ่ายต่างเรียกร้องหาความสนใจจากฝ่ายอื่น โดยไม่เคยมองว่าตนเองให้ความสนใจหรือเข้าใจฝ่ายอื่นบ้างหรือไม่ หากสังคมใด หรือครอบครัวใดมีสภาพเช่นนี้ รับรองได้เลยว่า คนสองวัยนี้ไม่มีทางอยู่ร่วมกันอย่างราบรื่น
ทำไมคนแก่ไม่มองว่าเด็กก็คิดอย่างเด็ก เหตุที่คิดแบบเด็กก็เพราะไร้ประสบการณ์ชีวิต ดังนั้นคนแก่ก็ต้องอดทนและมีเมตตาต่อเด็ก ต้องให้อิสระกับเด็กบ้าง โดยเฉพาะในเรื่องที่ควรปล่อยให้เด็กตัดสินใจด้วยตัวเองได้ แต่ก็ต้องมั่นใจด้วยว่าการให้อิสระเด็กตัดสินใจจะไม่ทำให้ชีวิตของเด็กล้มเหลวพังทลาย ไร้อนาคต
ส่วนเด็กก็ควรจะต้องสำเหนียกไว้เสมอว่า ตนเองคือเด็ก มีประสบการณ์น้อยกว่าคนแก่ เห็นโลกแห่งความเป็นจริงน้อยกว่าคนแก่ ดังนั้นเมื่อคนแก่ตักเตือน ห้ามปราม ก็ควรจะต้องฟัง ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาเถียง ไม่ใช่มองว่าคนแก่โง่ ล้าสมัย เชย เฉิ่ม โบราณ เต่าล้านปี
หากคนแก่กับเด็กสามารถคุยกันได้ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยคนแก่มีความเมตตาต่อเด็ก แล้วเด็กก็ให้ความเคารพต่อคนแก่ ปัญหาความไม่เข้าใจกันระหว่างคนสองวัยก็จะน้อยลง หรือสามารถร่วมกันหาทางออกของปัญหาได้โดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่รู้สึกสูญเสียจุดยืน
เด็กบางคนบอกว่าคนแก่ไม่ฟังเด็ก ก็ต้องถามกลับว่า แล้วเด็กฟังคนแก่หรือไม่ หากจะบอกว่าคนแก่ไม่เข้าใจเด็ก ก็ต้องถามกลับอีกว่า แล้วเด็กเข้าใจคนแก่บ้างหรือไม่ ทำไมต้องให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้าใจตนเอง แต่ตนเองกลับไม่เคยพยายามจะเข้าใจอีกฝ่ายหนึ่ง
การแสดงความเป็นตัวของตัวเองของเด็ก เป็นสิ่งที่คนแก่ควรให้โอกาส แต่เด็กก็จะต้องสำเหนียกเรื่องกาลเทศะเป็นสำคัญ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็อ้างว่าต้องให้อิสระกับเด็ก ก็ต้องถามกลับว่า จะเรียกร้องอิสระได้อย่างไร ในเมื่อข้ออ้างเรื่องอิสระนั้นเป็นการละเมิดต่อคนแก่
มีคำถามจากเด็กว่าทำไมคนแก่ต้องห้ามเด็กแสดงออก เช่น เด็กบางคนต้องการแสดงออกถึงลักษณะทางเพศที่ผิดไปจากเพศสภาพตั้งแต่กำเนิด เป็นต้นว่าเป็นชายแต่ต้องการแสดงกิริยาแบบหญิง คำถามก็คือ การแสดงออกของเด็กที่เรียกร้องนั้นมันเกินงาม เกินความพอเหมาะพอสมหรือไม่เด็กก็ถามกลับอีกว่า อะไรคือเกินงาม อะไรคือเกินความพอดี
ตอบได้เลยว่า หากเด็กกล้าถามแบบนี้ ก็ดูจะเข้าทำนองไม่สนใจฟังคำท้วงติงใดๆ ของคนแก่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็น่าจะหาทางออกของปัญหาได้ไม่ง่ายแล้ว ไม่ใช่เรื่องผิดที่เด็กจะเรียกร้องสิทธิต่างๆ เช่น สิทธิทางการเมือง สิทธิในการใช้ชีวิต แต่คำถามคือเด็กมั่นใจแล้วใช่ไหมว่าสามารถดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี หากมั่นใจว่าสามารถก็จงทำให้คนแก่มั่นใจก่อนเป็นอันดับแรก หากยังทำตัวไม่เป็นโล้เป็นพาย แต่กลับเรียกร้องสารพัดสารพัน แบบนี้แล้วใครจะไว้วางใจ เหมือนที่คนแก่บอกว่าไม่เคยห้ามเด็กดูแลบ้านเมือง หากเด็กดูแลตัวเองได้ดี แต่หากยังดูแลตัวเองไม่ได้ แล้วจะเอาปัญญาอะไรไปดูแลบ้านเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี