ก็เริ่มทยอยเดินทางกันเข้ามาแล้วนะครับสำหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยกลุ่มแรกนั้นได้เข้ามาตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม ซึ่งได้มีผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คุณอนุทิน ชาญวีรกูล และคณะผู้บริหารจากกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งหน่วยงานอื่น เช่น จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้เดินทางไปร่วมให้การต้อนรับด้วย ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าของบ้านที่มีแขกมาเยือนเรือนชานของเราอย่างดียิ่ง
ในอดีตที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการระบาดของโรคโควิด-19 จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยนั้นมีถึงประมาณ 10 ล้านคนต่อปี นับเป็นจำนวนประมาณ 25% ของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศทั้งหมด และมีจำนวนมากเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวชาติอื่น เมื่อมีการเปิดประเทศในครั้งนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้คาดการณ์ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะเดินทางเข้ามาในปี 2566 อาจจะมีจำนวนมากถึง 7 ล้านคน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่างๆ ในประเทศว่าเอื้ออำนวยด้วยหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงและรวมกับนักท่องเที่ยวจากชาติอื่นๆ ซึ่งจะทำให้จำนวนรวมทั้งหมดของนักท่องเที่ยวต่างชาติขึ้นไปแตะระดับ 30 ล้านคน ก็จะทำให้เกิดการสร้างรายได้อย่างมหาศาลให้กับประเทศไทย ซึ่งรายได้ส่วนนี้จะกระจายไปในหลายภาคส่วนและหลายระดับชั้นของประชาชน อันจะเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ อย่างดียิ่ง
ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า การเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามานั้นจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหากับประเทศของเราเอง เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าการระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศจีนขณะนี้ มีความรุนแรงพอสมควรทั้งในเรื่องของจำนวนผู้ป่วยวันละหลายแสนคน รวมทั้งการเสียชีวิตของผู้ป่วยก็มีจำนวนไม่น้อย ทำให้เกิดความรู้สึกว่าชาวจีนที่กำลังเดินทางเข้ามาสู่ประเทศไทยอาจจะนำเอาเชื้อไวรัสโควิด-19 ติดตัวเข้ามาด้วย และทำให้เกิดการแพร่ระบาดไปยังผู้คนชาวไทยที่อยู่ในธุรกิจการท่องเที่ยวทั้งหลาย
ด้วยเหตุนี้กระทรวงสาธารณสุขซึ่งขณะนี้เป็นผู้ที่รับผิดชอบหลักในการควบคุมโรคจึงได้มีการกำหนดมาตรการสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยโดยไม่เลือกว่าเป็นนักท่องเที่ยวจากชาติใด ก็จะใช้แนวทางการปฏิบัติอย่างเดียวกันทั้งหมด ดังนี้
ประการแรก คือ ยกเลิกการตรวจสอบประวัติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกคน
ประการที่ 2 นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามานั้น หากประเทศต้นทางระบุว่าจะต้องมีการตรวจว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ด้วยวิธี RT-PCR ก็จะต้องดำเนินการตามนั้นในระยะเวลาไม่เกิน48 ชั่วโมงก่อนเดินทางกลับไปยังประเทศของตน
ประการที่ 3 นักท่องเที่ยวต่างชาติทุกคนจะต้องมีการประกันสุขภาพในวงเงินไม่น้อยกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ต้องครอบคลุมการรักษาโรคโควิด-19 ต่อเนื่องไปอย่างน้อยอีก 7 วันหลังจากกำหนดวันเดินทางกลับ ซึ่งหมายความว่าหากตรวจพบว่า RT-PCR ให้ผลว่ามีการติดเชื้อก่อนเดินทางกลับ จะต้องเข้าพักรักษาตัวในสถานที่หรือสถานพยาบาลที่กำหนด ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกเป็นระเบียบไว้ โดยเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคติดต่อที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจะเป็นผู้สุ่มตรวจเอกสารการประกันสุขภาพดังกล่าว
มาตรการที่กล่าวมานั้นจะยกเว้นสำหรับผู้ประกอบกิจการ รวมถึงลูกเรือ นักเรียน ที่อาจใช้หนังสือรับรองจากหน่วยงานเจ้าภาพ หรือแสดงเอกสารการประกันในรูปแบบอื่นแทนได้ ทั้งนี้รวมถึงผู้โดยสารที่เปลี่ยนเครื่องหรือต่อเครื่องด้วย
ในส่วนของผู้ที่ถือหนังสือเดินทางไทย ได้รับการยกเว้นในเรื่องการจัดทำประกันสุขภาพ
หันมาดูเรื่องของการระบาดของโรคโควิด-19ซึ่งยังมีอยู่ในประเทศไทยนั้น สถิติข้อมูลจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตเฉลี่ยต่อวันก็ดีขึ้นตามลำดับ โดยในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปี 2565 จำนวนผู้ป่วยในรอบสัปดาห์ยังเกินกว่า 2,000 ราย และเสียชีวิตในระดับเกือบจะถึง 100 ราย แต่ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม 2566 พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยที่มีอาการมากจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรวมเพียงแค่ 997 ราย เฉลี่ย 142 รายต่อวัน และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 58 ราย เฉลี่ย 8 รายต่อวัน ซึ่งถือว่าสถานการณ์โดยรวมของการระบาดดีขึ้นมาก และก็หวังว่าจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป จนกลายเป็นโรคประจำถิ่นซึ่งควบคุมได้ ไม่ก่อให้เกิดความวิตกกังวลใดๆ อีกต่อไป จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจและต้องติดตามดูว่าหลังจากนี้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ จำนวนตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยจะเพิ่มจำนวนกลับมาอีกหรือไม่ ซึ่งหากมีการเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญก็แสดงว่า อาจจะเกิดจากการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวไม่ใช่เฉพาะจากประเทศจีนเท่านั้นเข้ามาอย่างเต็มที่ก็เป็นได้
จึงขอเน้นย้ำว่าสำหรับคนไทยนั้นยังต้องตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาท ผู้ที่ยังได้รับวัคซีนไม่ครบอย่างน้อย 2 เข็มควรจะได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม เพื่อให้ปริมาณของภูมิต้านทานที่ถูกสร้างขึ้นในร่างกายนั้นมีจำนวนพอเพียงต่อการที่จะป้องกันอาการรุนแรงที่จะเกิดขึ้นภายหลังจากการได้รับเชื้อไวรัสเข้าไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประชาชนผู้สูงอายุเกินกว่า 60 ปี และกลุ่มเสี่ยง 608 จะต้องได้รับวัคซีนให้ครบถ้วน รวมทั้งผู้ที่ได้รับครบถ้วนแล้วควรจะได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่มเติมหลังจากเข็มสุดท้ายไม่เกิน 6 เดือน จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ทั้งนี้ทั้งนั้นขอยืนยันว่ามาตรการที่เรียกว่า D M H Tที่หมายถึงการเว้นระยะห่างคือหลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีผู้คนจำนวนมาก การใส่หน้ากากอนามัย การล้างมือบ่อยๆ ด้วยแอลกอฮอล์ รวมทั้งกรณีที่สงสัยว่ามีการติดเชื้อ ควรจะได้รับการตรวจ ATK ยังเป็นเรื่องที่มีความสำคัญยิ่ง ทั้งในการป้องกันทั้งตัวเองและหากมีการติดเชื้อในระยะต้นๆ ก็จะเป็นการป้องกันไม่ให้มีการแพร่กระจายของเชื้อไปยังบุคคลรอบด้าน
ในส่วนของคนไทยเราเองนั้น หากจะต้องมีการเดินทางร่วมกับคนจำนวนมากก็มีข้อแนะนำว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการที่เกิดขึ้นกับตัวเองตามที่จะกล่าวนี้คือ อาการเจ็บคอ มีไข้ ไอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดข้ออ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดหัว จาม น้ำมูกไหล ไม่ได้กลิ่น ตาแดง มีผื่นหรือคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งอาจจะเป็นเพียงอาการเดียวหรือ 2-3 อาการก็ตาม ควรจะต้องตรวจ ATK และถ้าผลออกมาว่ามีการติดเชื้อ ให้เลื่อนการเดินทางไปก่อน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่คนใกล้ชิดและผู้อื่นด้วย
หากพวกเราชาวไทยสามารถจะปฏิบัติตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ทั้ง 3 กรณี ทั้งในเรื่องของการฉีดวัคซีน การป้องกันตัวเอง และการป้องกันไม่ให้เชื้อกระจายไปยังผู้อื่นได้ครบถ้วน ก็ย่อมจะเกิดประโยชน์ตั้งต่อส่วนรวมและตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ความวิตกกังวลจากการที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจึงไม่ควรจะเกิดขึ้นแต่อย่างใด
วันที่ 18 มกราคมที่จะถึงนี้ ถือว่าเป็นวันสำคัญยิ่งวันหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติไทย เพราะเป็นวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชพระมหากษัตริย์ไทย ได้กระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชามังสามเกียด ผู้เป็นพระราชโอรสของพระเจ้านันทบุเรง กษัตริย์แห่งประเทศพม่า ในบริเวณที่ปัจจุบันเชื่อกันว่าอยู่ที่ตำบลดอนเจดีย์ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเป็นการปกป้องเอกราชของชาติไทย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวจากการคำนวณโดยวิธีการที่นักประวัติศาสตร์และโบราณคดี ตลอดจนโหราจารย์มีข้อสรุปว่าเกิดขึ้นในวันที่ 18 มกราคม พุทธศักราช 2137 ตรงกับวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง จุลศักราช 954 ซึ่งพระองค์ทรงได้รับชัยชนะ ทำให้กองทัพพม่าที่เข้ามารุกรานประเทศไทย และหวังจะเอาชนะเพื่อให้ประเทศไทยเสียอิสรภาพ ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าอีกครั้งหนึ่งนั้น ต้องยกทัพกลับไป
รัฐบาลจึงได้กำหนดให้วันที่ 18 มกราคมของทุกๆ ปีเป็นวันกองทัพไทย เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระองค์ท่านและเกียรติประวัติที่สูงส่งยิ่งสมกับการเป็นมหาราชของชาติไทยพระองค์หนึ่งที่ได้ทรงปกป้องมาตุภูมิผืนนี้ โดยจะยอมเสียสละได้แม้แต่พระชนม์ชีพของพระองค์เอง เพื่อให้แผ่นดินผืนนี้ยังคงดำรงอยู่เป็นแผ่นดินไทย เป็นแผ่นดินเกิดของหมู่เราชาวไทยทั้งหลาย ที่จะต้องรักชาติรักแผ่นดิน มีความสมัครสมานสามัคคี ร่วมกันรักษาแผ่นดินนี้ไว้ รวมทั้งยกย่องเทิดทูนสถาบันกษัตริย์โดยตลอดไป
นายแพทย์ปิยะ เนตรวิเชียร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี