จดหมายถึงน้องของลุงป้อมที่ทิ้งบอมบ์ใส่น้องเล็กก่อนเดินทางไปตรวจงานที่จังหวัดสมุทรสาคร ประโยคหนึ่งที่ออกจากใจชายชาติทหารบอกไว้อย่างล้ำลึกว่า “ความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้” วลีนี้บอกถึงความผิดหวังคับแค้นน้อยใจของชายชาติทหาร ที่ตกผลึกมานานก่อนจะหลุดคำเหล่านั้นออกมาให้คนใกล้ชิดได้ยิน ในฐานะคนชอบอ่านหนังสือทุกประเภทตั้งแต่หนังสือการ์ตูน นิยายกำลังภายใน นิยายประโลมโลก ประวัติศาสตร์ สารคดี ตำนานตลอดถึงหนังสือประเภทจิตวิเคราะห์ภาษาอังกฤษที่เขียนโดยนักจิตวิทยาที่ใช้นามแฝงว่า Travanian ทำให้ผู้เขียนอนุมานได้ว่า จดหมายฉบับนั้นเขียนโดยคนใกล้ชิดของลุงป้อมที่มีทักษะด้านภาษาและได้ยินความในใจที่ลุงป้อมระบายให้คนใกล้ชิดฟังก่อนที่จะขออนุญาตลุงป้อม เขียนความในใจออกสู่สาธารณะ และพิเคราะห์ด้วยว่า จดหมายฉบับนั้นเขียนจากบันทึกคำพูดของลุงป้อมในหลายกรรมหลายวาระแล้วมาปะติดปะต่อกันผ่านการกลั่นกลองอยู่หลายวันก่อนพิจารณาว่าเปิดเผยเรื่องนี้ดีไหม
แน่นอนจดหมายเปิดใจฉบับนี้เขียนจากความในใจของลุงป้อมด้านเดียวที่ระบายให้คนใกล้ชิดเข้าใจว่า “เป็นพี่ผู้มีแต่ให้ เป็นผู้ที่ปกป้องคุ้มครองน้องๆ ตลอดมาดังคำว่า 3ป. Forever” เป็นความในใจพี่ใหญ่ของน้องๆที่คบหากันมานานสี่ห้าสิบปีทำให้ชาวบ้านอย่างเราเข้าใจว่า 3ป. Forever คือสายใยของความเป็นพี่น้องที่ตัดกันไม่ได้ขายกันไม่ขาด แต่เรื่องการเมือง เรื่องอำนาจยอมกันไม่ได้เสมอ ผู้เขียนมั่นใจว่าแฟนๆ คอลัมน์ทวนกระแสข่าวผ่านการเรียนประวัติศาสตร์กันมาแล้วว่า ในสมัยโบราณพี่กับน้องต่างก็มีสมุนบริวารมีคนสนิทข้างกายที่คอยเป่าหูยกย่องเชิดชูเจ้านายฝ่ายของตัวเอง ไม่ต้องการให้เจ้านายถ่ายโอนอำนาจไปให้อีกฝ่าย คอยยุแยงจนเจ้านายทั้งสองตั้งตัวเป็นศัตรูกันถึงขั้นจะยกทัพจับดาบเข้าห้ำหั่น แต่เมื่อถึงวันที่อีกฝ่ายเจ็บไข้ได้ป่วยในฐานะพี่น้องต้องไปเฝ้าไข้ดูแลจัดหาหยูกยาให้จนอีกฝ่ายลาโลกไป
ส่วนในขณะที่ยังมีอำนาจบารมีไม่อาจหลีกเลี่ยงคำยุงยงส่งเสริม คำสรรเสริญเยินยอจากคนใกล้ชิดสมุนบริวารคอยเพ็จทูลว่าท่านต้องเป็นผู้นำอันยิ่งใหญ่ต่อไป ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยฉันใดก็ฉันนั้น วันนี้บริวารลุงป้อมย่อมได้ยินแต่คำว่า “พี่ผู้มีแต่ให้” ส่วนสมุนบริวารของน้องๆก็ได้ยินแต่ความในใจที่เจ้านายระบายให้ฟังว่า “เห็นไหมพี่มีแต่ได้ และได้เท่าไหร่ไม่รู้จักพอ”
สรุปว่าสายใยในความเป็นพี่น้อง 3ป.ยังคง Forever แต่ในทางการเมืองในทางอำนาจสองพี่น้องลั่นกลองรบกันแล้วว่า ในสนามเลือกตั้งต้องสู้กันจนรู้แพ้รู้ชนะ ส่วนศัตรูที่นั่งอยู่บนภูดูเสือฟัดกันต่างก็กระอิ่มใจว่าดูไปดูมาเสือสองตัวมีทีท่าจะแพ้ทั้งคู่
ในสมรภูมิแรกที่น้องตู่ตีกลองศึกจัดทัพมาอย่างยิ่งใหญ่เป็นกลยุทธ์ตัดไม้ข่มนาม คือขนไพร่พลมาจากทุกสารทิศมารวมกันในวันลั่นกลองศึกทำให้ทุกฝ่ายเห็นว่า น้องตู่มีกองทัพอันยิ่งใหญ่แต่เป็นกองทัพที่กลวงในเพราะมีแต่ทหารใหม่ยังไม่มีวิทยายุทธ์และไม่มีอาวุธประจำกายติดมือมา เพราะว่า “พรรครวมไทยสร้างชาติที่น้องตู่ย้ายไปยังไม่มี สส.ในสภา”
พี่ใหญ่เลยจัดทัพเอาฤกษ์ที่จังหวัดสมุทรสงครามเพื่อไปปราม สส.รังสิมา รอดรัศมี ที่ประกาศว่าจะแปรพักตร์ตามลุงตู่ไปอยู่กับรวมไทยสร้างชาติซึ่ง “คม ชัด ลึก” รายงานว่า
“...สงครามพรรคพี่-พรรคน้อง เริ่มต้นแล้วพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปล่อยจดหมายเปิดใจฉบับน้องทิ้งพี่ แล้วก็ลงพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม ไหว้หลวงพ่อวัดบ้านแหลม และติดตามงานเรื่องป้องกันน้ำท่วม เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2566 สมุทรสงคราม เป็นฐานที่มั่นของรังสิมา รอดรัศมี ที่ย้ายจากพรรค ปชป.ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ โดยอ้างว่า คนแม่กลองต้องการ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อีกสมัย
พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ถอยให้พรรคน้อง เพราะสนามนี้ พรรค พปชร.มีผู้สมัคร สส.เกรดเอ พร้อมกองหนุนระดับนายก อบจ. จึงมั่นใจล้มแชมป์ได้ นอกจากสมุทรสงครามแล้วสมุทรสาครทัพพี่ป้อมหมายมั่นปั้นมือจะตีแตกให้ได้ นี่ยังไม่นับรวมสมุทรปราการที่ สส.ต้องศิโรราบก้มลงกราบลุงป้อมสรุปง่ายๆ ว่า สมรภูมิแรกของการต่อสู้ทางการเมืองในดินแดนสามสมุทรทัพของพี่ป้อมเป็นต่อทัพน้องตู่อยู่หลายขุม ดังนั้นในสมุทรสงคราม สมุทรสาคร สมุทรปราการ พี่น้อง 2ป.จะห้ำหั่นกันเอาเป็นเอาตาย
ด้านสมรภูมิรบทางการเมืองสนามที่สองคือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ฝ่ายค้านยื่นต่อประธานสภาว่าจะขอเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลโดยไม่มีการลงมติ คืออภิปรายด่าลุงตู่ฟรีแบบตีหัวเข้าบ้าน และคาดการณ์กันว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะมีขึ้นในเดือนก.พ.อีกไม่กี่วันที่จะมาถึง สงครามการเมืองว่าด้วยเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากดูตามจดหมายก็ฟันธงได้ล่วงหน้าว่า ลุงป้อมจะนั่งบนภูดูเสือฟัดกัน และลุงตู่จะได้รับบาดแผลจากการอภิปรายจนยากที่จะรักษาให้หายสนิทได้ในเวลาระยะสั้น เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้ายก่อนหมดวาระสภาชุดนี้ ลุงตู่ต้องเดินเข้าสู่สมรภูมิรบอย่างเดียวดาย ไม่มี สส.จากพรรคพลังประชารัฐคอยปกป้อง คอยประท้วงขัดขวางให้เมื่อฝ่ายค้านอภิปรายโจมตีลุงตู่ด้วยวาจาที่กักขฬะหยาบคายสร้างความเสียหายให้ลุงตู่ การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้แตกต่างกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจหลายครั้งที่ผ่านมาที่มี สส. พรรคพลังประชารัฐ และ สส.พรรคร่วมรัฐบาลเคยแก้ต่างตอบโต้ประท้วงขัดขวางไม่ให้ สส.ฝ่ายค้านโจมตีทำลายให้ลุงตู่เสียหายเกินไปทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานในฐานะหัวหน้ารัฐบาล จึงทำนายล่วงหน้าว่าลุงตู่จะได้รับบาดแผลจากสมรภูมิรบอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้
การทำศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้าย หลังจากลุงตู่ย้ายไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติซึ่งพรรคไม่มีสส.ในสภา จึงเปรียบเสมือนแม่ทัพที่ไสช้างออกทำยุทธหัตถีอย่างเดียวดายไม่มีทหารอยู่รอบกาย ไม่มีจตุรงคบาทคอยระวังเท้าช้างให้แถมลุงตู่ไม่มีอาวุธร้ายประจำกายคือวาทะที่ใช้ต่อสู้กับน้ำลายสกปรกของศัตรูได้ ลุงตู่อาจไม่ถึงตายแต่พิษน้ำลายอันชั่วร้ายมันทำให้เหม็นติดกายลุงตู่ไปได้นานจนถึงวันเลือกตั้ง และมันจะเป็นบทเรียนราคาแพงว่าถ้าไม่มีอาวุธพร้อมหรือไม่มี สส.ในสภาอย่าย่างผลีผลามทำสงครามการเมือง หัดฟังคำคนบ้างที่พูดว่า “การเมืองไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร” หรือวลีที่ว่า “ศัตรูของศัตรูคือมิตร”
วันนี้ลุงตู่สมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว ซึ่งถือว่าลุงตู่เป็นคู่แข่งทางการเมืองกับทุกพรรคและนักการเมืองทุกคน พรรคร่วมรัฐบาลวันนี้เป็นทั้งแนวร่วมและคู่แข่งทางการเมือง ดังนั้น หน้าที่ของพรรคร่วมรัฐบาลมีเพียงแค่ทำงานร่วมกันตามหน้าที่รับผิดชอบของใครของมัน ส่วนงานการเมืองทุกพรรคทุกคนต้องแข่งขันกันในการเลือกตั้งที่จะมาถึง พรรคพลังประชารัฐต้องแข่งกับพรรคเพื่อไทย แข่งกับพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคอื่นๆ อีกหลายสิบพรรค แต่ละพรรคต้องชิงความได้เปรียบซึ่งกันและกันถึงแม้จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพราะแม้แต่ในพรรคการเมืองเดียวกันนักการเมืองก็ชิงการได้เปรียบแข่งขันกันแบบสงครามภายในอยู่แล้ว
ดังนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมาถึงให้ลุงตู่เตรียมตัวเตรียมใจไว้ว่า เป้าใหญ่การทำลายของทางการเมืองคือลุงตู่ และอย่าได้หวังว่า สส.งูเห่าที่คิดจะย้ายตามลุงตู่ไปจะช่วยแก้ตัวหรือคอยขัดขวางการอภิปรายอย่างไร้คุณธรรมของศัตรูทางการเมืองได้ เพราะสส.งูเห่าต่างก็ต้องสงวนท่าทีเอาไว้จนนาทีสุดท้าย หากเห็นว่าลุงตู่พ่ายแพ้ในสมรภูมิอภิปรายไม่ไว้วางใจ สส.งูเห่าเหล่านั้นอาจมุดรูอยู่ที่เก่าก็เป็นไปได้
ทั้งหมดนี้ยังไม่นับรวมนักการเมืองประเภทนกสองหัวตัวเดียวสองคอ นักการเมืองที่เป็นสายให้ศัตรูซึ่งซ่อนเร้นกายอยู่ในพรรคแกนนำรัฐบาลแม้แต่คนของศัตรูที่มีตำแหน่งในสภา จึงแนะนำให้ลุงตู่ฟังเพลงสุรพล สมบัติเจริญ ที่ว่า “โบราณท่านว่า บรรดาช้างสารงูเห่า อีกทั้งข้าเก่าเมียรัก ท่านเปรียบไว้นักอย่าได้วางใจ...”
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี