ในโลกปัจจุบันนี้กำลังประสบกับปัญหาชิงดีชิงเด่นระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนในแถบภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และอินโดแปซิฟิก และในขณะเดียวกันสหรัฐฯ ก็ยังมีปัญหาชิงดีชิงเด่นไม่ลงรอยกันกับสหพันธ์สาธารณรัฐรัสเซียในแถบมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ และผืนแผ่นดินยูโรเอเชียอีกด้วย ซึ่งศัพท์การเมืองใช้คำว่า Super power rivalry โดยกรณีการต่อกรกันระหว่างฝ่ายสหรัฐฯ กับจีน ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก อาเซียนและประเทศสมาชิกจำนวน 10 ประเทศ ก็ถูกดึงเข้ามาอยู่ตรงกลางโดยปริยาย ซึ่งก็มีคำถามตามมาว่า แล้วอาเซียนจะเข้าข้างหรือไปอยู่กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือไม่? อย่างไร?
ส่วนทางด้านมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ และแถบภูมิภาคยูโรเอเชีย บรรดาประเทศยุโรปซึ่งส่วนใหญ่เป็นทั้งสมาชิกสหภาพยุโรป และสมาชิกองค์การนาโต (สนธิสัญญาว่าด้วยการร่วมมือทางด้านความมั่นคงของแถบแอตแลนติกเหนือ) ต่างก็อยู่ระหว่างการขับเคี่ยว และการเผชิญหน้ากันระหว่างฝ่ายสหรัฐฯ และฝ่ายรัสเซีย ซึ่งเป็นมาโดยตลอดตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเฉพาะตั้งแต่สิ้นสุดโลกยุคสงครามเย็นที่ฝ่ายยุโรปได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับฝ่ายสหรัฐฯ และยิ่งหนักหน่วงยิ่งขึ้นเมื่อเกิดกรณีล่าสุดที่ฝ่ายรัสเซียได้กรีธาทัพเข้ารุกรานยูเครน โดยฝ่ายสหรัฐฯ กับฝ่ายยุโรปต่างๆ ก็ร่วมสนับสนุนยูเครน และร่วมกันคว่ำบาตรรัสเซีย ทั้งทางด้านเศรษฐกิจการค้า พลังงาน เทคโนโลยี และการเงินการคลังมาจนบัดนี้
ในกรณีของอาเซียนนั้นก็มีข้อตกลงในเอกสารสำคัญที่บ่งบอกความปรารถนาในเรื่องสันติภาพ และการร่วมมือกันเพื่อความเจริญมั่งคั่งร่วมกัน โดยเอกสารสำคัญทั้ง 3 ฉบับก็คือ สนธิสัญญาว่าด้วยมิตรไมตรีและความร่วมมือ แถลงการณ์ว่าด้วยภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเขตเสรีภาพ สันติภาพและความเป็นกลาง และแถลงการณ์ว่าด้วยภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์
ขณะเดียวกันทางด้านยุโรปก็ได้มีความคิดและความเพียรพยายามที่จะปรึกษาหารือ หาที่ยืนเพื่ออยู่ร่วมกันระหว่างฝ่ายยุโรปกับฝ่ายรัสเซีย ทั้งในระดับความสัมพันธ์ผ่านองค์การนาโตและผ่านองค์การสหภาพยุโรป โดยมีข้อคิดและเป้าหมายว่าด้วย “ยุโรปเป็นบ้านเดียวกัน” (Common European home) หรือนัยหนึ่งคือสนับสนุนให้ฝ่ายรัสเซียได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของยุโรปอย่างจริงจัง
อาเซียนนั้นก็ทำมาค้าขายกับทั้งสหรัฐฯ ยุโรป จีน และรัสเซีย และอาเซียนเองก็ไม่ได้มีพละกำลังทางด้านการทหาร ไม่มีกำลังที่จะเป็นภัยคุกคามกับฝ่ายใด จึงไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะเลือกข้าง เพราะไม่ต้องการที่จะเสียประโยชน์ และไม่ต้องการที่จะตกอยู่ในอาณัติของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
ส่วนฝ่ายยุโรปนั้นก็ถือว่าตกอยู่ในอาณัติของฝ่ายสหรัฐฯ จึงต้องทำตนเป็นศัตรูกับฝ่ายรัสเซีย และก็อาจจะกลายเป็นสนามรบที่แพร่ขยายมาจากดินแดนยูเครนได้ ซึ่งก็มีคำถามตามมาว่า แล้วทำไมยุโรปจะต้องเป็นเครื่องมือกลไกให้กับสหรัฐฯ ในการเผชิญหน้ากับฝ่ายรัสเซีย? และทำไมฝ่ายยุโรปไม่คิดอ่านที่จะเป็นตัวของตัวเองที่คบหาสมาคมได้กับทั้งฝ่ายสหรัฐฯ และฝ่ายรัสเซีย?
ในการนี้ก็ต้องมีความคิดแบบ “นอกกรอบ” คือทำไมทั้งฝ่ายยุโรปและอาเซียนถึงจะไม่ทำตัวเป็น “สะพานเชื่อมโยง” (The bridge) ระหว่างฝ่ายสหรัฐฯ กับรัสเซีย และระหว่างฝ่ายสหรัฐฯ กับจีน ตามลำดับ
ฉะนั้นในการนี้ทั้งฝ่ายยุโรป โดยเฉพาะสหภาพยุโรปและอาเซียนก็ควรจะร่วมมือกันในการริเริ่มและขับเคลื่อนกระบวนการเสริมสร้างสันติภาพในโลกกว้าง เพื่อให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน ถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อกันแบบการเดินตามเส้นทางสายกลาง และเห็นผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก มิใช่เอาแต่ประโยชน์ของฝ่ายตนหนึ่งใดเป็นที่ตั้ง
ฝ่ายสหภาพยุโรป และฝ่ายอาเซียนมีสมาชิกรวมกันเกือบ 40 ประเทศ มีประชากรร่วมกันกว่า 1,000 ล้านคน ซึ่งมีขนาดของเศรษฐกิจรวมกันเป็นที่ 3 รองจากสหรัฐฯ และจีนก็ว่าได้ ฉะนั้น จึงมีน้ำหนักในเวทีเศรษฐกิจ และการที่จะร่วมกันมุ่งดำเนินการในเรื่องสันติภาพ ก็แน่นอนก็คงจะได้รับความร่วมมือจากประชากรของทั้งโลกอีกประมาณ 6,000 กว่าล้านคน ซึ่งก็จะเป็นพลังอันทรงเกียรติและใหญ่หลวง
มนุษย์เราโดยสัญชาตญาณ โดยอารมณ์ และโดยความนึกคิด ที่มักจะใช้พละกำลังและสงครามเป็นเครื่องตัดสินปัญหา แต่บัดนี้ น่าจะถึงเวลาแล้ว ที่มนุษย์เราจะเริ่มต้นชีวิตและการอยู่ร่วมกันจากคำว่า สันติภาพ และบรรดาประชาชนพลเมืองของโลกก็ต้องรวมพลังกันในการบอกกล่าวและเรียกร้องให้ผู้นำต่างๆ ของเขา เลิกเล่นกับอาวุธยุทโธปกรณ์ และมาร่วมกันเพาะเลี้ยงนกพิราบขาวแห่งสันติภาพ
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี