มีคำถามว่า เมื่อข้าราชการพลเรือนบางคน และตำรวจบางคน รับเงินสินบน หรือกรรโชกทรัพย์จากใครก็ตาม เรื่องทุจริตเช่นนี้เป็นเรื่องที่ปลัดกระทรวงนั้นๆ หรือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องรับรู้หรือไม่
คำตอบคำถามข้างบนขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละฝ่าย หากเป็นฝ่ายที่มองว่าปลัดกระทรวง และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ก็อาจจะตอบว่าผู้บริหารระดับสูงขององค์กรไม่เกี่ยวข้อง แต่หากเป็นฝ่ายที่ไม่เชื่อว่าผู้บริหารระดับสูงขององค์กรเป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริต ก็ต้องตอบว่าผู้บริหารระดับสูงต้องรับรู้ หรือรู้เห็นเป็นใจด้วย
ข่าวการโยกย้ายอธิบดีกรม DSI (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) ที่กำลังเป็นข่าวในขณะนี้ ทำให้เกิดคำถามมากมายในสังคมว่า สรุปแล้วเรื่องนี้เป็นเหตุทุจริตเฉพาะตัวของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ หรือเป็นการทำทุจริตแบบขบวนการ แล้วสามารถโยงใยไปถึงผู้บริหารระดับสูงขององค์กรที่เกี่ยวข้องได้ด้วย
ก่อนอื่นต้องถามกันตรงๆ ว่า คนไทยส่วนใหญ่เชื่อจริงๆ หรือว่า ไม่มีการกรรโชกทรัพย์ และไม่มีการเรียกรับสินบนใดๆ ในแวดวงราชการไทย
และเชื่อหรือไม่ว่าข้าราชการไทยจำนวนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการพลเรือนบางคน หรือตำรวจบางคน และทหารบางคน ไม่มีพฤติกรรมรีดไถ กรรโชกทรัพย์ เรียกรับสินบน
ข่าวเงินสดของกลางจำนวนหนึ่ง (จำนวนเงินที่เป็นข่าวยังไม่มีความชัดเจน แต่มีการยืนยันว่าเป็นหลักล้านบาท) ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐไทยยึดได้จากกลุ่มคนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจสีเทาในประเทศไทย ดังที่กำลังตกเป็นข่าวในขณะนี้ ทำให้มีคำถามตามมาว่าเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปยึดทรัพย์จำนวนดังกล่าวยักยอกเงินบางส่วนไปหรือไม่
คำถามที่ตามมาคือ เหตุใดเมื่อเจ้าหน้าที่รัฐของไทยผู้เข้าไปยึดเงินของกลางจากคนจีนกลุ่มที่ตกเป็นข่าวจึงไม่บันทึกหลักฐานเป็นภาพถ่าย หรือภาพเคลื่อนไหวเพื่อให้เห็นชัดเจนว่าเงินที่ยึดมาได้มีจำนวนแท้จริงเท่าไร
การกรรโชกทรัพย์ใดๆ หรือการรับเงินสินบนโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นเรื่องที่คนไทยจำนวนมากปักใจเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง และเชื่อมาโดยตลอดว่าเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าจริง ถึงแม้จะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่สังคมไทยก็ยังไม่เคยเห็นว่ารัฐบาลชุดใดมีความสามารถขุดรากถอนโคนเรื่องนี้ให้สิ้นซากไปได้ เมื่อรัฐบาลซึ่งมีอำนาจรัฐสูงสุดแต่ไม่สามารถกวาดล้างเรื่องนี้ได้อย่างเด็ดขาด ก็จึงทำให้สาธารณชนปักใจเชื่อว่าเรื่องนี้รัฐบาลอาจจะมีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับการก่อเหตุทุจริตไปโดยปริยาย แม้รัฐบาลจะพยายามปฏิเสธอย่างแข็งขันสักเพียงใดก็ตาม
กรณีคนจีนที่ทำธุรกิจสีเทาในไทย นับเป็นเรื่องที่คนไทยจำนวนไม่น้อยเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดแต่ถึงกระนั้นคนที่ติดตามเรื่องนี้ ก็ไม่เชื่อว่าสุดท้ายแล้วกระบวนการยุติธรรมของไทยจะนำตัวคนทำผิดไปลงโทษตามกระบวนการกฎหมายได้ โดยมีเหตุผลที่ทำให้สาธารณชนไม่เชื่อก็เพราะว่า แม้จะมีหลักฐานชัดเจนปรากฏว่ามีเงินสดจำนวนหลายล้านบาทบนโต๊ะทำงานของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ปรากฏว่ามีการลงโทษขั้นเด็ดขาดกับคนก่อเหตุทุจริตได้ แม้จะมีคำสั่งโยกย้ายอธิบดีจากกรมอุทยานฯ ไปแปะไว้ที่สำนักนายกรัฐมนตรีก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงการย้ายเพื่อให้ดูเสมือนเรื่องสงบเงียบเท่านั้น แต่ในเมื่อความผิดปรากฏชัดเจนพร้อมพยานหลักฐาน แล้วไม่สามารถลงโทษผู้กระทำผิดได้ ก็ทำให้เกิดคำถามและเกิดความไม่เชื่อมั่นในสาธารณชนตามมา
ดังนั้น ภาพลบของข้าราชการไทยจำนวนหนึ่ง จึงเป็นภาพที่ฝังอยู่ในความทรงจำของคนทั่วไปว่าเต็มไปด้วยการทุจริต คอร์รัปชั่น ฉ้อราษฎร์บังหลวง กรรโชกทรัพย์ และเรียกรับเงินสินบน แล้วภาพลบเช่นนี้ก็ทำให้สาธารณชนมองลึกไปถึงรัฐบาล โดยมีสายตาที่เคลือบแคลงพร้อมกับมีคำถามตามมาว่า สรุปแล้วรัฐบาลไทยมีส่วนได้ส่วนเสียหรือรู้เห็นเป็นใจกับผู้ก่อเหตุทุจริตหรือไม่ เพราะไม่เคยปรากฏว่ารัฐบาลไทยจัดการขั้นเด็ดขาดกับคนทุจริต ยกเว้นเพียงโยกย้ายคนที่ตกเป็นข่าวทุจริตไปกองไว้ที่สำนักนายกรัฐมนตรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี