แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
nn การศึกษาด้านศิลปวัฒนธรรม เป็นการศึกษาที่สำคัญ และควรจะดำเนินควบคู่กันไปกับการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์เพราะความเจริญของบุคคล ตลอดจนถึงความเจริญของประเทศมีทั้งทางวัตถุและจิตใจ ความเจริญทั้งสองทางนี้จะต้องมีประกอบกัน เกื้อกูลและส่งเสริมกัน... (ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยศิลปากร 12 ตุลาคม 2509)...
nn ยิ่งใกล้จะหมดอายุของรัฐบาล และหมดอายุของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก็จะยิ่งพบว่าคนที่ยังมีอำนาจรัฐในกำมือต่างพยายามใช้ความได้เปรียบทางการเมืองเพื่อหาเสียงมากยิ่งขึ้น หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นชัดเจนคือการลงพื้นที่ของทั้งบิ๊กตู่-ประยุทธ์ จันทร์โอชา และบิ๊กป้อม-ประวิตร วงษ์สุวรรณ การอ้างว่าลงพื้นที่เพื่อตรวจราชการเป็นเพียงคำอ้างที่คนมีปัญญาไม่เคยเชื่อถือแม้แต่น้อย คอการเมืองต่างรู้ดีว่า บิ๊กป้อม ออกพื้นที่ในต่างจังหวัดถี่ยิบ ก็เพราะต้องการไปบล็อกนักการเมืองสังกัดพรรคพลังประชารัฐไม่ให้หนีไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติที่มีหน้าของบิ๊กตู่เข้าไปแปะไว้เรียบร้อยแล้ว...
nn ภาพการเมืองแบบน่าขบขันที่ปรากฏในปัจจุบันคือ ทหารแก่ผู้พี่ ขยันออกพื้นที่ราวกับว่าเป็นห่วงเป็นใยประชาชนเสียเหลือเกิน ส่วนทหารแก่น้อยกว่าผู้น้องก็ขยันออกพื้นที่ไม่น้อยไปกว่าทหารแก่กว่าผู้พี่ แหม! พูดก็พูดเถอะนะ หากทหารแก่ทั้งสองขยันออกพื้นที่เสียตั้งแต่เมื่อเริ่มมีอำนาจรัฐหลังก่อรัฐประหารใหม่ๆ ผู้คนอาจจะมีศรัทธามากกว่านี้ แต่นี่มาเร่งออกพื้นที่เอาในช่วงบั้นปลายของการมีอำนาจ แต่บางคนก็วิพากษ์ว่าน่าจะใกล้บั้นปลายของชีวิต ก็จึงทำให้ความน่าศรัทธามันไม่บังเกิดอย่างจริงจัง เพราะทุกคนต่างมองออกว่ามันคือการสร้างภาพเพื่อหวังคะแนน มิใช่ความจริงใจที่มีให้ประชาชน...
nn ในระยะนี้จะเห็นว่ามีป้ายหาเสียงทำนองโฆษณาชวนเชื่อสารพัดชนิด ที่ดูๆ ไปแล้วก็ไม่ต่างไปจากคำโกหกพกลม ป้ายเหล่านั้นติดอยู่ตามริมถนนต่างๆ ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และเกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย คำถามคือทำไมมีแต่ป้ายขายฝัน บางป้ายติดข้อความจนเกือบเข้าทำนองลวงโลก บางป้ายเน้นตอกย้ำหน้าตาของผู้เสนอตัวเป็น สส. แต่สาธารณชนไม่เคยเห็นว่าป้ายหาเสียงเหล่านั้นกล้าให้สัญญาว่าจะตามทวงเงินจำนวนมหาศาลของประเทศ ที่ถูกนักการเมืองฉ้อโกงไปกลับคืนมา มีแต่ป้ายเข้าทำนองโฆษณาชวนเชื่อทั้งนั้น แล้วก็ไม่เห็นมีป้ายไหนกล้าบอกว่า หากไม่ทำตามคำโกหก แล้วจะยอมให้ประชาชนลงโทษด้วยกรรมวิธีใด หรือจะรับผิดชอบอย่างไรกับโทษฐานจงใจโกหกประชาชน...
nn ถามว่าจะเชื่อถืออะไรกับคำโกหกของนักการเมืองทั้งหน้าใหม่ และหน้าเก่า รวมถึงนักการเมืองที่เป็นลูกของนักการเมืองโกงชาติที่ผลัดเข้ามาโกงบ้านโกงเมืองสืบต่อจากพ่อแม่ของตน หลายคนรู้ซึ้งดีว่าพ่อแม่ของนักการเมืองหน้าใหม่บางรายโกงชาติไปมากมายนับล้านล้านบาท แล้วหนีคดีอาญาไปเป็นสัมภเวสีอยู่นอกแผ่นดินไทย แต่ก็ยังกล้าส่งลูกเข้ามาโกงบ้านกินเมืองต่อ ส่วนลูกนักการเมืองก็ช่างเหลือกระไรเลย ไม่เคยสำเหนียกว่าพ่อแม่ของตนโกงบ้านกินเมืองไปจนทำให้บ้านเมืองพังพินาศ แต่ยังกล้าลอยหน้าโกหกว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาให้ประเทศ มันจะไปแก้ปัญหาของประเทศได้อย่างไร ก็ในเมื่อพ่อแม่ของนักการเมืองหน้าใหม่คือตัวการบ่อนทำลายประเทศจนพังพินาศ...
nn ตัวอย่างคำโกหกของนักการเมืองที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดในยุคนี้คือ คำลวงโลกจากการโฆษณาชวนเชื่อของผู้ว่าราชการกรุงเทพฯคนล่าสุด ลองกลับไปดูป้ายหาเสียงและคำหาเสียงต่างๆ นานา จากปากของผู้ว่าฯกทม. เมื่อปีกลาย แล้วกลับมาดูข้อเท็จจริงว่า สุดท้ายแล้วที่สัญญาแบบลวงโลกไว้นั้น ทำอะไรให้เป็นจริงได้บ้าง นอกจากทำไม่ได้แล้ว ยังดันไปลบล้างของดี ของเดิมๆ ที่เคยมีอยู่เสียอีก เรื่องแบบนี้คือเครื่องเตือนใจคนที่จะไปลงคะแนนเลือกตั้งให้ระวังและสำเหนียกให้ดี จะได้ไม่เสียรู้นักการเมืองลวงโลกอีกต่อไป แต่ถ้าหากรู้แล้วว่าเขาลวงโลก แต่ก็ยังอุตส่าห์ไปลงคะแนนให้ ก็ถือเสียว่าเป็นกรรมของสัตว์โลกผู้น่าสมเพช...
nn ปัญหาหนี้ครัวเรือนในหมู่คนไทยยังคงเป็นปัญหาใหญ่อันดับต้นๆ ของสังคม ล่าสุดมีรายงานจากสภาพัฒน์ ระบุว่า ผู้สูงอายุของไทยติดกลุ่มหนี้เสียมากขึ้น ข้อมูลหนี้เสียที่สภาพัฒน์ เปิดเผยนำมาจากตัวเลขของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ประจำไตรมาสที่สอง ปี 2565 พบว่ามีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL จำนวน 1.11 ล้านล้านบาท จำแนกตามกลุ่มอายุ พบว่าลูกหนี้อยู่ในกลุ่มผู้มีอายุ 41 ปีขึ้นไปถึง 60 ปีขึ้นไป แยกเป็นกลุ่มอายุ 41-50 ปี มีหนี้เสียรวม 3.37 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มอายุ 51-59 ปี มีหนี้เสียรวม 2.35 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.9 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มอายุเกิน 60 ปี มีหนี้เสียรวม 1.54 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.6 เปอร์เซ็นต์ อันที่จริงเมื่อดูลึกลงไปในกลุ่มลูกหนี้ NPL จะพบว่า กลุ่มคนอายุ 31-40 ปี มีหนี้เสียรวม 2.81 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ กลุ่มคนอายุ 21-30 ปี มีหนี้เสียจำนวน 1.02 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.7 เปอร์เซ็นต์ ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่าคนไทยตั้งแต่เด็กเริ่มทำงานจนถึงคนแก่วัยเลิกทำงานต่างก็มีหนี้เสียจำนวนมาก เรื่องพรรค์อย่างนี้แสดงให้เห็นว่าอนาคตของประเทศไทยน่าเป็นห่วงมาก เพราะคนไทยทุกกลุ่มอายุต่างเป็นหนี้กันมากมาย แต่ที่น่ากลัวก็คือทุกกลุ่มมีหนี้เสียในอัตราที่สูงจนขนหัวลุก...
nn จับตาดูให้ดีว่าเมื่อเปิดใช้บริการสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์เรียบร้อยแล้ว จะมีนายทุนรายใดเข้าไปจับจองพื้นที่เพื่อการพาณิชย์ในสถานีกลางฯกันบ้าง ต้องไม่ลืมว่าสถานีกลางฯ มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับสถานีกลางของรถไฟในภูมิภาคอาเซียน ดังนั้น จึงไม่ต้องเป็นห่วงว่าพื้นที่สำคัญเช่นนี้จะพลาดจากมือของนักลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายหลักๆ ของเมืองไทยไปได้...
nn พื้นที่เชิงพาณิชย์ของสถานีกลางฯ คือ 47,675 ตารางเมตรและพื้นที่เชิงพาณิชย์สถานีรถไฟสายสีแดงอีก 3,700 ตารางเมตร รวมพื้นที่เชิงพาณิชย์สองจุดเข้าด้วยกันแล้วก็ตกกว่า 5 หมื่นตารางเมตร เพราะฉะนั้นนี่คือชิ้นปลามันที่นายทุนผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่มีทางปล่อยให้ชิ้นปลามันหลุดจากปากไปได้ ว่าแต่ว่ารายได้จะได้คาบปลาชิ้นสวยนี้ไปครอบครองเพื่อแสวงหากำไรสูงสุด สำหรับระยะเวลาเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ของสถานีกลางฯ ยาวนานถึง 20 ปีเลยเชียวแหละ งานนี้ใครได้ไปก็หวานคอแร้งเลย...
nn ปิดท้ายด้วยกลยุทธ์การทำงานกับเจ้าของธุรกิจสไตล์เจ้าสัวฮ่องเต้ทำตัวเป็นศูนย์กลางของจักรวาล การทำงานกับคนแบบนี้ต้องทำใจให้หนักแน่น ไม่ต้องหวังคำชมใดๆ แค่ไม่ถูกด่าประจำวันก็เบาใจได้แล้ว อย่าลืมว่าเจ้าสัวฮ่องเต้มีนิสัย (เสีย) คือหลงเชื่อและคิดเอาเองว่า การที่บริษัทของตนยังอยู่รอดได้ แม้จะอยู่รอดแบบลุ่มๆ ดอนๆ เป็นเพราะบารมีที่สูงล้นของเจ้าสัวส่วนผู้ร่วมงานอื่นๆ เป็นแค่ไม้ประดับเท่านั้น หาได้มีฝีมือในสายตาของเจ้าสัวฮ่องเต้แม้แต่น้อย ต้องจำไว้ว่าเจ้าสัวฮ่องเต้ คือผู้ครอบครองความถูกต้องทั้งหมด ส่วนคนผิดคือผู้อื่น...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี