เห็นภาพนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ชาวบ้านเรียกว่า ลุงตู่ กับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณหรือ ลุงป้อม เร่เดินสายตรวจงานบังหน้าแต่เนื้อหาคือการหาเสียงเลือกตั้งที่จะมาถึง เป็นเรื่องปกติที่นักการเมืองออกเดินสายหาเสียงล่วงหน้าเป็นเวลาหลายเดือน ในนานาอารยประเทศไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นหรือแม้แต่ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นสมาชิกอาเซียนร่วมกับประเทศไทย ผู้นำทางการเมืองล้วนหาเสียงล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นการหาเสียงเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขเช่นอังกฤษหรือการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีในประเทศที่เป็นสาธารณรัฐ อย่าง สหรัฐอเมริกา นักการเมืองออกหาเสียงล่วงหน้าก่อนวันเลือกตั้งนานเป็นปี
แต่การหาเสียงของนักการเมืองในนานาอารยประเทศเขาออกไปพบประชาชนไปหาเสียงสถาบันการศึกษาและสถาบันอื่นๆ เพื่อนำเสนอนโยบายที่คิดขึ้นมาส่วนตัวไปพร้อมๆ กับเสนอแนวทางถาวรของพรรคที่ผู้นำจะปฏิบัติหากชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะนักการเมืองเหล่านั้นพวกเขาสังกัดพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันการเมือง ที่ได้วางรากฐานแนวทางอุดมการณ์ทางการเมืองไว้ยาวนาน และผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่รู้ล่วงหน้าว่าพรรคนั้นพรรคนี้มีแนวทางอนุรักษ์นิยมเสรีประชาธิปไตย เป็นพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หรือเป็นพรรคประชาธิปไตยประชานิยม
ดังนั้นในนานาอารยประเทศจึงมีพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันทางการเมืองจริง อาทิ ประเทศอังกฤษมีพรรคเลเบอร์กับพรรคคอนเซอร์เวทีฟเป็นหลัก สหรัฐอเมริกามีพรรครีพับลิกันกับพรรคเดโมแครตผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะผลัดมาเป็นร้อยปีแล้ว ในทวีปเอเชียประเทศญี่ปุ่นมีพรรคเสรีประชาธิปไตยเป็นหลัก ซึ่งชนะเลือกตั้งปกครองประเทศมายาวนานเหมือนกับพรรคกิจประชาชนในประเทศสิงคโปร์ที่เป็นรัฐบาลมายาวนานหลายทศวรรษเช่นกัน และก็เหมือนกับพรรคองค์การมลายูรวมชาติหรือพรรคอัมโน ในประเทศมาเลเซียซึ่งผูกขาดเป็นรัฐบาลมานานกว่า 60 ปี
ประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซียจึงเหมือนกับประเทศในทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกาที่มีพรรคการเมืองเป็นสถาบัน
ประเทศมาเลเซีย พรรคองค์การมลายูรวมชาติหรือพรรคอัมโน ชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาลมานานกว่าหกสิบปีแต่ก็มีบ้างที่บางครั้งมีพรรคเฉพาะกิจขั้นรายการบริหารประเทศได้สองสามปีแล้วล้มหายตายจากไปและพรรคอัมโนก็กลับมาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศอีกต่อไป ในประเทศไทยก็เห็นมีพรรคประชาธิปัตย์เพียงพรรคเดียวที่เป็นสถาบันการเมืองมายาวนานกว่าแปดสิบปี ประเทศไทยมีพรรคการเมืองจัดตั้งขึ้นแล้วล้มหายตายจากไปไม่น้อยกว่าสามร้อยพรรค ส่วนใหญ่เป็นพรรคเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมาเพื่อใครคนใดคนหนึ่งหรือเพื่อเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง
ดังนั้นการหาเสียงในประเทศไทยจึงแปลกประหลาดไม่เหมือนใคร การหาเสียงล่วงหน้าคือออกไปหาผู้สมัครเลือกตั้งในนามพรรค แทนที่จะไปพบกับประชาชนเพื่อเสนอนโยบายแนวทางบริหารประเทศ ทุกวันนี้พี่น้อง 2ป. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรีที่ใช้คำว่าไปตรวจราชการ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าออกไปหาเสียงแบบพิสดารพันลึกคือทั้งลุงป้อมหัวหน้าพรรค พปชร. กับ ลุงตู่ ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ รทสช. เดินสายออกหาว่าที่ผู้สมัครเลือกตั้ง สส. เป็นหลักลุงป้อม ลุงตู่ไปจังหวัดไหนก็มีนักเลือกตั้งขนคนมาต้อนรับมาส่งเสียงเชียร์ลุงป้อม สู้สู้ ลุงตู่ สู้สู้ แต่เบื้องหลังของมวลชนจัดตั้ง ซึ่งนักการเมืองที่มีเป้าหมายว่าจะมาร่วมงานกับพรรคเป็นผู้จัดการวางโปรแกรมให้ทั้งหมด
การหาเสียงของลุงตู่กับลุงป้อมจึงสมหวังบ้างผิดหวังบ้างเพราะส่วนใหญ่ได้เห็นแต่ภาพลวงตาตัวอย่างคือ เมื่อมีสส. พปชร. ที่ย้ายตามลุงตู่ไปรทสช. ก็จัดอีเวนต์ใหญ่ขนชาวบ้านใส่รถบัสมาเป็นร้อยคันจากจังหวัดที่ ว่าที่ผู้สมัครขนมาโชว์ลุงตู่ในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เฉพาะจังหวัดชลบุรีเห็นป้ายรถบัสสิบสองคัน ทำให้ลุงตู่มั่นใจว่าชลบุรีจะได้ผู้สมัคร สส.เกรดเอ สมัครในนาม รทสช.หลายราย แต่หนึ่งอาทิตย์ต่อมานายสนธยา คุณปลื้มลูกชายกำนันเป๊าะอดีตผู้ยิ่งใหญ่คับชลบุรีออกมาประกาศว่าเลือกตั้งครั้งนี้จะย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทย
ลุงป้อมตัดหน้าลุงตู่ไปพบ สส.หลายพรรคในจังหวัดราชบุรีด้วยความมั่นใจว่าจะมี สส. ย้ายมาอยู่ พปชร.ทั้งจังหวัด วันที่ 19 ม.ค. ลุงตู่ลงไปเปิดงานเทศกาลตรุษจีนอย่างยิ่งใหญ่มีป้ายขนาดยักษ์เชียร์ลุงตู่ ไปต่อ ลุงตู่ สู้สู้ มี สส.จังหวัดราชบุรีมาห้อมล้อม มีทั้งว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคภูมิใจไทยก็มาต้อนรับ ลุงตู่แจกหัวใจแจกความรักตามสไตล์และคงอิ่มอกอิ่มใจว่าจะได้ สส.ราชบุรีอย่างน้อยสองคน
ในตอนดึกของวันที่ 19 ม.ค. ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าหลับฝันไปหรือมีคนโทรมาบอกว่า “กลุ่มนายสมศักดิ์ (เทพสุทิน) ตัดสินใจย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทย “เกือบ 100% แล้วพี่” นี่คือภาพลวงตาที่นายทหารผันตัวมาเป็นนักการเมืองมองไม่เห็นและไม่เข้าใจลึกซึ้งถึงพฤติกรรมของนักเลือกตั้งส่วนใหญ่ของประเทศไทยว่ามันซับซ้อนอย่างไร สิ่งที่พี่น้อง 2ป. เห็นอยู่เบื้องหน้าล้วนเป็นภาพลวงตาที่นักเลือกตั้งล้อมหน้าล้อมหลังจัดอีเวนต์ให้เห็น
พี่น้อง 2ป. ไม่เคยถอดบทเรียนจากนิทานเรื่อง “ตาอินกับตานาหาปลามากินกัน” ว่า สุดท้ายแล้วตาอยู่เป็นผู้คว้าพุงปลาไปกิน และพี่น้อง 2ป. ที่เติบใหญ่ทางการเมืองขึ้นมาเพราะจับปลาบ่อเพื่อนยังหลงระเริงว่า เลือกตั้งที่จะมาถึงจะได้ปลาที่จากบ่อเพื่อนมากพอที่จะเป็นรัฐบาลบริหารประเทศต่อไป โดยไม่ได้เอะใจว่ามีตาอยู่หลายคนทั้งที่ตาอยู่ในประเทศไทยและตาอยู่ที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยไม่ได้จ้องจะแย่งพุงปลาตาเป็นมัน
ดูจากข่าวประชาสัมพันธ์ที่ทำเป็นขบวนการแล้วพบว่าลุงตู่กับลุงป้อมยังคงแย่งกันตัดหน้าไปจับปลาบ่อเพื่อนอีกหลายจังหวัดรวมทั้งจังหวัดชุมพร พิษณุโลก นครสวรรค์ ฯลฯ ในฐานะคนในพื้นที่อยากบอกลุงตู่ว่าลงมาจับปลาบ่อเพื่อนที่ชุมพรอาจได้ปลาซิวปลาสร้อยหรือไม่ก็ได้ปลาเน่า เหมือนที่ลุงป้อมไปได้ปลาเน่ามาจากกว๊านพะเยาที่จะเหม็นเน่ากันทั้งข้อง
สาเหตุที่ลุงตู่กับลุงป้อมต้องหาเสียงแบบพิสดารคือออกหาว่าที่ผู้สมัครมากกว่าหาเสียงกับผู้มีสิทธิลงคะแนนเพราะพี่น้อง 2ป. เป็นแกนนำทางการเมืองของพรรคเฉพาะกิจ จึงไม่มีนักเลือกตั้งที่อยู่พรรคนานจนตกผลึกในอุดมการณ์ เพราะพรรคเฉพาะกิจเฉพาะกาลอายุการทำงานไม่เกินสองปี
ลุงป้อมยอมรับความจริงว่า ตั้งพรรคพลังประชารัฐขึ้นมาเพื่อรองรับลุงตู่ให้เป็นนายกฯต่อเนื่องจากนายกฯ คสช. ส่วนลุงตู่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าสะกิดให้แรมโบ้อีสานไปจดทะเบียนตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติเมื่อพบว่า พปชร. ไปต่อไม่ได้เพราะปลาที่จับมาจากบ่อเพื่อไทยมันมีปลาเน่าติดมาและทำท่าจะเหม็นกันทั้งข้อง แต่แรมโบ้อีสานจดทะเบียนตั้งพรรคได้ไม่นานก็เกิดข้อครหาเรื่องโควตาลอตเตอรี่ที่เจ้าตัวอ้างว่าพูดเล่นกับเพื่อนแต่นางดันอัดเสียงพูดไปประจาน เป็นเหตุให้ลุงตู่ต้องหาตัวเล่นใหม่ได้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค มาเป็นเลขาฯและเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติในเวลาเดียวกัน
และสิ่งที่ทำให้ลุงตู่กับลุงป้อมต้องรับภาระหนักเมื่อตั้งพรรคเฉพาะกิจขึ้นมาแล้วต้องจับปลาในบ่อเพื่อน ตลอดถึงแย่งปลาในบ่อที่เลี้ยงร่วมกันมา สาเหตุหลักน่าเป็นเพราะว่า พรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีอาจารย์ใหญ่เหมือนพรรคภูมิใจไทย และไม่มีเจ้าของพรรคอยู่แดนไกล ไม่มีนักวิชาการอดีตสหายทหารป่าซึ่งชำนาญในการล่อปลาเหมือนพรรคเพื่อไทย พูดง่ายๆ คือ รทสช. ไม่มีมือประสานนักการเมืองเหมือนพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย นอกจากนั้น รทสช. ไม่มีเลขาฯพรรค รองหัวหน้าพรรคที่มีบารมีและแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบเหมือนพรรคประชาธิปัตย์
ส่วนพรรคพลังประชารัฐนักการเมืองมือประสานงานและรู้ทิศทางลมการเมืองดีรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็ชัดเจนเกือบ 100% แล้วว่าจะย้ายไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย
จึงเป็นเวรกรรมของพี่น้อง 2ป. ต้องทำสงครามที่ไม่มีทีท่าเอาชนะได้ เหมือนคำโบราณกล่าวไว้ว่า“เรือล่มเมื่อจอดตาบอดตอนแก่” ตาบอดตอนแก่ในที่นี้คือแทนที่จะปฏิรูปการเมืองไทยในขณะที่มีอำนาจเด็ดขาดอยู่ในมือ ดันเดินตามแนวทางนักธุรกิจการเมืองที่แนะนำให้ตั้งพรรคเฉพาะกิจขึ้นมา เมื่อพรรคเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมาทำท่าจะไปไม่ไหวก็ตั้งพรรคเฉพาะกิจใหม่ขึ้นมาอีกด้วยความหวังว่า บทเฉพาะกาลห้าปีที่ยังเหลือเวลาบังคับใช้อีกปีกว่าจะประคองตัวไปได้จนหมดวาระสองปีที่เหลืออยู่
ดังนั้นอย่าโทษใครเมื่อถึงสถานีสุดท้ายปลายทางพี่น้อง 2ป. อาจมีชะตากรรมเหมือนตาอินกับตานาที่ถูกตาอยู่แย่งพุงปลาไปกิน ถึงวันนั้นให้ปลงเสียว่า “เป็นการใช้เวรใช้กรรมที่ทำกับประเทศไทยคือสืบทอดการสร้างพรรคเฉพาะกิจขึ้นมาสร้างความหายนะให้ระบอบประชาธิปไตย” คุณงามความดีที่ทำมาตลอดเวลาแปดปีไม่อาจลบล้างความผิดที่ทำลายประชาธิปไตยเพราะสร้างพรรคเฉพาะกิจได้
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี