ความคิด (The Thoughts) ที่ออกมาเป็นคำพูดหรือศัพท์แสงของผู้นำสูงสุดของจีน ท่านสี จิ้นผิงที่ดำรงตำแหน่งทั้งประธานาธิบดี เลขาธิการพรรค และประธานคณะกรรมการทหาร นั้นมีความเป็นประกาศิตที่พรรคคอมมิวนิสต์และประชาชนจีนต้องรับฟังและนำไปปฏิบัติ ที่ผ่านมาล่าสุดก็เป็นการบ่งบอกว่า จีนมองตนเองและจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดในโลกกว้าง ซึ่งชาวโลกก็ต้องรับรู้ไปด้วย และต้องพยายามเสริมสร้างความเข้าอกเข้าใจ เพื่อจะได้สามารถข้องแวะ หรือจะต่อกรกับจีนไปตามความเหมาะสม
ก็ใคร่ขอเรียนทบทวนศัพท์แสงที่สำคัญๆ และน่าสนใจบางประการดังนี้
1. The century of humiliation หรือศตวรรษแห่งความตกต่ำอับอายขายหน้าของจีน หมายถึงช่วงเวลาประมาณปลายปีศตวรรษที่ 19 จนถึงต้นศตวรรษที่ 20 ที่ขณะนั้นจีนได้พ่ายแพ้สงครามต่อญี่ปุ่น ถูกญี่ปุ่นรุกราน และบรรดาฝ่ายประเทศนักล่าอาณานิคมตะวันตกก็เข้ามามีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนของจีน ซึ่งเมื่อวันนี้ ที่จีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก มีความมั่งมีมั่งคั่ง มีแสนยานุภาพทางการทหารไล่ตามสหรัฐอเมริกา และมีการพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อีกทั้งก็มีเงินทองที่จะไปแพร่ขยายอิทธิพลเศรษฐกิจ (Rejuvenate) ไปทั่วโลก จึงถึงเวลาแล้วที่จีนจะกลับมาผงาด ขึ้นมายิ่งใหญ่ในโลกกว้าง และทำการแข่งขัน และยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับประเทศ
เจ้าโลกมาล่วงกว่า 100 ปี (นั่นคือ สหรัฐอเมริกา) และมุ่งมั่นที่จะขจัดอิทธิพลของฝ่ายสหรัฐฯ ในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตก หรือแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกออกไป อีกทั้งจะมุ่งปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์กติการะหว่างประเทศที่ริเริ่มและครอบงำโดยฝ่ายตะวันตก นำโดยฝ่ายสหรัฐฯ ให้จีนมีสุ้มมีเสียงมากยิ่งขึ้น และเสนอทางเลือกที่จีนเป็นผู้นำพาได้ และในการนี้จึงนำไปสู่ศัพท์แสงทางการเมืองว่าด้วย The rise of China และ Assertive China
2. Socialism with Chinese characteristic ซึ่งมีความหมายว่า จีนยังมุ่งมั่นที่จะยึดอยู่กับลัทธิสังคมนิยม ที่จะมีการบริหารจัดการและดำเนินการแบบสไตล์จีนเป็นการเฉพาะ ซึ่งจะได้แก่การมุ่งให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นแกน และเป็นอำนาจสูงสุดในการบริหารบ้านเมือง และตอบสนองความต้องการของประชาชนพลเมือง อีกทั้งเศรษฐกิจจีนก็จะเป็นแบบผสมผสานระหว่างบทบาทรัฐทางเศรษฐกิจ กับบทบาทของธุรกิจเอกชน โดยที่ความเป็นสังคมนิยม หรือนัยหนึ่งฝ่ายพรรคและกลไกรัฐบาลของรัฐ ผู้บริหารยังเป็นผู้ควบคุมกำกับและกำหนดทิศทาง อีกทั้งในกรอบสังคมนิยมนี้พรรคเป็นแกนนำ แกนกลางแล้วด้วยการยึดหลักของนักคิดและผู้นำทางการเมืองนิยม (Marxism-Leninism) คืออำนาจสูงสุดกระจุกตัวอยู่ที่กลุ่มผู้บริหารพรรคจำนวนน้อยนิด
3. Self-reliance คือการพึ่งตนเองให้มากที่สุดด้วยสติปัญญาของตนเอง และลดการพึ่งพา หรือถ้าจะต้องตัดขาดกับฝ่ายตะวันตกให้มากที่สุดก็เป็นการดี เพื่อความเป็นเลิศ และความเป็นตัวของตัวเอง ที่ไม่ต้องกังวลกับการถูกแทรกแซง ทั้งนี้ส่วนหนึ่งก็สืบเนื่องมาจากการที่ฝ่ายตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ ประกาศที่จะลดการพัวพันกับจีนในเรื่องเศรษฐกิจการค้า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อป้องกันมิให้จีนเอาประโยชน์และองค์ความรู้ไปใช้ในกิจการด้านการทหาร ที่อนาคตจะสามารถพัฒนาจนเป็นการคุกคามและภยันตรายต่อฝ่ายตะวันตก (Decoupling)
4. Dual circulation อันได้แก่การพัฒนา และก้าวไปข้างหน้าด้วย 2 ระบบ นั่นคือการพัฒนา และเสริมสร้างความใหญ่โตของตลาดภายในให้มากและเร็วที่สุด (Domestic market) นั่นก็เพื่อลดการพัวพันหรือพึ่งพาตลาดโลก (International market) หรืออีกมุมมองหนึ่งได้แก่ การให้โลกต้องพึ่งพาจีนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และในขณะเดียวกันจีนก็จะพึ่งพาโลกให้น้อยลงเป็นลำดับ
5. Common prosperity อันได้แก่การลดช่องว่างระหว่างคนมีคนจน และระหว่างเขตพัฒนาแล้ว กับเขตด้อยพัฒนาของจีน เพื่อเสริมสร้างความเสมอภาค ทัดเทียม และป้องกันมิให้ผู้ใดถูกลืมเลือนหรือตกหล่น
6. Common destiny หมายถึงการที่จีนจะขับเคลื่อนให้ประชาคมโลกอยู่ร่วมกัน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยมีอนาคตและความเจริญก้าวหน้าร่วมกันแบบไม่แบ่งแยก และไม่ให้มีการตกอยู่ในอิทธิพลหรือนำพาของประเทศหรือกลุ่มประเทศหนึ่งใด
7. No regime change ซึ่งหมายถึงการที่จีน (รวมทั้งรัสเซีย) ไม่เห็นด้วยกับการที่ฝ่ายตะวันตกนำโดยฝ่ายสหรัฐฯ จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมืองของประเทศหนึ่งใด เพื่อให้เป็นสังคมประชาธิปไตย ซึ่งในขณะเดียวกัน จีนก็ได้พยายามโฆษณาประชาสัมพันธ์ผลสำเร็จของการพัฒนาประเทศของจีน ด้วยการผสมผสานระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์พรรคเดียวเป็นแกนที่สามารถสร้างเสถียรภาพและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ด้วยการเข้าร่วมในระบบเศรษฐกิจการตลาดเสรีที่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างมีบทบาทในเรื่องการทำมาค้าขาย โดยพรรคเป็นผู้กำกับควบคุมดังกล่าว
8. Multi-party systems หรือระบบการเมืองแบบหลายๆ พรรคแข่งขันกันนั้น เป็นการบ่อนทำลายความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ และอำนาจสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์ จึงไม่เป็นที่ยอมรับได้ และจีนได้ศึกษาความล้มเหลวและความล่มสลายของสหภาพโซเวียต ที่เกิดจากการที่พรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตเริ่มอ่อนแอ จากการเปิดกว้างให้มีการตั้งพรรคใหม่ๆ ขึ้นมา
9. Hegemonic power หรือ Sphere of influence เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่ประเทศหนึ่งใดมีอิทธิพลเหนือประเทศอื่นๆ ในละแวก ซึ่งในกรณีของจีนก็เป็นเรื่องที่จีนประสงค์ที่จะสร้างเขตอิทธิพลในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนตอนใต้ โดยการขจัดอิทธิพลของฝ่ายสหรัฐฯ ออกไป
10. Paramount leader หมายถึงผู้นำสูงสุดที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งตลอดประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของจีน ก่อนหน้านั้นมีมาแล้ว 2 คน คือเหมา เจ๋อตุง กับเติ้ง เสี่ยวผิง และบัดนี้ คนที่ 3 ก็คือ สี จิ้นผิง
11. Stability คือเสถียรภาพของบ้านเมืองซึ่งฝ่ายจีนเห็นว่าการเมืองแบบระบอบพรรคเดียว และเมื่อพรรคมีความเข้มแข็งเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันก็สามารถที่จะประคอง นำพา และตอบสนองความต้องการของประชาชนพลเมืองได้ อีกทั้งนโยบายและมาตรการก็มักจะมีความต่อเนื่องและปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ขณะที่การเมืองแบบหลายๆ พรรคนั้น เป็นระบบที่ไร้เสถียรภาพในตัวของมันเอง เพราะผู้นำทางการเมืองจะต้องใช้เวลาทั้งในเรื่องหาเสียงและการบริหารบ้านเมือง (ซึ่งฝ่ายจีนมองข้ามประเด็นเรื่องสิทธิเสรีภาพ เรื่องการมีส่วนร่วม เรื่องกฎหมายและกฎเกณฑ์กติกาเป็นของส่วนกลาง มิใช่คำสั่งของพรรค เป็นต้น)
ทั้งหมดนี้ ก็ใคร่ขอเสนอมาเพื่อเป็นข้อมูล ข้อคิด และเพื่อช่วยในการติดตามความเป็นไปในจีน โดยเฉพาะกับการที่ฝ่ายไทยเราจะได้กำหนดท่าที และดำเนินความสัมพันธ์กับจีนให้เหมาะสม
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี