ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักตัวหนึ่งมาเป็นระยะเวลาอย่างน้อยประมาณ 2 ทศวรรษแล้ว โดยเฉพาะรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดังนั้น เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่เข้ามาเที่ยวเมืองไทย จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็จึงทำให้รายได้ของประเทศขาดหายไปโดยพลัน แล้วยังทำให้ภาคธุรกิจบริการการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวต้องประสบปัญหาวิกฤต จนหลายบริษัทในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต้องปิดตัวเองลง คนงานในภาคธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและบริการท่องเที่ยวต้องตกงานเป็นจำนวนนับแสนคน
วิกฤตโควิด-19 ที่รุมเร้าประเทศไทย และประเทศต่างๆ ทั่วโลกมาเป็นระยะเวลาประมาณ 2-3 ปี ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต่างๆ ซบเซา จนถึงขั้นต้องปิดตัวเอง ดังจะพบว่าธุรกิจสายการบิน และโรงแรมหลายแห่งต้องเลิกกิจการไปส่งผลให้โลกได้เห็นว่า แม้นักบินที่เคยทระนงตนว่าไม่มีวันตกงาน ก็ได้ลิ้มรสชาติของการตกงานแล้ว
แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมาประเทศในย่านยุโรปและสหรัฐอเมริกาจำเป็นต้องประกาศเปิดเมืองหลังจากปิดเมืองมาระยะหนึ่งเพื่อแก้ปัญหาแพร่ระบาดโควิด-19 ถึงแม้ว่าโควิด-19 จะยังไม่ได้ถูกขจัดให้หมดสิ้นไปก็ตาม ก็ทำให้ธุรกิจในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวมากขึ้น จนกระทั่งเมื่อจีนประกาศยุตินโยบาย Zero COVID อย่างกะทันหันแบบไม่มีปี่มีขลุย เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม 2566 ก็เป็นเสมือนการโปรยน้ำทิพย์ลงไปสู่ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทำให้หลายประเทศที่กำลังหิวกระหายเงินจากนักท่องเที่ยวจีน ต่างพยายามอ้าปากเพื่อรอรับเงินจากจีน แม้ในใจอาจจะนึกหวาดหวั่นกับเรื่องของโควิด-19 ที่อาจจะติดตัวนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาด้วยก็ตาม แต่เพื่อความอยู่รอด ก็จำต้องยอมเสี่ยง โดยบางฝ่ายถึงกับกล่าวแบบติดตลก (แต่ไม่ค่อยขำ) ว่า ต้องเลือกเอาระหว่างอดตาย กับติดโควิดแล้วตาย
สำหรับไทย คาดการณ์ว่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2566 จำนวน 2.25 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะเมื่อจีนเปิดประเทศอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศได้โดยเสรีมากขึ้น และคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้าไทยประมาณ 28-29 ล้านคน
สำหรับไทยนั้นประกาศเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมาตั้งแต่กลางปี 2565 แล้ว ส่งผลให้ไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงปี 2565 ประมาณ 1.25 ล้านล้านบาท แต่รายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2565 นั้นยังเป็นรายได้ที่มาจากนักท่องเที่ยวไทยอย่างมีนัยสำคัญ แม้ในความเป็นจริงจะพบว่ากำลังซื้อของนักท่องเที่ยวไทยยังเป็นรองกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดังนั้นเมื่อจีนเปิดประเทศ ก็จึงทำให้ความหวังที่จะมีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นโดยพลัน แต่ก็ยังถูกมองว่ารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะไหลไปยังเมืองท่องเที่ยวสำคัญๆ เท่านั้น โดยที่เมืองอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็ยังไม่ได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวแต่ประการใด
แต่ก่อนที่นักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาไทยนั้น ไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง เช่น มาเลเซีย ลาว กัมพูชา สิงคโปร์ และมีรายได้หลักอีกทางหนึ่งจากนักท่องเที่ยวอินเดีย ดังจะพบว่านักท่องเที่ยวชาวอินเดียเข้ามาช่วยต่อลมหายใจให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยได้อย่างทันเวลา ก่อนที่จะสิ้นลมหายใจ แต่แล้วเมื่อวันที่นักท่องเที่ยวจีนดูเสมือนว่าจะแห่กลับเข้าไทย ก็บังเกิดเรื่องนักท่องเที่ยวอินเดียชะลอหรือยกเลิกการเดินทางเข้ามาเที่ยวไทย โดยผู้ประกอบการท่องเที่ยวในภูเก็ตและพัทยาบอกว่านักท่องเที่ยวอินเดียหายวับไปทันทีประมาณ 50-60 เปอร์เซ็นต์ และยกเลิกการจัดประชุมสัมมนา รวมถึงการแต่งงานโดยสิ้นเชิง 100 เปอร์เซ็นต์
เมื่อจีนมามากๆ เข้า ก็ทำให้อินเดียหายไปจากไทย แต่อินเดียจะหายไปแบบถาวรหรือไม่ก็ต้องติดตามดูกันต่อไป แล้วก็ต้องดูอีกว่าทางการไทยและภาคเอกชนไทยจะมีความสามารถสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวอินเดียให้กลับเข้าเที่ยวไทยได้หรือไม่ เชื่อว่าผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยไม่ต้องการเสียลูกค้าชาติใดๆ ไปอย่างแน่นอน เพราะตระหนักดีว่ารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมีคุณค่ายิ่งต่อลมหายใจของผู้ประกอบการ และทางการไทยก็ประจักษ์แล้วว่า รายได้จากการท่องเที่ยวมีผลต่อลมหายใจเศรษฐกิจไทย แล้วที่สำคัญคือในปี 2566 นี้ การส่งออกของไทยน่าจะหดตัวอย่างหนัก เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกไม่สดใส ดังนั้น ทางรอดทางหนึ่งคือ ต้องดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูงให้เข้ามาในประเทศให้ได้มากที่สุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี