ขณะนี้เหลือเวลาอีกราวเดือนครึ่งก็จะครบวาระของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ และมีผลให้คณะรัฐมนตรีต้องพ้นตำแหน่งไปพร้อมกัน อย่างช้าที่สุดก็ในวันที่ 23 มีนาคมนี้ โดยที่คณะรัฐมนตรียังคงรักษาการต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะเข้ารับตำแหน่ง
ปัญหาที่กังวลกันมาก่อนหน้านี้คือกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งยังไม่แล้วเสร็จและยังไม่ประกาศใช้แต่มาถึงวันนี้ปัญหากังวลดังกล่าวได้หมดสิ้นไปแล้ว เพราะได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ใช้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีอุปสรรคในการเลือกตั้งเหมือนกับที่ผ่านมา
เมื่อกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งประกาศใช้ ในวันรุ่งขึ้น กกต. ก็ได้ประกาศกำหนดเขตเลือกตั้งแต่ละเขตว่ามี สส. ได้กี่คน ซึ่งจะใช้เป็นหลักในการรับสมัครรับเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งและในการประกาศผลการเลือกตั้งต่อไป ดังนั้น สถานการณ์แบบนี้ถ้าดูเผิน ก็เห็นว่ามีความพร้อมที่จะเลือกตั้งแล้ว นั่นคือถ้ามีการยุบสภาก่อนที่จะหมดวาระของสภาก็สามารถจัดการเลือกตั้งได้
จึงเป็นที่จับตาดูกันว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยอมให้ฝ่ายค้านเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติแล้วเหลือเวลาไม่กี่วันก็เลือกตั้ง ซึ่งจะมีผลกระทบเชิงลบต่อพรรครวมไทยสร้างชาติและพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาอย่างหนักหน่วง
และถ้าเห็นว่าจะเสียหายต่อประโยชน์ทางการเมืองก็อาจยุบสภาเสียก่อนการอภิปรายทั่วไป หมายความว่าอาจมีการยุบสภาก่อนวันที่ 15 กุมภาพันธ์2566 ซึ่งเป็นวันเปิดอภิปรายทั่วไป ดังนั้นจากนี้ไปจนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 จึงต้องจับตาดูกันว่าจะมีการยุบสภาหรือไม่ เพราะเหตุการณ์นี้ย่อมส่งผลกระทบได้เสียทางการเมืองอย่างรุนแรงด้วย
ปรากฏว่าทันทีที่ กกต. ประกาศเขตเลือกตั้ง ก็มีเสียงท้วงติงที่หนักหน่วงและมีเหตุผล มากว่าอาจทำให้การเลือกตั้งนี้เป็นโมฆะ ซึ่งจะก่อให้เกิดวิกฤตทางการเมืองครั้งใหญ่และเป็นผลให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใดในขณะที่สารพัดปัญหากำลังโหมประดังเข้ามาอย่างรุนแรง
นั่นคือการท้วงติงของอาจารย์สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ที่ทักท้วงว่าในการกำหนด สส. แต่ละเขตเลือกตั้งนั้นอาจมีปัญหาทางกฎหมาย เนื่องจากมีการนำประชากรต่างด้าวซึ่งมีชื่อในทะเบียนบ้านมารวมคำนวณเป็นประชากรไทย และมีจำนวนมากร่วม 1 ล้านคน ซึ่งทำให้จำนวน สส. ในแต่ละเขตเลือกตั้งเป็นไปตามจำนวนประชากรต่างด้าวด้วย
ในการคำนวณดังกล่าวนั้นจะต้องนำจำนวนประชากรซึ่งหมายถึงประชากรที่เป็นคนไทยมาเป็นตัวตั้งแล้วเอาจำนวน สส. 400 คน หารจำนวนประชากรดังกล่าวก็จะได้ผลว่าต้องมีประชากรกี่คน จึงจะมี สส. ได้ 1 คนซึ่งต้องถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อการเลือกตั้งมิฉะนั้นก็จะไม่เป็นไปตามกฎหมายเลือกตั้งและรัฐธรรมนูญ
เมื่อได้สัดส่วนว่าประชากรกี่คนมี สส. 1 คนแล้วก็จะนำจำนวนประชากรในแต่ละเขตเลือกตั้งว่ามีเท่าใด แล้วเอาจำนวนสัดส่วนที่คำนวณได้นั้นไปคำนวณเป็นจำนวน สส. ของเขตเลือกตั้งนั้นว่ามี สส. ได้กี่คน
ดังนั้นประชากรที่เป็นคนไทยจึงมีนัยสำคัญต่อสัดส่วนจำนวน สส. ต่อจำนวนประชากรและการคำนวณจำนวน สส. ของแต่ละเขตเลือกตั้ง เพราะความสำคัญเช่นนี้หากไม่เป็นไปตามกฎหมายก็อาจมีผลให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะทั้งประเทศ
การนำเอาคนต่างด้าวที่มีทะเบียนบ้านอยู่ในทะเบียนบ้านมาคำนวณจึงเป็นปัญหาสำคัญ เพราะการที่คนต่างด้าวมีชื่อในทะเบียนบ้านนั้นเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยทะเบียนบ้าน แต่ไม่เกี่ยวกับสิทธิในการเลือกตั้ง ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และไม่ทำให้ผู้มีชื่อในทะเบียนบ้านนั้นเป็นประชากรชาวไทย
ดังนั้นการท้วงติงของท่านอาจารย์สมชัย ศรีสุทธิยากรจึงมีน้ำหนัก และมีเหตุผลควรรับฟัง และต้องพิจารณาแก้ไขปรับปรุง ถ้าหากเห็นว่าคลาดเคลื่อนจากกฎหมายเพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และจะเกิดปัญหาถึงขั้นวิกฤตใหญ่ในบ้านเมืองได้
กกต. ควรฟังคำท้วงติงด้วยใจอันบริสุทธิ์ และต้องสำเหนียกด้วยว่า ณ เวลาบัดนี้ กกต. ได้ถูกดำเนินคดีและถูกศาลพิพากษาให้รับผิดชอบในความเสียหายจากการวินิจฉัยเรื่องเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งย่อมเกิดความเสียหายแก่รัฐ รวมทั้ง กกต. เป็นส่วนตัว และยังไม่รู้ว่าความรับผิดในทางอาญาจะเป็นไปเพียงใด ดีร้ายก็อาจจะติดคุกจนตายในคุกก็ได้ จึงเป็นเรื่องควรสังวรอย่างยิ่ง
การทบทวนพิจารณาตามคำท้วงติงของผู้รู้และผู้มีประสบการณ์โดยตรงของท่านสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. จึงมีแต่จะเป็นประโยชน์สถานเดียว ไม่มีโทษใดๆ เลย แบบนี้ถ้าหากไม่ฟังคำท้วงติงเสียเลยก็อาจถูกกล่าวหาได้ว่าจงใจกระทำการบางอย่างให้เกิดปัญหาในบ้านเมือง
เพราะถ้าการเลือกตั้งเป็นโมฆะก็จะเป็นโมฆะทั้งประเทศ และ กกต. ก็จะต้องกำหนดเขตเลือกตั้งและจำนวนสส. แต่ละเขตเลือกตั้งกันใหม่แล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งจะเกิดความเสียหายมหาศาลสุดที่จะคาดคิด ไม่ว่าความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศชาติ ความมีเสถียรภาพของประเทศชาติ ความขัดแย้งทางการเมืองที่อาจถึงขั้นเป็นกลียุคหรือเกิดวิกฤตใหญ่ แม้กระทั่งอาจเป็นเหตุให้เกิดรัฐประหารเหมือนเหตุการณ์ล้มการเลือกตั้งในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ได้
ควรจะมีความสังวรโดยทั่วกันว่าสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้เป็นที่รู้และเข้าใจกันโดยทั่วไปว่ายากที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกสมัยหนึ่ง ถึงแม้จะมีการเลือกตั้งก็ยากที่จะได้กลับสู่ทำเนียบรัฐบาลได้
เพราะประการแรก พรรครวมไทยสร้างชาติจะต้องได้สส. ถึง 25 คน จึงจะมีสิทธิ์เสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต่อรัฐสภา ต่อมาพรรครวมไทยสร้างชาติจะต้องมีสส. มากกว่าพรรคอื่นจึงจะมีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล ถัดมาก็ต้องสามารถรวบรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร คือต้องได้ สส. รวมกันถึง 252 เสียงขึ้นไปและยังต้องมีเสียงสนับสนุนจาก สว. อีกอย่างน้อย 126 เสียงซึ่งล้วนเป็นปัญหาหนักอกที่ยังแก้ไม่ตกในขณะนี้
ในขณะเดียวกัน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้ประกาศท่าทีชัดเจนว่าต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปเพื่อต้องการทำงานที่ยังไม่เสร็จให้ลุล่วงไปให้ได้ แต่ถ้ามีการเลือกตั้งและฝ่าอุปสรรคต่างๆ ไม่ได้ เวลาการอยู่ในตำแหน่งของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้ในช่วงรักษาการก็เห็นจะไม่เกินเดือนกรกฎาคม 2566
แต่ถ้าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะรักษาการนายกรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งไม่รู้ว่าจะเลือกตั้งเสร็จเมื่อใด ในขณะที่ประเทศชาติต้องเสี่ยงวิกฤตอย่างใหญ่หลวง ที่ถึงขั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในทุกมิติของโครงสร้างของประเทศก็ได้ และเหล่านี้ล้วนเป็นความรับผิดชอบของ กกต. ที่จะต้องรีบทบทวนแก้ไขเพื่อให้การทั้งปวงเป็นไปโดยถูกต้อง
ถ้าหากไม่ได้ดำเนินการใดๆ ก็อาจทำให้คนทั้งหลายมีความสงสัยหรือมีความวิตกกังวลว่าการกำหนดเขตเลือกตั้งและจำนวน สส. ของแต่ละเขตเลือกตั้ง โดยนำจำนวนคนต่างด้าวเกือบล้านคนมาเป็นฐานคำนวณด้วยอาจเป็นเรื่องของอภินิหารทางกฎหมาย ที่จะมีผลให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
และโมฆะนั้นจะทำให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกนานเท่าใดก็ไม่มีใครรู้ และนั่นก็หมายความว่าได้นำประเทศชาติและประชาชนทั้งปวงเป็นตัวประกันให้กับความเปลี่ยนแปลงชนิดที่ใครก็คาดคิดไม่ถึง
ดังนั้นเรื่องนี้ กกต. และประชาชนทั่วประเทศจะมองข้ามไม่ได้ จะไม่ดูดีดูดายพิจารณาคำท้วงติงที่มีเหตุผลและมีน้ำหนักนั้นหาควรไม่ เพราะหากเกิดอันตรายเสียหายขึ้นแล้วเรื่องนี้ใครก็รับผิดชอบไม่ไหว และผู้เกี่ยวข้องจะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ล้มล้างบ้านเมือง ถ้าหากมีอันเป็นไปเกิดขึ้นจากความเป็นโมฆะในการเลือกตั้งครั้งนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี