กรณีคำสั่งโยกย้ายนายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ ไปเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย ดูจะทำให้เครือข่ายพรรคก้าวไกล แนวร่วมม็อบสามนิ้ว ออกอาการดิ้นพล่าน
1. เมื่อวันที่ 2 ก.พ. นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ให้มีการตรวจสอบกรณีที่ตนเองถูกโยกย้าย
นพ.สุภัทร ระบุว่า ตนพบข้อพิรุธชัดเจนในการโยกย้ายครั้งนี้
ประการแรก มีการย้ายผู้ตรวจราชการที่เพิ่งถูกแต่งตั้งมาเพียงเดือนเดียวโดยผู้ตรวจราชการเขต 12 ท่านเดิม ผู้ไม่ยอมลงนามในคำสั่งย้ายได้ถูกย้ายออกหลังจากผู้ตรวจการคนใหม่มาทำหน้าที่แทนก็ลงนามสั่งย้ายทันที
ข้อพิรุธประการที่สอง คือ โดยปกติการย้ายราชการในระดับผู้อำนวยการชุมชนที่เป็นนักวิชาการที่เชี่ยวชาญ ต้องเป็นอำนาจหน้าที่ของปลัดกระทรวงสาธารณสุข แต่ครั้งนี้ ปลัดกระทรวงไม่ได้ลงนามเอง แต่ได้ทำหนังสือระเบียบกฎเกณฑ์ใหม่ ลงวันที่ 23 ม.ค. 2566 ซึ่งให้อำนาจผู้ตรวจราชการในการย้ายได้
2. นพ.สวัสดิ์ อภิวัจนีวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เขตสุขภาพที่ 12 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีออกคำสั่งย้าย นพ.สุภัทร ระบุว่า
คำสั่งดังกล่าวมีผลเมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยคำสั่งระบุว่า จะต้องออกจาก รพ.เดิมภายในวันที่ 3 ก.พ. และไปปฏิบัติงานใน รพ.ใหม่ วันที่ 6 ก.พ.
นพ.สวัสดิ์ยืนยันว่า หากจะมีการฟ้องศาลปกครอง หรือจะกล่าวหาดำเนินคดี 157 ก็ไม่ได้มีความกังวลอะไร และไม่ได้เตรียมพร้อมอะไร เพราะตนมั่นใจว่าปฏิบัติตามระเบียบที่ถูกต้อง แต่อาจจะเป็นประเด็นว่าผู้ที่ถูกย้ายสมัครใจอยู่ต่อที่เดิม แต่มีคำสั่งให้ไปอยู่ รพ.อื่น ซึ่งตามหลักปฏิบัติแล้ว ทางจังหวัดสามารถพิจารณาคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมไปดำรงตำแหน่งได้ เพียงแต่ให้ผู้ตรวจราชการฯ เป็นคนลงนามคำสั่งย้ายในระดับเชี่ยวชาญ
“ตอนนี้ได้คนมาเป็น ผอ.รพ.จะนะ แล้ว เป็นแพทย์ระดับเชี่ยวชาญทำงานใน รพ.จะนะ มากว่า 23 ปี เป็นคนในพื้นที่ อ.จะนะ ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาเห็นแล้วว่าคนนี้เหมาะสม สามารถดูแล รพ.ต่อจาก นพ.สุภัทรได้ โดยสามารถเข้ารับตำแหน่งต่อได้เลย เพราะทำงานร่วมกันมากว่า 20 ปี ฉะนั้น ตำแหน่ง ผอ.ไม่ได้ว่าง” นพ.สวัสดิ์ กล่าว
3. การโยกย้ายข้าราชการ จะต้องทำตามระเบียบราชการ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และไม่ใช่เรื่องแปลก
ลองดูกระทรวงมหาดไทย ขนาดย้ายข้ามจังหวัด ข้ามภาค มีตลอด
กรณีหากเห็นว่าตนไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกกลั่นแกล้ง ข้าราชการอาจใช้สิทธิร้องทุกข์ผ่านคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม หรือยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ก็ย่อมได้ เช่นเดียวกับข้าราชการทั่วไป
แต่ข้าราชการผู้ใต้บังคับบัญชารายใด หากจะถืออภิสิทธิ์ เป็นเหมือนเจ้าพ่อยึดครองหน่วยงาน เสมือนหนึ่งเป็นเจ้าของ สร้างเครือข่ายอิทธิผลบารมี โดยจะไม่ยอมถูกผู้บังคับบัญชาย้ายไปไหนเลย ย่อมจะไม่สามารถกระทำได้
4. กรณีนี้ ต่างจากกรณีย้ายถวิลเอื้อญาติในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์โดยสิ้นเชิง
ใครเอามาอ้างว่าเหมือนกัน ถ้าไม่โง่เอง ก็คงดูแคลนว่าคนอื่นโง่พอที่จะหลอกได้
เพราะกรณีย้ายถวิลเอื้อญาตินั้น ลดชั้นการทำงานเขา เพื่อเอื้อประโยชน์เปิดทางแก่เครือญาติของยิ่งลักษณ์ได้ขึ้นไปเป็น ผบ.ตร.
ส่วนกรณีย้ายหมอสุภัทร แค่ย้ายไปต่างโรงพยาบาล โดยตำแหน่ง ผอ.รพ.เหมือนกัน โรงพยาบาล ลักษณะงานเหมือนกัน ทุกประการ เงินเดือน
เท่าเดิม สิทธิประโยชน์ต่างๆ เหมือนเดิม จึงไม่ใช่การลดชั้น ลดขั้น ไม่ใช่การลงโทษ ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง แถมโรงพยาบาลก็ห่างจากที่เดิมแค่ 60 กม.
5. หมอสุภัทร ประธานชมรมแพทย์ชนบทนั้น บทบาททางการเมืองก่อนหน้านี้ มีความชัดเจน ชูสามนิ้ว สนับสนุนเป็นแนวร่วมม็อบสามนิ้ว เคลื่อนไหวโจมตีรัฐบาล แนวทางสอดคล้องไปในทางเดียวกันกับนักการเมืองพรรคก้าวไกล และมีบทบาทในเครือข่ายเอ็นจีโอ
ขณะที่แกนนำในชมรมแพทย์ชนบทเอง ระยะหลังมีการเข้าไปมีบทบาทในเรื่องจัดซื้อจัดจ้างบางกรณี กระทั่งมีข่าวล็อกสเปกการจัดหาชุดตรวจ ATK จนทางองค์การเภสัชกรรมได้ให้มีการตรวจสอบดำเนินคดีอยู่ใน ป.ป.ช. แล้วยังมีกรณีเข้ามารับเคสโควิดในกทม. มีชื่อพรรคก้าวไกลเข้ามาเกี่ยวด้วย โดยให้โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดภาคใต้รับดูแลเคส (ทั้งที่ตัวผู้ป่วยอยู่ กทม.) แล้วถูกร้องเรียนเรื่องปล่อยปละละเลยผู้ป่วย เกิดข้อครหาตามมา จนถึงปัจจุบัน
น่าสังเกตว่า พอผู้บริหาร สธ.มีคำสั่งย้ายปุ๊บ ปรากฏว่า มีนักการเมืองออกแถลงการณ์ถล่ม เคลื่อนไหวโจมตี กดดันการออกคำสั่งย้ายของข้าราชการทันที ทั้งหัวหน้าพรรคก้าวไกล สส.ลูกพรรค อาศัยสถานะและตำแหน่งทางการเมืองกดดันโจมตี พยายามกล่าวให้ร้ายไปถึงฝ่ายการเมืองในรัฐบาล
6. นายศุภชัย ใจสมุทร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้แถลงข่าวกรณียื่นหนังสือต่อประธานสภา เพื่อเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนสมาชิกภาพ สส. ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง
นายศุภชัยแถลงว่า สืบเนื่องจากกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ออกแถลงการณ์กรณีคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข โยกย้ายข้าราชการ คือ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.จะนะ จ.สงขลา และประธานชมรมแพทย์ชนบท ไปดำรงตำแหน่งผอ.รพ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา
แถลงการณ์ดังกล่าว พรรคภูมิใจไทยเห็นว่าเป็นการใช้สถานะหรือตำแหน่งสส. กระทำการก้าวก่าย แทรกแซงเพื่อประโยชน์ตนเอง ผู้อื่น และพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม ในเรื่องการบรรจุแต่งตั้ง โยกย้าย โอน เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนเงินเดือน หรือการให้พ้นจากตำแหน่งของข้าราชการฯ ตามรัฐธรรมนูญ 185(3) เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของสส.ของนายพิธา และพ.ต.อ.ทวี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 101 (7) ซึ่ง สส.พรรคภูมิใจไทย 50 คน ได้ลงนามเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง ว่าสมาชิกภาพของนายพิธา และพ.ต.อ.ทวี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ 101 (7) ประกอบมาตรา 185 (3)
ขอให้ประธานสภาฯ เสนอเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของนายพิธา และพ.ต.อ.ทวี สิ้นสุดลงหรือไม่ และให้เพิกถอน
สิทธิเลือกตั้งของนายพิธา และพ.ต.อ.ทวี ตามบทบัญญัติตามกฎหมายต่อไป ซึ่งขณะนี้สมาชิกของพรรคได้ยื่นต่อประธานสภาฯ เรียบร้อยแล้ว
7. น่าสนใจติดตามต่อไปว่า เรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร?
การโยกย้ายข้าราชการครั้งนี้ ถูกต้อง ชอบธรรม ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่?
การไม่พอใจที่ถูกโยกย้าย เพราะคำสั่งย้ายไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเพียงไม่ถูกใจ เพราะคิดว่าตนเองอยู่ที่เดิมสั่งสมอิทธิพลเครือข่ายไว้จนคิดว่าไม่มีใครกล้าย้ายตนเอง?
แล้วนักการเมืองพวกพ้องที่อาศัยสถานะความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ตำแหน่งทางการเมือง เข้าไปกดดัน โจมตี พยายามแทรกแซงการโยกย้ายข้าราชการดังกล่าว จะมีความผิดหรือไม่? อย่างไร?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี