“บุคคลแนวหน้า ใน หนังสือพิมพ์แนวหน้า www.naewna.com สื่ออุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสามย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง ทำความจริงให้ปรากฏ ให้สังคมไทยเท่าทันเล่ห์ทันเหลี่ยม นักการเมืองเสียชาติเกิด นักเลือกตั้งชังชาติ ติ่งแดง-ด้อมส้ม ส่ำสัตว์ติ่งสัมภเวสีอย่างเท่าเทียม” เริ่มย่อ-ขยายโลกทัศน์ด้วยข้อความจากคนกันเองอย่าง “แมวของ Headache” 1 ในแถวหน้าของ “ขบวนการสามกีบ” ที่มีลีลาออกมาปรากฏในช่วงต้นปี 2564 กับเหตุการณ์ “เผาพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” หน้าเรือนจำคลองเปรม กรมราชทัณฑ์” โดยผู้ต้องหาคือ “แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ หรือ ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์”บนสื่อโซเชียลยอดฮิต “ทวิตเตอร์” เกี่ยวกับปมปริศนาเรื่องเงินๆทองๆ ถึง “รังสิมันต์ โรม นักการเมืองคนรุ่นใหม่ตัวตึงพรรคก้าวไกล” ที่ขยันเก็บออม มีทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้นถึง 5-6 เท่าจากรายการบัญชีทรัพย์สินเมื่อเป็น “ท่านผู้ทรงเกียรติ” สมัยแรกถึง13.38 ล้านบาท แถมยังปิดยอดหนี้กยศ.ได้สะอาดหมดจดอีกต่างหาก...นี่หรือเปล่าที่ “ลุงตู่–พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีปลื้มอกปลื้มใจแก้หนี้กยศ.ได้ 7.4 ล้านรายสำเหนียกบุณคุณกันบ้างหรือไม่...

nn เรื่อง “ตั๋วปารีส” ที่มีไฮโซหลายคนที่ส่วนมากหนีคดีมาตรา 112 ไปสุมหัวปรึกษาหารือเรื่องใดเรื่องหนึ่งกลายเป็นประเด็นร้อนฉ่าในกลุ่มแกนนำขยี้มาตรา 112 ยิ่งกว่าเมื่อครั้ง “รังสิมันต์ โรม” อภิปรายตั๋วช้างกับขบวนการค้ามนุษย์เสียอีก ครั้งนี้ท่าน “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติ พรรคก้าวไกล” ไม่คิดจะออกมาอธิบายให้ “ด้อมส้ม-อุปกรณ์การเกษตร” ได้รับรู้ข้อเท็จจริงอะไรบ้างหรือ...

nn ค่อนข้างแน่นอน “สัมภเวสีโทนี่ วู้ดซัม-ทักษิณ ชินวัตร” ตระบัดสัตย์อีกครั้งตามสันดาน ไม่กลับมาตุภูมิในเดือนเกิดตามที่สำรอกข้ามประเทศไว้ แต่จะเดินทางกลับประเทศไทย วันที่ 10 สิงหาคม 2566 ท่ามกลางความชื่นมื่นของ “ส่ำสัตว์ติ่งสัมภเวสี, สุนัขคอกจันทร์ส่องหล้า” ที่กระดี๊กระด๊าวี้ดว้ายกระตู้วู้กันยกใหญ่ในสื่อโซเชียลยอดฮิต “ทวิตเตอร์” งานนี้“กองบัญชาการตำรวจนครบาล” วางแผนรอรับการกลับมาของผู้ต้องคำพิพากษาศาลอย่างเอิกเกริก “แลนดิ้งท่าอากาศยานกรุงเทพ(ดอนเมือง)” ท่ามกลางการจับตามองงานนี้มีเล่ห์เหลี่ยมใดให้ไม่ต้องติดคุกติดตะรางบ้าง...

nn จะว่า “วัยทอง” ก็ไม่น่าจะใช่อายุปูนนี้พ้นวัยทองไปแล้ว “พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหนึ่งเดียวของพรรคที่ออกอาการหน่ายพฤติกรรมนักการเมืองรุ่นลูกอย่างชัดเจน ทั้งประเด็นสั่งสอนเตือนสติให้รู้จักเสียสละถอยออกจากการเป็น 8 พรรคร่วมรัฐบาลเพื่อให้ “พรรคเพื่อไทย” ได้รับไม้ต่อจัดตั้งรัฐบาล ล่าสุด มาออก “รายการโหนกระแส” ของ “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” ผู้ดำเนินรายการฝีปากกล้าคนหนึ่งทางวิกน้อยสีก็ซัดหมัดตรงเข้าปาก “พรรคก้าวไกล” กรณีเอานักโทษที่เคยติดคุก ไปเป็น สส. ได้ไง แล้วกองเชียร์ก็ยังเชียร์ก้าวไกล ว่าอย่างนี้ดี ดี ดี เหรอ? อย่างนี้ดีเหรอ? ก็เนี่ยนักโทษ...ผมเป็นคนตรงไป ตรงมา พูดจริงทำจริง ผมรู้กฎหมาย เดี๋ยวผมจะเอาออกด้วยซ้ำไป งานนี้อาจจะได้เลือกตั้งใหม่ในเขตนี้ที่ระยอง หรืออาจจะเลือกตั้งใหม่ทั่วประเทศหากผลการวินิจฉัยกรณี “พิธาคิโอทิม–พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล รวมทั้งพรรคก้าวไกลนำประเด็นมาตรา 112 ไปหาเสียงเลือกตั้ง เข้าข่ายเป็น “สารตั้งต้น”นำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง ซึ่งจะมีผลถึงการยุบพรรคก้าวไกลเช่นเดียวกับกรณีของ “พรรคไทยรักษาชาติ” ที่มีคำวินิจฉัยว่าเป็นสารตั้งต้นเช่นกัน...

nn “วิบากกรรมทางการเมือง” ทั้ง “พิธาคิโอ–พรรคก้าวไกล”ไม่มีขบวนการใดองค์กรใดหรือระบอบใดมาสั่งการปัดแข้งขาฉุดกระชากลากออกจาก “ตึกไทยคู่ฟ้า, ออกจากวงการการเมืองราชอาณาจักรไทย” ทว่ากลับเป็นปัญหาที่ผูดมัดซ่อนเงื่อนด้วยตัว “พิธาคิโอและพรรคก้าวไกล” เองต่างหาก เมื่อมองว่าต้องทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชนก็สมควรสำเหนียกและมีสามัญสำนึกตริตรองดูอะไรควรก่อนและหลัง นักการเมืองที่ไม่ได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาล สมาชิกรัฐสภาในสภาสูงขอให้ถอย...ยุติการแตะต้องดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อให้มั่นใจว่าเขาเหล่านั้นได้พิจารณาเห็นชอบโหวตนายกรัฐมนตรีที่ไม่ส่งผลต่อความมั่นคงของชาติ แต่ “พิธาคิโอ–พรรคก้าวไกล” กลับเลือกที่จะสุดโต่งดื้อด้านรั้นในเรื่องนี้อ้างรักษาสัญญากับประชาชนในการหาเสียงเลือกตั้ง แต่ในเรื่อง สวัสดิการถ้วนหน้า เรื่องค่าแรงงาน 450 บาท/คน/วัน เรื่องเงินคนชรา 3,000 บาท... “พิธาคิโอ–พรรคก้าวไกล” กลับเลือกที่จะไม่รักษาสัญญา ผลัดการดำเนินการออกไปจนหลุดวงจรการเป็นนายกรัฐมนตรีและเป็นรัฐบาลมิใช่หรือ ไม่ต้องหน้าด้านราดยางมะตอยเป็นไรเป็นโลนเกาะพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลอีกต่างหาก...

nn อย่างนี้ “พรรคก้าวไกล” เคืองใจตายเลย... “เจ้าสัวใบหยก-พันธ์เลิศ ใบหยก” ประธานกรรมการเครือโรงแรมใบหยก ออกมากระตุ้น “พรรคเพื่อไทย” ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่มีความพร้อมถึง 3 คน สมควรเร่งจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุดโดยไม่สนใจจะผสมกับพรรคไหน เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าเพราะตอนนี้เศรษฐกิจประเทศมีความเปราะบาง พรรคเพื่อไทยมีนโยบายเน้นเรื่องเศรษฐกิจมากกว่าความมั่นคง น่าจะตรงใจนักธุรกิจ และฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศได้เป็นอย่างดี เชื่อว่าทุกฝ่ายยอมรับได้ เพราะต้องฟื้นเศรษฐกิจโดยเร็วที่สุด...

nn นึกถึง “วาทกรรมสุดติ่ง-พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวสหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี” ที่ว่า “พิธาคิโอ-พรรคก้าวไกล” นายจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ เพราะนายไม่มีเพื่อน น่าจะอมตวาจานิรันดร์กาล เพราะถัดวาทกรรมนี้มาแค่ 2-3 วัน “เจ๊หน่อย–คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย หนึ่งในพรรคการเมืองที่ร่วมลงนามในเอ็มโอยูกับ “พรรคก้าวไกล” ก็นำทีมแถลงจุดยืน... มั่นคงในการรักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ขอสนับสนุนการสร้างประชาธิปไตยถาวร ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ และไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 เพราะรากเหง้าปัญหาของประเทศเกิดจากรัฐธรรมนูญปี 2560 จึงได้เสนอให้คืนอำนาจให้กับประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยไม่แก้ไข หมวด 1 และหมวด 2... นี่แหละที่ท่านเสรีปรามาสว่าพรรคก้าวไกลไม่มีเพื่อนเรื่องจริงทีเดียว...nn

ไม้หน้าสาม