วันพฤหัสบดี ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
คงจะตกตะลึงกันไม่น้อย กรณีเร็วๆ นี้ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,229 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 6-9 พฤษภาคม 2568 เกี่ยวกับเรื่องที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่คือเรื่อง “คนไทยกับการรับมือปัญหาเศรษฐกิจ”
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่รู้สึกกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในขณะนี้ 51.59% ระบุว่า ค่อนข้างกังวล 40.60% ระบุว่ากังวลมาก เมื่อรวมกันจะเห็นได้ว่ามีประชาชนถึงกว่า 92% ที่รู้สึกไม่มั่นคงและไม่สบายใจกับทิศทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน สิ่งที่กังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทย คือ ราคาสินค้าที่แพงขึ้นร้อยละ 73.23 ตามมาด้วยค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 67.36 ภาวะดังกล่าวไม่เพียงแต่ส่งผลต่อการดำรงชีวิตประจำวัน แต่ยังสะท้อนความเปราะบางทางการเงินของประชาชนในวงกว้าง
เมื่อถามถึงเงินสำรองฉุกเฉินหากไม่มีรายได้เลย พบว่าเกือบครึ่งหนึ่ง 48.32% มีเงินสำรองใช้ได้ไม่ถึง 1 เดือน และอีกร้อยละ 35.24 มีเงินสำรองเพียง 1-3 เดือนเท่านั้น ซึ่งรวมแล้วคิดเป็นกว่า 83% ที่อยู่ในภาวะเสี่ยง และไม่สามารถรองรับวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจได้ในระยะยาว
ในภาวะสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ปรับตัวโดยการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น 77.37% รองลงมาคือการลดการก่อหนี้ใหม่ร้อยละ 63.96 สะท้อนถึงความพยายามในการประคองตนเองให้อยู่รอดท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามแม้ส่วนใหญ่จะมีแนวโน้มให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงิน แต่ยังพบว่าร้อยละ 58.99 วางแผนแล้วแต่ไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีเพียงร้อยละ 27.83 ที่สามารถวางแผนได้อย่างต่อเนื่องจริงจัง ชี้ให้เห็นถึงอุปสรรคในการแปลงความตั้งใจให้กลายเป็นพฤติกรรมทางการเงินที่ยั่งยืน
สุดท้ายเมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลไทยในการรับมือกับปัญหาผลกระทบ จากการขึ้นภาษี สินค้านำเข้าของสหรัฐฯ พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 76.06 ไม่เชื่อมั่นในศักยภาพของรัฐบาลที่จะจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเพียงร้อยละ 23.94 เท่านั้นที่ยังคงเชื่อมั่น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญญาณสะท้อนถึงความท้าทายด้านความน่าเชื่อถือของภาครัฐในสายตาประชาชน
ผลสำรวจนี้ถ้ามองแบบชาวบ้านคือ อาการหนักทั้งประชาชนและรัฐบาล ในขณะที่การเมืองนักวิชาการหลายคน เริ่มมองว่ารัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่บริหารประเทศในขณะนี้กำลังกลายเป็นรัฐที่ใกล้ล้มเหลว
ในทางวิชาการ ได้ให้ความหมายเกี่ยวกับรัฐที่รัฐที่ล้มเหลวคือรัฐที่สูญเสียความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ด้านความมั่นคงและการพัฒนาพื้นฐาน ขาดการควบคุมอย่างมีประสิทธิผลเหนือดินแดนและพรมแดน ลักษณะทั่วไปของรัฐที่ล้มเหลว ได้แก่ รัฐบาลที่ไม่มีความสามารถใน การจัด เก็บภาษี การบังคับ ใช้กฎหมาย การรับรอง ความปลอดภัยการควบคุมดินแดน การจัดหาเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมืองหรือพลเรือน และการบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐาน เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นการทุจริตและอาชญากรรม ที่แพร่หลาย การแทรกแซงจากรัฐและผู้กระทำที่ไม่ใช่รัฐ การปรากฏตัวของผู้ลี้ภัยและการเคลื่อนย้ายประชากรโดยไม่สมัครใจการตกต่ำทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และการแทรกแซงทางทหารจากทั้งภายในและภายนอกรัฐ มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นได้มากกว่า
มีคำถามว่าแล้วรัฐบาลชุดนี้เข้าข่ายตามทฤษฎีรัฐที่ล้มเหลวหรือไม่ คำตอบ ในบางประเด็นเข้าข่ายรัฐล้มเหลว ทั้งเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนให้ความเชื่อมั่นต่ำ ประเด็นชั้น 14 เกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมหรือการบังคับใช้กฎหมายที่อัปลักษณ์ การพยายามเปิดบ่อนกาสิโนระดับประเทศไทย ทั้งๆ ที่สังคมไทยเป็นเมืองพุทธ ชายแดนภาคใต้ยังมีการสังหารประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐอย่างต่อเนื่อง การทุจริตคอร์รัปชั่นบานเป็นดอกเห็ดไม่เว้นแม้แต่ในวัด
เรื่องแบบนี้เชื่อว่ารัฐบาลเองก็ย่อมรู้ดี แต่ไม่ สามารถทำได้ เพราะถ้าหยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ ทางแก้คือเปลี่ยนตัวผู้นำคนใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหาแทน เผื่อว่าอะไรๆ มันจะดีขึ้นกว่าเดิม

โปรดเกล้าฯให้องคมนตรี ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค มอบผู้ประสบวาตภัย
'ปชน.' ถก 'ผอ.อผศ.' เห็นพ้องวางแนวทางแก้ไขโควตาสลาก คืนผลประโยชน์ให้ทหารผ่านศึก
'ในหลวง-พระราชินี'เสด็จฯเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ
เคาะแล้ว!ปลดล็อกขายเหล้า-เบียร์ ช่วงบ่าย 2 ถึง 5 โมงเย็น/ประเมินผล 6 เดือน
แฉภาพชัดๆ! 'เขมรการละคร' ผู้บาดเจ็บอ้างถูกยิงสาหัส 'นอนอมยิ้ม'ใน ICU

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี