บริษัท มิลค์พลัส แอนด์ มอร์ จำกัด ผู้ผลิตน้ำหัวปลี สำหรับคุณแม่ โดดเด่นด้วยการใช้อินผลัมแทนความหวานของน้ำตาล เพื่อลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน เผยกระแสตอบรับดี ล่าสุดเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “อาหารเด็กชนิดผง” ชูกรรมวิธีการผลิตด้วยระบบฟรีซดรายเจ้าแรกในไทย เตรียมขึ้นแท่นเจ้าตลาดผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มพร้อมดูแลแม่และเด็กแบบครบวงจร สานต่อนโยบาย 4.0 หวังสร้างชื่อในตลาดโลก
น.ส.ศราณี วิสุทธิผล กรรมการผู้จัดการ บริษัทมิลค์พลัส แอนด์ มอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัญหาเรื่องน้ำนมไม่เพียงพอต่อลูกน้อย เป็นสิ่งที่คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ลูกคนแรก หรือคุณแม่มือใหม่ มักประสบ ซึ่งก็เป็นประสบการณ์ตรงของเธอเช่นกัน โดยผู้คนส่วนใหญ่จะสรรหาพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านมารับประทานโดยเฉพาะหัวปลี แต่การจะให้เห็นผลดีต้องรับประทานในปริมาณมาก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการรับประทานหัวปลีของคนเราก็ไม่ได้มากนักในแต่ละวัน จึงเกิดความคิดว่าหากนำมาแปรรูปเป็นน้ำหัวปลีน่าจะดื่มได้ง่ายขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหลายแบรนด์ที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาด จึงต้องสร้างความแตกต่างเพื่อการแข่งขันในเชิงธุรกิจ ดังนั้นจึงก่อเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ น้ำหัวปลี แบรนด์ Milk Plus & More ซึ่งขณะนี้มีวางตลาด 3 รสชาติ ได้แก่ รสดั้งเดิม ขิง และมะขาม
สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว อยู่ที่การเลือกใช้อินทผลัมแทนน้ำตาล เพื่อป้องกันโรคเบาหวานที่มักจะเกิดกับหญิงตั้งครรภ์ และยังช่วยระบบย่อยอาหาร ป้องกันกระดูกพรุน บรรเทาอาการเจ็บคอ บำรุงสายตา คลายความอ่อนเพลีย และลดความเสี่ยงการเกิดหลอดเลือดในสมองตีบได้ถึง 40% ขณะที่รสมะขาม ยังมีไฟเบอร์สูงช่วยในการขับถ่าย ลดอาการท้องผูก รวมถึงบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสด้วยวิตามินซีจากมะขาม มีแคลเซียมช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ส่วนขิงก็ช่วยในเรื่องการขับลม ไล่ลม และลดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ดี ช่วยเผาผลาญไขมัน บรรเทาอาการหวัด คัดจมูก ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้ร่างกายดูดซับสารอาหารได้ดี และยังดื่มง่ายเหมือนการดื่มน้ำผลไม้ทั่วไป
ส่วนวัตถุดิบทุกอย่างจะมาจากธรรมชาติ 100% จากการเลือกซื้อวัตถุดิบของชาวบ้านที่ปราศจากสารเคมีตกค้างนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของคุณแม่ พร้อมเน้นที่ความเข้มข้น เก็บรักษาได้นาน รับประทานง่าย ภายใต้การผลิตที่ได้มาตรฐานสากล อาทิ อย. ฮาลาล และ GMP ด้วยกระบวนการผลิตในระบบสเตอร์ริไรส์ สามารถเก็บได้นาน 1 ปีโดยไม่ต้องแช่เย็น
สำหรับการทำการตลาดในช่วงแรกนั้น เป็นการขายผ่านช่องทางออนไลน์และส่งให้ตามร้านค้าเพื่อสุขภาพ เพราะนอกจากจะคุณแม่มือใหม่จะรับประทานได้แล้วคนทั่วไปก็สามารถรับประทานเป็นเครื่องดื่มทั่วไปได้ ส่งผลให้ยอดขายโตต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะในปีนี้ยอดขายจะเพิ่มขึ้นกว่า 50% จากการรุกตลาดออนไลน์มากขึ้น ส่วนการทำตลาดในต่างประเทศก็เริ่มบุกในแถบเอเชีย ได้แก่ พม่า ลาว และสิงคโปร์ ซึ่งลูกค้าที่สั่งซื้อไปส่วนใหญ่จะนำไปจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ และกระแสการตอบรับดีมาก โดยอนาคต จะพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้องกับแม่และเด็กอย่างต่อเนื่อง เช่น อาหารเด็ก ซึ่งอยู่ในช่วงพัฒนาสูตร หวังแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทั้งแม่และลูก
สำหรับ น้ำหัวปลี Milk Plus & More ราคาเริ่มต้นอยู่ที่หลักร้อยบาทต่อขวด ถือว่าเป็นราคาที่จับต้องได้ เจาะกลุ่มลูกค้าในกลุ่ม B ไปจนถึง A+ เน้นความเป็นผลิตภัณฑ์พรีเมียม โดยรสมะขามและรสดั้งเดิมจะขายดีที่สุด เพราะสามารถดื่มได้ตั้งแต่ตั้งครรภ์ ไปจนถึงหลังคลอด โดยไม่มีผลข้างเคียง ปัจจุบันช่องทางจำหน่าย นอกจากในช่องทางออนไลน์แล้ว ยังบุกช่องทางออฟไลน์ ด้วยการวางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในเครือเซ็นทรัล แผนกเด็กอ่อน และร้านจำหน่ายสินค้าเด็กทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ยังเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์ที่พัฒนามาจากสูตรอาหาร สำหรับคุณแม่หลังคลอด “Ginger Blend” (จินเจอร์ เบลนด์) ที่ได้รวบรวมสมุนไพรและวิตามิน แร่ธาตุต่างๆ ที่จำเป็น เช่น ขิง พริกไทยดำ ลูกซัด ขมิ้นชัน ใบกะเพรา ดอกคำฝอย ดีเอชเอ วิตามินบีรวม และตังกุย ช่วยเร่งการผลิตน้ำนมและบำรุงน้ำนม ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมระดับ ปรับสมดุลของฮอร์โมนผู้หญิง ขับน้ำคาวปลา ลดอาการบวมน้ำ เพิ่มการเผาผลาญ และซ่อมแซมร่างกายหลังคลอด ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้คุณแม่หลังคลอดที่ไม่สามารถดื่มน้ำหัวปลีเพื่อเพิ่มน้ำนมได้
ล่าสุด บริษัท มิลค์พลัส แอนด์ มอร์ จำกัด ได้เปิดตัวตัวอาหารเด็ก แบรนด์ “Twinkle Star” (ทวิงค์เกิล สตาร์) ในรูปแบบฟรีซดรายที่ยังคงคุณค่าสารอาหารและวิตามินไว้อย่างครบถ้วน โดยมี 5 รสชาติถูกปากเด็กเล็ก ตอบโจทย์กับคุณแม่ยุคใหม่ที่มีเวลาน้อย ให้สะดวกมากขึ้น กับ 6 วัตถุดิบจากธรรมชาติที่สำคัญและเป็นพื้นฐานของอาหารเด็กอ่อนสำหรับมื้อแรกในชีวิต ได้แก่ ตับ เนื้อไก่ ฟักทอง กล้วยน้ำว้า ป๋วยเล้งและข้าวโพด โดยปราศจากสารปรุงแต่งใดๆ ทั้งสิ้น เป็นรสชาติดั้งเดิมจากธรรมชาติแท้ 100% ยกเว้นตับและเนื้อไก่จะใส่เกลือไอโอดีน เพื่อเพิ่มรสชาติเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังออกแบบบรรจุภัณฑ์ในลักษณะเป็นซองใช้หมดเพียงครั้งเดียวในหนึ่งมื้ออาหาร ดังนั้นคุณแม่ไม่ต้องกังวลในเรื่องแบคทีเรียหรือเชื้อโรคใดๆ ที่อาจจะเข้าไปในอาหารของลูกโดยหนึ่งกล่องจะบรรจุ 7 ซองสำหรับ 7 วัน เพราะเด็ก 6 เดือน จะรับประทานอาหารวันละหนึ่งมื้อ ปัจจุบันอาหารเด็ก Twinkle Star มี 6 รสชาติ คือ ตับ ไก่ ฟักทอง กล้วยน้ำว้า ป๋วยเล้ง และข้าวโพด ซึ่งป๋วยเล้ง เป็นรสชาติที่ขายดีที่สุด รองลงมาคือ รสตับ
ส่วนขั้นตอนการผลิต ได้จ้างโรงงานที่ได้มาตรฐานผลิตเพื่อการส่งออกเป็นฐานการผลิตใหญ่ ลูกค้าจึงมั่นใจได้ในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยได้ และยังเตรียมขอมาตรฐานฮาลาลในเร็วๆ นี้ หวังเปิดตลาดในต่างประเทศก้าวสู่ความสากลมากขึ้น โดยวัตถุดิบส่วนหนึ่งทางโรงงานผู้ผลิตจะปลูกขึ้นเองและรับซื้อจากชาวบ้านเน้นการปลูกแบบปลอดสารพิษมาเป็นอันดับหนึ่ง แม้อาหารเด็ก Twinkle Star จะเปิดตัวได้ไม่นานแต่ก็ถือว่าการตอบรับอยู่ในระดับค่อนข้างดีหลังจากที่เธอได้ติดต่อตัวแทนจำหน่ายน้ำหัวปลีอยู่เดิมให้นำอาหารเด็กไปจำหน่ายเพิ่มเติมก็ได้รับการตอบรับดีจากลูกค้า รวมถึงเธอยังส่งไปให้กับดารา นักแสดงชื่อดัง ให้ช่วยรีวิว จนเกิดการบอกต่อปากต่อปาก ถึงขนาดติดแฮชแทค “อร่อยทางลัด”
ขณะที่ นายกิตติภูมิ สุขสุกานินท์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายตลาดต่างประเทศ กล่าวเสริมว่า เราเน้นนโยบายรัฐ 4.0 เรื่องดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง ทำตลาดออนไลน์มากขึ้น เพราะเป็นช่องทางที่มีศักยภาพและจะทำให้ทั่วโลกได้รู้จักอย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ได้เดินสายออกบูธหาตลาดเอง และร่วมออกบูธกับหน่วยงานภาครัฐต่างๆ เช่น กระทรวงพาณิชย์ ไปกัมพูชา สิงคโปร์ พม่า ลาว เป็นต้น และในอนาคตอันใกล้นี้จะมีแผนรุกตลาดจีน และสหรัฐอเมริกาต่อไป ซึ่งจะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น
สำหรับเส้นทางในอนาคตของบริษัท มิลค์พลัส แอนด์ มอร์ จำกัด จะยังเดินหน้าพัฒนาต่อไปอีก โดยตั้งเป้าอยู่เคียงข้างการเจริญเติบโตทุกช่วงวัยของเด็กตั้งแต่แรกเกิด โดยขณะนี้ได้วางแผนผลิตขนมขบเคี้ยวที่ชิ้นใหญ่ขึ้น หรือที่เรียกว่า “Finger Food” เน้นวัตถุดิบจากธรรมชาติเช่นเดิม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้เด็กในวัยเจริญเติบโตได้รับประทานอาหารหรือขนมที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจ สามารถโทรศัพท์สอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์ 06-4141-5551 หรือศึกษาข้อมูลได้ที่ Website : milkplusandmore.com
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี