บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ลงนามบันทึกความร่วมมือกับ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล นำผลงานข้อมูลคุณค่าโภชนาการอาหาร เสริมอาหารปลอดภัย เชื่อมระบบตรวจสอบย้อนกลับผ่านคิวอาร์โค้ท (i-Trace) ประเดิมที่ผักผลไม้กว่า 120 ชนิด ภายใต้แบรนด์ MQP เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อผัก ผลไม้ไปรับประทานได้อย่างเหมาะสม
14 พ.ย.62 นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม็คโคร มุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมั่นมาตรฐานอาหารปลอดภัยในกลุ่มสินค้าอย่าง ผัก ผลไม้ อย่างต่อเนื่อง โดยทีมตรวจสอบคุณภาพ ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับเกษตรกรและหน่วยงานภาครัฐในการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสากล นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับสถาบันวิชาการด้านอาหารต่างๆ รวมถึงสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่มีงานวิชาการ และฐานข้อมูลทางด้านคุณค่าโภชนาการที่ได้รับการยอมรับ และเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง จึงนำมาซึ่งการลงนามบันทึกความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้ เพื่อพัฒนาฐานข้อมูลการตรวจสอบย้อนกลับให้ครอบคลุมทั้งมาตรฐานอาหารปลอดภัย และคุณค่าทางโภชนาการ เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ ผู้บริโภค ตามแนวโน้มการเติบโตของอาหารเพื่อสุขภาพในปัจจุบัน
นางศิริพร กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นจะมีการนำข้อมูลคุณค่าทางโภชนาการมาใช้ในผักผลไม้ปลอดภัย และผักผลไม้ภายใต้แบรนด์ MQP (Makro Quality Pro) ประกอบด้วย ผลไม้ 14 ชนิด ผัก 120 ชนิด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลการตรวจสอบย้อนกลับผ่านคิวอาร์โค้ท (i-Trace) เพื่อเพิ่มการเข้าถึงข้อมูลสำคัญต่อคนทุกช่วงวัยที่มีความต้องการโภชนาการแตกต่างกัน ซึ่งผักผลไม้ไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เกลือแร่และวิตามินเท่านั้น แต่ยังมีสารอาหารอื่นๆ ที่ร่างกายต้องการ เฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีข้อจำกัดเรื่องอาหาร การมีข้อมูลโภชนาการจะทำให้รู้ว่า ผัก ผลไม้ แต่ละชนิดมีปริมาณน้ำตาล แป้ง หรือสารอาหารอื่นๆ อย่างไรจะได้เลือกรับประทานได้อย่างเหมาะสม
ขณะที่ ดร.ชลัท ศานติวรางคณา ผู้อำนวยการสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า สถาบันโภชนาการได้สร้างความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม โดยการนำองค์ความรู้ด้าน ‘ฐานข้อมูลคุณค่าทางโภชนาการของอาหาร (Thai Food Composition Databases)’ ซึ่งเป็นข้อมูลที่แสดงปริมาณสารอาหารต่างๆ ได้แก่ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร น้ำ แร่ธาตุ วิตามิน น้ำตาล คอเลสเตอรอล กรดไขมัน เป็นต้น ซึ่งหากผู้บริโภคไม่ทราบถึงปริมาณและสัดส่วนที่สมดุลย่อมนำไปสู่ปัญหาทุพโภชนาการได้ โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases, NCDs) ซึ่งกำลังเป็นปัญหาที่สำคัญของประชากรไทยและทั่วโลก
“ฐานข้อมูลคุณค่าทางโภชนาการของอาหารจึงมีความสำคัญมาก และเป็นที่ต้องการของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งในงานสาธารณสุข อุตสาหกรรม และเกษตรกรรม โดยนำไปใช้ในงานด้านต่างๆ เช่น การประเมินความเสี่ยงต่อการได้รับสารอาหารน้อยหรือมากเกินไป การแนะนำผู้บริโภคให้รู้จักการเลือกซื้อและบริโภคอาหารที่มีประโยชน์เพื่อป้องกันการเกิดภาวะทุพโภชนาการ การจัดทำสูตรอาหารให้แก่ผู้ป่วยเฉพาะโรค การวางแผนและประเมินการผลิตผลิตผลการเกษตรเพื่อให้เพียงพอในการบริโภคในประเทศ การคัดเลือกวัตถุดิบ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร การประเมินคุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์เพื่อการจัดทำฉลากโภชนาการ เป็นต้น ซึ่งสถาบันโภชนาการได้ดำเนินการพัฒนาฐานข้อมูลดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมชนิดอาหารมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” ดร.ชลัท กล่าว
ทั้งนี้ ขอบเขตความร่วมมือที่เกิดขึ้น ประกอบด้วยการให้ความร่วมมือในการศึกษาและพัฒนางานวิจัยด้านอาหารเพื่อโภชนาการ อาทิ ร่วมพัฒนาฐานข้อมูลคุณค่าทางโภชนาการ พัฒนานวัตกรรมอาหารผ่านโครงการวิจัยสนับสนุน การจัดทําฐานข้อมูลคุณค่าทางโภชนาการของอาหาร และการพัฒนาห้องปฏิบัติการ
สำหรับพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นายเรวัติ อารีรอบ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะตัวแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นสักขีพยานในการลงนามระหว่าง บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) และ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี