• พื้นที่ทำงานยืดหยุ่นมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในเมืองขนาดเล็ก และพื้นที่ชานเมือง • ระยะเดินทางจากสำนักงานสู่ที่พักอาศัยที่ใกล้ขึ้น สามารถช่วยลดปริมาณก๊าซเรืยนกระจกได้เป็นอย่างดี • ภายในปี พ.ศ. 2572 พื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่นจะช่วยลดการเกิดก๊าซคาร์บอนทั่วโลก โดยสามารถเทียบเท่ากับเที่ยวบินไปกลับระหว่าง นครลอนดอนถึงนครนิวยอร์กจำนวน 1,280,000 เที่ยว
อาวุธชิ้นใหม่ที่สำคัญในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศสภาวะโลกร้อน คือ การใช้พื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่น และสามารถตอบสนองการทำงานร่วมกันอย่างครบถ้วนในเขตชานเมืองใหญ่ เพราะการกระจุกตัวและใช้ทรัพยาการต่างๆ เพื่อการทำงานเฉพาะในย่านธุรกิจสำคัญเพียงอย่างเดียวนั้น มักจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และกลายเป็นเรื่องของอดีต
ทั้งนี้ เมื่อเทรนด์การขยายตัวของสำนักงานที่มีความยืดหยุ่น ได้ขยายตัวเป็นจำนวนมาก จึงเป็นที่มาของงานวิจัยชิ้นใหม่ เปิดเผยว่าภายในปี พ.ศ. 2572 นั้น พื้นที่สำนักงานที่มีถิ่นที่ตั้งในบริเวณ “เมืองรอบนอก” จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่ากับเที่ยวบินจำนวน 1,280,000 เที่ยว ข้ามเขตมหาสมุทรแอตแลนติกระหว่างมหานครลอนดอนสู่มหานครนิวยอร์กในแต่ละปี ซึ่งการทำงานใกล้บ้านสามารถหยุดยั้งก๊าซคาร์บอนจำนวน 2,560,000 เมตริกตันให้เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ
การศึกษาเศรษฐกิจชานเมือง ได้รับการจัดทำโดย Regus และดำเนินการโดยนักเศรษฐศาสตร์อิสระมีการคาดการณ์ถึงประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมจากการก่อสร้างพื้นที่สำนักงานที่ยืดหยุ่นในเมืองขนาดเล็ก และเมืองขนาดกลาง และ พื้นที่ชานเมือง ในช่วงระยะเวลาปัจจุบัน ถึง ปี ค.ศ. 2029
ปัจจัยที่ทำให้พื้นที่สำนักงานแบบยืดหยุ่นของเราแตกต่าง
การที่บุคลากรสามารถทำงานใกล้บ้านผ่านสำนักงานในท้องถิ่นนั้น จะช่วยพนักงานประหยัดเวลาโดยเฉลี่ย 7,416 ชั่วโมงต่อปีในการเดินทาง เท่ากับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจำนวน 118 เมตริกตันต่อหนึ่งสำนักงานในระยะเวลา 1 ปี
ในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งอยู่ในกลุ่มที่ใช้เวลาในการเดินทางไปทำงานมากที่สุดเพียงประเทศเดียว ถ้าทำงานใกล้บ้านจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลงได้ราว 208 เมตริกตันต่อปี ส่วนในประเทศอุตสาหกรรมเกิดใหม่การลดคาร์บอนอาจน้อยกว่า เช่น ประเทศไทยจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ราว 54 เมตริกตันต่อปี อย่างไรก็ตาม ในเมืองที่มีปัญหาด้านมลภาวะในระดับอันตราย เช่นกรุงเทพฯก็จะยังคงมีผลกระทบด้านคุณภาพอากาศอยู่
ผลรายงานยังเผยอีกว่า ผู้ที่ย้ายการทำงานยืดหยุ่นจากที่บ้านสู่พื้นที่ โค เวิร์คกิ้ง สเปซ จะส่งผลดีต่อสภาพแวดล้อม โดยการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ โดยสามารถใช้ความร้อนและแสงสว่างในพื้นที่ที่ใช้ร่วมกันมากกว่าบ้านที่สามารถทำงานได้คนเดียว
คุณ ลาส์ วิททิก ผู้จัดการภูมิภาคประจำประเทศไทย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม กัมพูชาและเกาหลีใต้ (IWG) กล่าวว่า “การเดินทางไปมานั้นไม่สะดวกสบาย น่าเบื่อ และเสียเวลาอย่างมาก ที่สำคัญยังเป็นเป็นตัวการสร้างมลพิษทั่วโลก ในยุคที่ธุรกิจ และผู้คนทุกคนมีความรับผิดชอบต่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การเดินทางไปยังเมืองใหญ่ๆ อย่างพร่ำเพรื่ออาจเป็นเรื่องที่ล้าสมัย จากผลการวิจัยนี้ เราตั้งเป้าว่าในทศวรรษหน้า จะมีการเปิดพื้นที่ทำงานครบวงจรขยายไปยังสถานที่อื่น ๆ ให้มากขึ้น ในเมืองเล็ก ๆ และพื้นที่ชานเมือง โดยวิสัยทัศน์ของเราคือ ในอนาคตอันใกล้จะมีพื้นที่ทำงานระดับมืออาชีพที่พร้อมให้บริการในทุก ๆ มุมเมือง ลดปัญหาในการเดินทาง ซึ่งสิ่งนี้จะนำมาซึ่งประโยชน์ต่อสุขภาพของเราทุกคน เช่นเดียวกับโลกใบนี้”
ผลประโยชน์ในเชิงธุรกิจ
ขณะนี้บริษัทใหญ่ๆ เริ่มมีการใช้นโยบายการทำงานแบบยืดหยุ่น เพิ่มพื้นที่การทำงานด้านนอกแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องทำงานที่สำนักงานใหญ่ซึ่งเป็นศูนย์รวมของทุกสิ่งเท่านั้น โดยจากผลการศึกษายังเผยให้เห็นถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจของพื้นที่ชานเมืองที่พบว่า “เศรษฐกิจแบบยืดหยุ่น" สามารถสร้างรายได้มากกว่า 254 พันล้านเหรียญสหรัฐให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นของไทยภายในปี 2029 และยังพบการสร้างงานใหม่ในชุมชนเฉลี่ย 121 งาน ซึ่งจะสร้างรายได้อีกราว 9.63 ล้านเหรียญสหรัฐไปสู่เศรษฐกิจท้องถิ่นโดยตรง ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มได้ที่ www.regus.com/suburban-economic-survey
หมายเหตุ
การศึกษาของ Regus วิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมของการทำงานที่ยืดหยุ่นใน 19 ประเทศออสเตรเลียออสเตรีย เบลเยี่ยม บราซิล แคนาดา จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ สเปน สหราชอาณาจักร สวิตเซอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา
Regus
Regus ซึ่งก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 1989 เป็นผู้ริเริ่มรายหนึ่งในการให้บริการพื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่น ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเลือกวิธีการทำงานที่เหมาะสมที่สุดสำหรับบุคลากรของตนเองได้ โดยในขณะนี้ได้ขยายไปทั่วโลกมากกว่า 3,000 สาขา เครือข่ายพื้นที่ทำงานที่เจริญก้าวหน้าและก่อให้เกิดแรงบันดาลใจระดับโลกของ Regus ช่วยให้ธุรกิจสมัยใหม่สามารถทำงานในสถานที่ เวลา และลักษณะที่ตนเองต้องการได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้น Regus ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เติบโตขึ้นอย่างยืดหยุ่นโดยไม่มีความเสี่ยงหรือข้อผูกมัดใดๆ และยังดึงดูดเครือข่ายบุคคลที่มีความหลากหลาย 2.5 ล้านคน ตั้งแต่ผู้ประกอบการและ SME ไปจนถึงบริษัทข้ามชาติที่มีความมั่นคงสูง
Regus เป็นแบรนด์ดำเนินงานของ IWG plc ซึ่งเป็นกลุ่มโฮลดิ้งสำหรับผู้ให้บริการพื้นที่ทำงานชั้นนำจำนวนมาก แบรนด์อื่นในกลุ่ม IWG ได้แก่ Spaces, HQ, No18 และ Signature by Regus www.regus.com
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี